ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1833 ทางเลือกที่ดีที่สุด
ตอนที่ 1833 ทางเลือกที่ดีที่สุด
………………..
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตามองทางน้องแปดอย่างครุ่นคิด
“ทะเลาะกับเยี่ยนชิงอีกแล้วหรือ?”
“เปล่าเสียหน่อย!”
น้องแปดรีบโต้เถียงในทันที น้ำเสียงสูงขึ้นหลายส่วน
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจแล้ว
ทะเลาะกันจริงๆ ด้วย
ไม่รู้ว่าเหตุใด เมื่อทั้งสองคนนี้อยู่ด้วยกันจะต้องทะเลาะกันอยู่เรื่อยไป
ปกติแล้วน้องแปดเป็นคนที่มีเสน่ห์ยั่วยวน นอกจากผู้พิทักษ์สิบสามเยว่แล้ว เมื่อพูดคุยกับคนอื่นนางจะใช้น้ำเสียงนุ่มนวล
แต่ตอนนี้เมื่อพูดคุยกับเยี่ยนชิงก็ไม่รู้ว่ากินอันใดผิดสำแดงหรือไม่ นางมักจะหงุดหงิดง่ายมาก
ตามหลักการแล้ว เยี่ยนชิงที่เป็นแค่ก้อนน้ำแข็ง เย็นชาจนสามารถแช่แข็งคนได้ แต่เมื่ออยู่กับน้องแปดเขามักจะเป็นฝ่ายยอมเสมอ…
ไม่รู้จริงๆ ว่าเยี่ยนชิงไปล่วงเกินอันใดนางไว้กันแน่
ฉู่หลิวเยว่ยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ
“น้องแปด แม่นางที่โกรธบ่อยๆ มักจะแก่เร็วนะ”
น้องแปดเบิกตากว้างอ้าปากค้าง แล้วรีบจับใบหน้าของตนเอง
แย่แล้ว!
ช่วงนี้นางโกรธอยู่เป็นประจำเลย คงไม่มีริ้วรอยขึ้นจริงๆ ใช่หรือไม่?
“ข้าจะกลับไปพักผ่อนก่อน!”
นางทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้ แล้วรีบหมุนตัวเดินออกไป
ผู้ชายจะนับเป็นอันใดได้ ความงามสิสำคัญที่สุด!
แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไป แต่คนบางคนก็ยังคงถูกโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวก็จอดได้
“เจ้ารู้จักสำนักกระบี่ทมิฬนี้มากน้อยเท่าใด?”
หรงซิวหันไปมองทางซานซาน
“นายท่านที่พวกเขาพูดถึง เจ้าเคยเจอหรือไม่?”
ซานซานมีสีหน้าตึงเครียดขึ้นมาก จากนั้นเขาก็ส่ายหน้า
“จวนสำนักกระบี่ทมิฬนั้นคุ้มกันเข้มงวดเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่ข้าไป จะต้องผ่านการตรวจสอบหลายด่าน อีกทั้งนายท่านของพวกเขาก็ลึกลับเป็นอย่างยิ่ง เวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้ว แต่ข้าก็ไม่เคยเจอเลยสักครั้ง ทุกครั้งคนที่มารับคือ มั่วอวิ๋น…เป็นชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ซึ่งเขามีตำแหน่งเป็นรองประมุขสำนักกระบี่ทมิฬ ฐานะของเขาสูงส่งมาก โดยทั่วไปแล้วจะรับผิดชอบเรื่องน้อยใหญ่ที่อยู่ภายในสำนักกระบี่ทมิฬแห่งนี้”
มั่วอวิ๋น…
หรงซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย ในแววตามีประกายดำมืดพาดผ่าน
“เจ้าคิดอันใดขึ้นมาได้งั้นหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้น
หรงซิวชะงักไป จากนั้นก็ส่ายหน้า
“ข้าเพียงแค่คาดเดาอันใดบางอย่างได้เท่านั้น แต่ว่ายังไม่แน่ใจ รอให้เข้าใจมากกว่านี้ก่อน ค่อยบอกให้เจ้ารู้ก็ยังไม่สาย”
ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าเขาจะไม่ต่อสู้ถ้ายังไม่รู้สึกมั่นใจ สำหรับเรื่องที่ยังมีข้อสงสัยอยู่เช่นนี้ นางก็ยังจะไม่ตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่น และไม่ได้ซักไซ้ถามต่อ
สิ่งที่นางอยากรู้ในตอนนี้ก็คือ สำนักกระบี่ทมิฬทุ่มเทแรงกายใจต่อเกาะดอกท้อเช่นนี้ เขาคิดจะทำอันใดกันแน่?
