ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1831 เนิน
ตอนที่ 1831 เนิน
………………..
แต่เมื่อมองไปยังดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความโกรธของแม่นางฝ่ายตรงข้าม คิ้วเรียวดั่งก้านหลิวตั้งขึ้นเล็กน้อย เดิมทีใบหน้าของนางก็งดงามราวกับดอกกุหลาบอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะความโกรธจึงทำให้ใบหน้าของนางแดงก่ำขึ้นหลายส่วน เป็นความงามของมนุษย์ที่แท้จริง
เยี่ยนชิงครุ่นคิดอยู่ในใจ
เหมือนว่านางจะโกรธขึ้นจริงๆ แล้ว
“ถ้าเช่นนั้น…ครั้งหน้าข้าไม่หลบก็ได้”
เมื่อยืนอยู่ฝั่งตรงกันข้าม เขาก็จะสามารถช่วยพยุงอีกฝ่ายได้ทันเวลา
น้องแปดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องมองเยี่ยนชิงตาเขม็ง นางแน่ใจว่าเขาไม่ได้หยอกล้อ และพูดคำนั้นอย่างจริงจัง
นางอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
บนโลกนี้เหตุใดถึงมีผู้ชายแบบนี้อยู่ด้วย?
ทั้งซื่อทั้งบื้อ แล้วก็ยังโง่อีก
คำพูดเหล่านี้ทำให้นางอยากจะพุ่งเข้าไปโจมตีอีกฝ่ายให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เยี่ยนชิงรู้สึกมึนงงเป็นอย่างมาก
เหตุใดนางถึงดูโกรธมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม?
เมื่อครู่นี้เขาก็คล้อยตามสิ่งที่นางต้องการแล้วไม่ใช่หรือ?
เขารู้ว่าเด็กสาวคนนี้ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับเขา ดังนั้นระหว่างทาง เพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้ง เขาจึงต้องอดทนกับนางอยู่หลายครั้ง
แต่เหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่รับน้ำใจจากเขาเลยสักครั้ง อีกทั้ง…ความขัดแย้งก็รุนแรงมากยิ่งขึ้น
“เจ้า! ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
น้องแปดหมุนตัวเดินออกไปด้วยความโกรธ
กระโปรงของนางพลิ้วตามสายลม เหมือนกับผีเสื้อตัวหนึ่งที่แค่ขยับตัวเบาๆ ก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ ก่อนจะบินหายออกไป
เพียงแต่…นางเดินเข้าไปใน “จวนเยว่” หลังสีทองคำอร่ามตา
“นิสัยของน้องแปดตรงไปตรงมา ใต้เท้าเยี่ยนชิงอย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะขอรับ”
เยี่ยนชิงส่ายหน้า
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงโกรธขึ้นมา แต่…
ถ้าเขาเป็นคนล่วงเกินอีกฝ่าย เช่นนั้นเขาก็จะเป็นฝ่ายยอมแพ้
แต่หากมันไม่ได้ผล เขาจะเป็นฝ่ายเลี่ยงให้ก็ได้
โต้เถียงกับเด็กสาวคนหนึ่งมีอันใดให้น่าคิดเล็กคิดน้อยกัน?
…
เมื่อเดินเข้ามาในคฤหาสน์ ฉู่หลิวเยว่ก็เห็นห้องมงคลที่แขวนด้วยผ้าสีแดง
หากคนไม่รู้จะคิดว่า ที่แห่งนี้จะต้องจัดงานมงคลอันใดสักอย่างแน่นอน
ครานี้แม้กระทั่งหรงซิวที่เดินติดตามมาก็ยังชะงักฝีเท้าไปทันทีที่เห็น
ฉู่หลิวเยว่แทบจะหายใจไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นนางก็โบกมือขึ้น
“ซานซาน เจ้าจะตกแต่งหรูหราโอ้อวดเกินไปแล้วหรือไม่ ลืมไปแล้วหรือว่าก่อนหน้านี้ข้าพูดกับเจ้าว่าอย่างใด การเป็นคน จะต้องถ่อมตน ต้อง…”
“ต้องไม่โอ้อวด”
ซานซานคล้อยตามราวกับกระแสน้ำ
ในที่สุดคราวนี้เขาก็เข้าใจความหมายของฉู่หลิวเยว่ได้อย่างรวดเร็ว
เขารีบพยักหน้าขึ้นลงด้วยความเข้าใจ
“นายท่านมีความคิดยอดเยี่ยม! ท่านดูสิ เมื่อท่านมาถึงข้าก็รู้สึกดีใจเกินไป!”
