ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1832 ไพ่ไม้ตาย
ตอนที่ 1832 ไพ่ไม้ตาย
………………..
นี่ก็เป็นเรื่องที่ฉู่หลิวเยว่คิดไม่ตก
เมื่อนางเห็นพฤติกรรมของสำนักกระบี่ทมิฬแล้ว อีกฝ่ายก็ดูเหมือนว่าไม่ใช่คนที่จิตใจดีสักเท่าไร
ความจริงแล้วแม้ว่าซานซานจะมอบสมบัติล้ำค่าให้เขาทุกเดือน ทว่าบางครั้งเขาก็โดนรังแกจากอีกฝ่ายด้วย
แต่ซานซานกลับมีชีวิตที่ดี อีกทั้งยังสามารถทำเงินได้ไม่น้อย
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว สีหน้าของซานซานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ใบหน้าของเขามีความลังเลปรากฏขึ้น เหมือนกับว่าไม่รู้จะพูดอย่างใดดี
“คือว่า…คือว่าเรื่องนี้พูดไปแล้วมันก็ยาว…”
เขามองออกไปด้านนอก หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่ เขาจึงพูดออกมาว่า
“นายท่าน ฝ่าบาท พวกท่านรู้จักผาธารใสหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ก่อนหน้านี้เสี่ยวจ้าวได้เล่าแล้วว่า ผาธารใสถูกทัณฑ์สวรรค์ผ่าออก ด้านในมีพื้นที่มิติขนาดเล็กอยู่ ภายในนั้นมีสมบัติจำนวนนับไม่ถ้วนใช่หรือไม่?”
ซานซานถอนหายใจออกมา
“ถูกต้อง ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะผาธารใส”
“ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าเพิ่งมาอยู่ที่นี่ ข้าได้ทำธุรกิจเล็กๆ อย่างยากลำบากมาโดยตลอด ต่อมามีวันหนึ่งที่ข้ารู้สึกอารมณ์เสีย ข้าจึงไปนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ที่ผาธารใสแห่งนั้น แต่ในวันนั้นข้ากลับได้เจอกับทัณฑ์สวรรค์”
“ยังดีที่ข้าสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และวิ่งหนีได้ทัน ทัณฑ์สวรรค์ในวันนั้นจึงไม่ได้ผ่าลงที่ข้า แต่ว่าทัณฑ์สวรรค์สายนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก พลังแห่งสวรรค์และโลกที่อยู่โดยรอบปั่นป่วน ข้าจึงออกไปจากที่แห่งนั้นไม่ได้ ทำได้เพียงหาที่ปลอดภัยหลบอยู่เสียก่อน”
“ทัณฑ์สวรรค์ผ่าลงมาเกือบทั้งคืน ในที่สุดตอนรุ่งสางมันก็หยุดลง เดิมทีแล้วกว่าจะรอดจากสถานการณ์อันตรายครั้งนี้ได้ก็ยากลำบากเป็นอย่างมาก ข้าจึงอยากจะออกจากที่แห่งนั้นในทันที แต่เมื่อข้าเหลือบสายตาไปมองก็ค้นพบว่าผาธารใสแห่งนั้นถูกทัณฑ์สวรรค์แบ่งออกเป็นสองส่วนแล้ว! ด้วยเหตุผลบางอย่างจึงทำให้ตรงกลางมีทะเลสาบปรากฏขึ้น ในใจของข้าเต็มไปด้วยความอยากรู้ เมื่อคิดว่าทัณฑ์สวรรค์หมดแล้ว น่าจะไม่มีอันตรายใดๆ ดังนั้นข้าจึงเดินเข้าไปด้านใน”
“เฮ้อ! แต่ใครจะรู้เล่าว่าที่แห่งนั้นจะมีมิติอีกมิติหนึ่งอยู่! ข้าคิดว่ามันเป็นทะเลสาบ แต่ความจริงแล้วมันเป็นมิติที่แยกออกมา ของวิเศษจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนรวมตัวกันอยู่ที่นั่น!”