เขาต้องการจะยึดสถานที่แห่งนี้เป็นของตนเองใช่หรือไม่?
ต่อให้ที่แห่งนี้จะมีผาธารใส แต่มันก็ไม่ใช่ของของเขา ถ้าเขาอยู่ที่นี่แล้วจะมีประโยชน์อันใด?
เพียงเพราะสมุนไพรและโอสถเหล่านี้หรือ?
ไม่น่าใช่
เพียงเพื่อพลังแห่งสวรรค์และโลกที่เต็มเปี่ยมในที่แห่งนี้หรือ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง
“หลังจากคนสำนักกระบี่ทมิฬมาที่นี่แล้ว จำนวนของสมาชิกสำนักเพิ่มขึ้นเยอะหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดแล้วพูดขึ้นว่า
“หากพูดตามตรงแล้ว ไม่นับว่าเยอะ ไม่ว่าใครที่ต้องการเข้าร่วมสำนักกระบี่ทมิฬ พวกเขาต้องใช้เวลาทดสอบหนึ่งเดือน คนที่ผ่านการประเมินนี้เท่านั้นถึงจะสามารถอยู่ต่อได้ คนที่ไม่ผ่านการทดสอบ ก็ถือว่าถูกคัดออก จากที่ข้ารู้มานั้น คนที่ตกรอบมีเป็นจำนวนมากจนน่าตกใจ”
“แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น คนที่ต้องการจะเข้ามาสมัครก็มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง”
นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาคาดเดาอยู่เช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้วสำนักกระบี่ทมิฬก็นับว่ามีอำนาจสูงที่สุดในท่าเรือดอกท้อ
หากได้กลายเป็นสมาชิกของพวกเขาก็สามารถรับประกันความปลอดภัยได้แน่นอน อีกทั้งยังสามารถอยู่ในท่าเรือดอกท้อได้อย่างสมเหตุสมผล
คนที่มาจากด้านนอกอาณาจักรเสิ่นซวี่พยายามเข้ามาในวงการนี้อย่างสุดกำลัง
ผู้ที่สิ้นหวังมาที่นี่ด้วยสาเหตุหลากหลายประการ แน่นอนว่าพวกเขาก็แค่อยากคว้าโอกาสนี้เอาไว้
“ความจริงแล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการจะเข้าร่วมกับสำนักกระบี่ทมิฬ ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่มีความแค้นกับพวกเขา แต่จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีอำนาจฝ่ายใดที่สามารถต่อกรกับเขาได้”
ซานซานอธิบาย
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าเหตุใดเขาถึงยังติดต่อกับอีกฝ่ายจนถึงตอนนี้
ความจริงแล้ว…เขาถูกบีบบังคับด้วยชีวิต!
ฉู่หลิวเยว่ตกอยู่ในห้วงความคิด
หลังจากฟังสิ่งที่ซานซานพูดแล้ว นางเข้าใจสถานการณ์ทั่วไปของท่าเรือดอกท้อแล้ว
รวมถึงสำนักกระบี่ทมิฬด้วย
แต่ยิ่งนางรู้มากเท่าไร นางก็ค้นพบว่าเรื่องนี้มันตึงมือมากเท่านั้น
เดิมทีนางคิดว่านางจะมาดูสถานการณ์ของฝั่งของซานซาน จากนั้นก็เตรียมตัวสร้างกองกำลังของตนเอง
“ซานซาน ก่อนหน้านี้เจ้าพูดเอาไว้ไม่ใช่หรือว่าเจ้ามีที่หลายแห่งเอาไว้ให้นายท่านเลือก?”
“อ่า! จริงด้วย! ข้าเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย!”