เขาลูบศีรษะของตนเอง จากนั้นก็บอกกับคนด้านข้าง
“ใครก็ได้! รีบถอดของพวกนี้ออกไปซะ! ต่อจากนี้ไปจวนเยว่แห่งนี้ จะขึ้นตรงต่อนายท่านผู้นี้!”
ทุกคนตอบรับโดยพร้อมเพรียง
ประสิทธิภาพค่อนข้างน่าตกใจเป็นอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่อุทานออกมาว่า “เอ๋” หนึ่งเสียง
เดิมทีนางคิดว่าบ่าวรับใช้เหล่านี้เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป แต่ตอนนี้นางถึงพึ่งค้นพบว่า ฝีมือของพวกเขาเหมือนว่าจะไม่เลวเลย
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ถือว่าเป็นยอดยุทธ์ระดับสูง
ในเมื่อไม่สามารถเปรียบเทียบกับพระราชวังเมฆาสวรรค์ได้ แต่ดูจากภาพรวม อีกทั้งการจัดการเหล่านี้แล้ว
หากมีคนเยอะกว่านี้อีกสักหน่อย มาตรฐานโดยรวมสูงขึ้นกว่านี้อีกสักนิด บางทีเมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลระดับสาม ก็นับว่าไม่ได้ด้อยกว่ากันเลย
ซานซานพาพวกเขาเข้าไปในห้องโถง เมื่อได้ยินฉู่หลิวเยว่ถามถึงความเป็นมาของคนเหล่านั้นแล้ว เขาก็หัวเราะออกมาแล้วพูดขึ้นว่า
“นายท่านคาดเดาได้ถูกต้อง คนเหล่านี้เป็นคนที่ข้านั้นคัดเลือกออกมาอย่างพิถีพิถัน แต่ละคนล้วนมีพรสวรรค์และฝีมือ อีกทั้งท่านสามารถไว้วางใจได้ ก่อนที่พวกเขาจะสมัครเข้ามา ข้านั้นได้ตรวจสอบภูมิหลังของพวกเขาอย่างละเอียดแล้ว ตระกูลของพวกเขาล้วนใสสะอาด ไม่มีทางก่อปัญหาเด็ดขาด”
หากจะถามว่าเหตุใดถึงสามารถหาได้มากมายขนาดนี้…
แน่นอนก็เป็นเพราะว่า มีคนมาที่ท่าเรือดอกท้ออยู่ทุกวัน
คนที่สามารถเข้ามาที่นี่ได้ เดิมทีแล้วจะไม่ใช่พวกที่อ่อนแอ
ดังนั้นหลังจากที่เขาคัดเลือกอีกรอบก็ล้วนเป็นคนที่ไม่เลวเลย
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองขึ้นลง
“ข้าเห็นว่าในกลุ่มคนเหล่านั้นมีคนที่ฝีมือแข็งแกร่งกว่าเจ้าด้วย เจ้าเพียงคนเดียว…จะสามารถควบคุม…” ซานซานหัวเราะขึ้น เขารู้ว่าฉู่หลิวเยว่กำลังตำหนิที่เขาไม่ฝึกซ้อม แต่เขาไม่ได้ใส่ใจ และพูดอธิบายขึ้นว่า
“ลำพังใช้เพียงความแข็งแกร่งของข้า แน่นอนว่ามันไม่เพียงพอ แต่ว่าท่านลืมไปแล้วหรือ ข้าเปิดร้านโอสถอยู่ในท่าเรือดอกท้อนะขอรับ! ในท่าเรือดอกท้อ ของวิเศษและสมุนไพรคุณภาพดีจะมีราคาสูงเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าไม่ใช่ทุกคนที่สามารถซื้อได้ เมื่อพวกเขาอยู่ที่นี่กลายเป็นคนของจวนเยว่ ดังนั้นเขาจึงสามารถซื้อได้ในราคาที่ต่ำ นี่เป็นโอกาสที่คนจำนวนมากอยากได้รับแต่ก็ไม่มีโอกาส!”