นี่ถือว่าเป็นโชคหล่นทับอย่างแท้จริง
ปกติแล้วจะหยิบแผ่นทองแดงที่ตกบนถนน แต่ยิ่งไปกว่านั้นในสถานการณ์แบบนี้ล่ะ?
“ในตอนนั้นข้าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก จึงพุ่งตัวเข้าไปอย่างไม่คิด แต่เมื่อข้าเพิ่งจะยื่นมือเข้าไปก็ถูกระลอกคลื่นจากม่านพลังปล่อยกระทบออกมา โจมตีฝ่ามือของเขา…แต่หลังจากนั้น คาดไม่ถึงว่าข้าจะได้เข้าไปด้านใน อีกทั้ง…อีกทั้ง…”
น้ำเสียงของซานซานแฝงความลังเล
ฉู่หลิวเยว่กลับเข้าใจอันใดบางอย่างแล้ว
“อีกทั้ง…เจ้ากลายเป็นเจ้าของของพื้นที่มิติแห่งนั้นแล้ว?”
ซานซานเกาหัวแล้วตอบรับอย่างอ้อมแอ้ม
เขาเงยหน้ามองทางฉู่หลิวเยว่
“หากรู้ว่าเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างใดก็ตามข้าก็จัดเก็บพื้นที่มิติแห่งนี้เอาไว้ให้กับนายท่าน!”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“เอาล่ะ นี่เป็นโชคชะตาของเจ้า เดิมทีมันก็เป็นของของเจ้าอยู่แล้ว เจ้ายังจะบ่นพึมพำอยู่เหตุใด?”
ซานซานมีนิสัยอย่างใด มีหรือที่นางจะไม่รู้?
เขาได้รับมิติหนึ่งมาอย่างบังเอิญ เขาน่าจะดีใจจนอยากจะตะโกนขึ้นฟ้าแล้ว
แต่ที่เขาพูดเช่นนี้ เป็นเพราะแสดงความจงรักภักดีเท่านั้น
ฉู่หลิวเยว่รู้ความคิดและเล่ห์กลของเขาเป็นอย่างดี โดยไม่จำเป็นต้องคาดเดาด้วยซ้ำ
ซานซานหัวเราะขึ้นมาทันที แล้วถูฝ่ามือไปมา
“คิกๆ …ก็ยังเป็นนายท่านที่เข้าใจข้า…”
เขาอยากจะเก็บของสิ่งนี้ให้กับนายท่านจริงๆ แต่เรื่องอย่างโชคชะตามันไม่สามารถกำหนดได้
ซานซานส่ายหน้า
“ก็ไม่ได้สมบูรณ์ขนาดนั้น เพียงแต่เมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่นแล้ว ข้าสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบ อีกทั้งยังสามารถพาคนไปได้อีกสองสามคน สมุนไพรเหล่านั้น ข้าก็เป็นคนไปเก็บมาเองทุกครั้ง”
เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
พื้นที่มิติขนาดเล็กแห่งนั้น เปรียบเสมือนกับคลังสมบัติ แต่ทว่ามีซานซานคนเดียวเท่านั้นที่ถือกุญแจ!
ซานซานกดเสียงลงต่ำ
“ความจริงแล้ว…หลังจากนั้นข้าก็ค้นพบว่า ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไร ข้าก็จะสามารถพาคนเข้าไปได้มากขึ้นเท่านั้น”
แต่พลังของเขาในตอนนี้มีจำกัด จึงพาไปได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
หลังจากที่พลังของเขานั้นทะยานขึ้นฟ้า ไม่แน่ว่าเขาอาจจะสามารถพาคนเข้าไปได้เป็นร้อยคนเลยก็ได้!