คำพูดของเฉินอีเตือนสติซานซาน
เขาจะรีบหยิบกระดาษสองสามแผ่นออกจากในอก แล้วยื่นมาให้
“นายท่าน สถานที่เหล่านั้นคือสิ่งที่ข้าได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ ข้อดีและข้อเสียก็ได้เขียนเอาไว้ด้านบนแล้ว หากท่านมีตรงไหนที่ไม่เข้าใจ ก็สามารถถามข้าได้ในทันที”
ฉู่หลิวเยว่รับกระดาษนั้นไป…พร้อมพลิกอ่านอย่างละเอียด
สถานที่เหล่านี้ ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่และเป็นสถานที่ที่พลังสวรรค์และโลกเต็มเปี่ยม
บางแห่งยังไม่มีเจ้าของ บางแห่งมีเจ้าของแล้ว
ที่ไม่มีเจ้าของก็จะอันตรายเล็กน้อย สถานที่ที่มีเจ้าของแล้วก็จำเป็นจะต้องใช้เงินจำนวนมาก เพราะต้องซื้อจากตระกูลระดับสูงที่ครอบครองมันอยู่
สรุปแล้ว พวกมันมีทั้งข้อดีและข้อเสียของตนเอง
หลังจากฉู่หลิวเยว่อ่านจบ นางก็ส่งไปให้หรงซิว
“เจ้าลองดูสิ”
หรงซิวอ่านอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงไม่นานเขาก็อ่านจบ
เขาเงยหน้าขึ้นมองฉู่หลิวเยว่ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยว่า
“เจ้าชอบที่ไหน?”
ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่มีประกายความลังเลฉายชัด
รอยยิ้มของหรงซิวกดลึกขึ้น จากนั้นเขาก็ส่งกระดาษเหล่านั้นคืนให้แก่ซานซาน
ซานซานรีบรับมา จากนั้นก็กวาดสายตาสำรวจนายท่านทั้งสอง
“นายท่าน ฝ่าบาท พวกท่านชอบที่ไหนที่สุดหรือ?”
ซานซานตกใจไป
“ไม่ชอบเลยหรือ?”
สถานที่เหล่านี้เขาคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถัน เหตุใดนายท่านถึงไม่ชอบเลยสักแห่งล่ะ?
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดคำพูดของตนเอง
“ซานซาน ไม่ใช่ที่เหล่านี้ไม่ดี เพียงแต่ว่า…สถานที่เหล่านี้ล้วนไม่เหมาะสม หากใช้เป็นที่พักอาศัยเพียงอย่างเดียวก็คงจะไม่เป็นไร หากต้องการนำมาทำอย่างอื่นด้วยแล้ว เงื่อนไขเท่านี้มันยังไม่เพียงพอ”
นางมีแผนของตนเอง เห็นได้ชัดว่าสถานที่เหล่านี้ยังไม่ตรงตามเงื่อนไขของนางเลย
“แต่ว่า…ด้วยกำลังทรัพย์ของข้าในปัจจุบันนี้ ก็ทำได้เพียงเลือกสถานที่เหล่านี้เท่านั้น…” ซานซานรู้สึกอึดอัดใจอย่างหาได้ยาก
เขารู้แน่นอนว่า สถานที่เหล่านี้ล้วนไม่ใช่ที่ที่ดีที่สุด
แต่เขาก็ไม่มีหนทางอื่นจริงๆ
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มออกมาแล้วกล่าวปลอบใจว่า
“วางใจเถอะ ข้าไม่ได้โทษเจ้า ท้ายที่สุดแล้วนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ จำเป็นจะต้องคิดพิจารณาอย่างละเอียด จะรีบร้อนไปไม่ได้เด็ดขาด ค่อยๆ ดูกันไปน่าจะดีกว่า”
ซานซานทำได้เพียงพยักหน้า
“จริงสิ สามวันหลังจากนี้เจ้าจะต้องนำหญ้าผสานวิญญาณไปให้อีกฝ่ายใช่หรือไม่ เจ้าตั้งใจจะทำอย่างใดหรือ?”
สีหน้าของซานซานลำบากใจยิ่งกว่าเดิม
“ผสานวิญญาณมีจำนวนน้อยมาก เกรงว่าสามวันหลังจากนี้ข้าคงหาหญ้าผสานวิญญาณไปให้พวกเขาได้เพียงครึ่งเดียวจากที่พวกเขาต้องการ”