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง
ถ้ามีชีวิตอยู่จะพูดอันใดก็พูดได้ แต่ถ้าตายไปแล้ว…นั่นถึงจะเรียกว่าไม่มีอันใดเลย
มิน่าล่ะซานซานจึงสามารถมั่งคั่งร่ำรวยในระยะเวลาสั้นๆ
การทำธุรกิจในท่าเรือดอกท้อนั้นทำผลกำไรได้มหาศาลเลยไม่ใช่หรือ?
“แล้วสำนักกระบี่ทมิฬนั่นล่ะ มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”
คนอื่นอยากได้รับสมุนไพรดีๆ จากซานซาน ถ้าพวกเขาไม่ได้เสียสละตนเอง ก็ต้องจ่ายเงินจำนวนมาก
แต่คนของสำนักกระบี่ทมิฬเหล่านั้น กลับให้พวกเขาส่งสมุนไพรไปถึงหน้าบ้านทุกเดือน
เมื่อมารับสมุนไพรล่วงหน้า หากไม่ได้จัดเตรียมเอาไว้ เขาก็จะชักดาบออกมาเพื่อทำร้ายคน
ท่าทางกำเริบเสิบสานจนคนอื่นคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว ใบหน้าของซานซานก็ขมขื่นยิ่งกว่าเดิม
เขาเหลือบสายตาไปมองเฉินอีที่ยืนอยู่ด้านข้าง พร้อมขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า
“ความจริงแล้วในเรื่องนี้ ข้าก็เคยพูดกับพี่ใหญ่ไปแล้ว เดิมทีข้าก็เปิดร้านขายยาอยู่ดีๆ นับตั้งแต่คนของสำนักกระบี่ทมิฬค้นพบร้านข้า เขาก็มาเสนอเงื่อนไขให้กับข้าโดยตรง เดิมทีแล้วนั้นข้าก็ไม่เห็นด้วย แต่คนเหล่านั้น…”
ในแววตาของเขามีประกายความน่ากลัวออกมาสายหนึ่ง
“วิธีการของคนเหล่านั้นค่อนข้างจะรับมือยาก ดังนั้นข้าจึงตอบตกลงไปอย่างจนปัญญา”
ฉู่หลิวเยว่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ พร้อมครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
ซานซานให้ความสำคัญกับเงินเป็นอย่างมาก
เป็นเรื่องยากมากที่จะเอาเงินจากเขาสักสลึง ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายก็เอาสมุนไพรราคาแพงไปเป็นจำนวนมากไม่ใช่หรือ?
นี่เรียกว่าเป็นการปล่อยเลือดสีแดงให้รินไหล
ในสถานการณ์แบบนี้ ซานซานต้องอดทนเป็นอย่างมาก แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นมีอำนาจเหนือกว่าและเผด็จการอย่างมาก
หากไม่ใช่เพราะเขาถูกบีบจนไม่มีหนทาง นางเชื่อว่าซานซานไม่มีทางทำเช่นนี้แน่นอน
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เมื่อพวกเขาสนใจร้านยาของเจ้าขนาดนี้ แล้วเหตุใดไม่ยึดไปโดยตรงเลยล่ะ แต่กลับใช้เจ้าเป็นตัวกลาง?”
หากเป็นเช่นนี้ เรื่องยุ่งยากมันไม่ได้เพิ่มมากขึ้นหรอกหรือ?