“แต่พวกคนของสำนักกระบี่ทมิฬไม่รู้เรื่องนี้ พวกเขารู้เพียงว่า หากข้าตาย มิติแห่งนี้ก็จะถูกปิดลงอีกครั้ง และเป็นไปได้ว่ามันจะพังทลายไปด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าทำอันใดข้า”
นี่คือความมั่นใจของซานซาน
ในตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ก็เข้าใจได้แล้ว
มิน่าล่ะ…
หากเป็นในกรณีนี้ก็เข้าใจได้ไม่ยากว่า เหตุใดความสัมพันธ์ของซานซานและสำนักกระบี่ทมิฬถึงแปลกประหลาดเช่นนี้
คนของสำนักกระบี่ทมิฬใช้ประโยชน์จากซานซานเพื่อเอาของวิเศษออกมา
ส่วนซานซานก็ใช้ประโยชน์จากอำนาจของสำนักกระบี่ทมิฬเพื่อยืนในท่าเรือดอกท้อได้อย่างมั่นคง
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองมาทางเขา
“ซานซาน นี่มันเป็นการขอหนังเสือจากเสือเลยนะ”
ซานซานกระแอมไอขึ้นมา พร้อมเผยสีหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม
“นายท่าน ข้าไม่มีทางเลือกนี่นา…”
หลังจากที่เข้ามาที่นี่ เหมือนว่าเฉินอีจะไม่ได้พูดอันใดเลยสักคำ
เมื่อเห็นซานซานขอความช่วยเหลือเร่งด่วน เขาจึงพูดขึ้นมาว่า
“ที่เขาทำเช่นนี้ แม้ว่าจะอันตราย แต่ก็เป็นการได้ผลประโยชน์ทั้งคู่ ไม่ว่าอย่างใดก็ตามก็ดีกว่ารอให้คนที่แข็งแกร่งกว่ามาสังหาร”
ร้ายดีอย่างใดในมือของซานซานก็ยังมีไพ่ไม้ตายอยู่ และไพ่ไม้ตายใบนั้นถือว่าสามารถปกป้องเอาชีวิตรอดได้แน่นอน
อู่เหยา “พี่ใหญ่พูดได้ถูกต้อง”
อวี๋จิ่ว “พี่ใหญ่พูดได้ถูกต้อง”
สือซาน “พี่ใหญ่พูดได้ถูกต้อง”
สือฟัง “พี่ใหญ่พูดได้ถูกต้อง นายท่าน ตอนนี้พี่สามเท่ากับว่าเป็นแม่ไก่ที่สามารถออกไข่ได้ ถ้าคนของสำนักกระบี่ทมิฬมีสมอง ก็ไม่มีทางฆ่าไก่เพื่อเอาไข่แน่นอน!”
มุมปากของซานซานกระตุกขึ้น เขาหันไปจ้องมองสือฟังตาเขม็ง
หลังจากคนกลุ่มนั้นพูดจบ ภายในห้องก็ตกสู่ความเงียบอีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่หันมองทางน้องแปด
ในตอนนั้นเอง นางเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางเซื่องซึมเป็นอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้น “น้องแปด เจ้ามีความเห็นว่าอย่างใด?”
น้องแปดไม่พูดไม่จา
“น้องแปด?”
ฉู่หลิวเยว่ตะโกนเรียกชื่อนางอีกหนึ่งเสียง
น้องแปดถึงจะสามารถดึงสติกลับมาได้ นางเงยหน้าขึ้นมองฉู่หลิวเยว่
“อันใดนะ? หา จริงสิ…พี่ใหญ่พูดได้ถูกต้อง”
ฉู่หลิวเยว่ “…เจ้าเป็นอันใดไปหรือ? เหมือนว่าสติจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย?”
น้องแปดลังเลที่จะพูด แต่สุดท้ายก็หันไปมองทางซานซาน
“ไม่มีอันใด ข้าแค่ถูกรสนิยมทางความงามของพี่สามทำให้ตกตะลึงไปเท่านั้น”