ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1834 ขุมทรัพย์
ตอนที่ 1834 ขุมทรัพย์
………………..
ของสิ่งนี้ไม่ใช่สมุนไพรทั่วไป จะให้หามาได้ง่ายๆ ได้อย่างใด
ต่อให้เขาเป็นคนไปเก็บสมุนไพรมา แต่มันก็ต้องมีให้เก็บก่อนสิ!
“หากเจ้าไม่สามารถทำตามเงื่อนไขของเขาได้ ผลลัพธ์จะเป็นอย่างใดหรือ?”
ซานซานยักไหล่ขึ้น
“ทำตามไม่ได้ก็ทำตามไม่ได้สิ อย่างมากข้าก็แค่ถูกลงโทษ แต่ก็คงไม่หนักหนาเกินไป”
ท้ายที่สุดแล้วอีกฝ่ายก็ยังต้องให้เขาเป็นคนเข้าไปในผาธารใส เพื่อเอาของวิเศษเหล่านั้นออกมา
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดสักพักหนึ่ง
“ข้าก็มีอยู่บ้าง หรือว่าเจ้าจะเอาไปใช้ก่อน”
แม้ว่าซานซานจะพูดเช่นนั้น แต่นางก็รู้ว่าคนของสำนักกระบี่ทมิฬนั้นโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก ดังนั้นนางจึงรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา
สามารถช่วยทำให้ซานซานลดความทุกข์ทรมานลงได้สักเล็กน้อยก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
ซานซานชะงักไปเล็กน้อย เขาทั้งรู้สึกยินดีและตื่นเต้น
“นี่…นี่คงไม่เหมาะสมกระมัง นายท่าน…”
“ไม่ต้องกังวล ข้าแค่ให้เจ้ายืมเท่านั้น เดี๋ยวลงบัญชีเอาไว้ก่อน หลังจากนี้เจ้าค่อยหามาคืนข้าก็พอ”
ฉู่หลิวเยว่ส่งรอยยิ้มปลอบใจ
ไม่ว่าอย่างใดก็ตามตอนนี้ซานซานมีพื้นที่มิติขนาดเล็กนั้นแล้ว มีสมุนไพรชนิดไหนที่นางต้องการแล้วเขาไม่มีบ้าง?
ขอเพียงรอไปอีกสักหน่อย จะต้องได้กลับมาพร้อมดอกเบี้ยแน่นอน
ซานซานมีสีหน้าอ่อนลง
“อ่า”
เขารู้อยู่แล้วว่า เขาไม่สามารถเอาเปรียบนายท่านได้
จวนเยว่มีขนาดไม่เล็ก หลังจากเอาของตกแต่งที่หรูหราออกไปแล้ว มันก็ดูสะอาดตาขึ้นมาในทันที
ศาลา ภาพวาด ดูหรูหรา มีราคาสูง
ตามคำบอกเล่าของซานซาน เขาตั้งใจซื้อที่นี่มาโดยเฉพาะ
ตอนที่เขาซื้อมัน จวนที่ได้รับมาก็ค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ปรับปรุงอันใดมากนัก เขาคิดว่าหลังจากที่ฉู่หลิวเยว่มาที่นี่ เขาค่อยต่อเติมซ่อมแซมตามความต้องการของนาง
แต่อย่างใดก็ตามฉู่หลิวเยว่ขี้เกียจมากเกินกว่าจะใส่ใจ นางจึงพูดออกมาแค่ว่า “ดีมากแล้ว” และตัดสินใจอาศัยอยู่แบบนี้ต่อไป
ซานซานได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเศร้าสร้อยเป็นอย่างมาก
“ก่อนหน้านี้นายท่านของพวกเรามีเกียรติ มีศักดิ์ศรีสูงส่ง ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน หรือว่าเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มก็จะต้องเป็นสิ่งของที่ดีที่สุด แต่ในตอนนี้แม้กระทั่งเรื่องเหล่านี้นางก็ไม่เลือกแล้ว…”
เฉินอีเหลือบมองด้วยสายตาราบเรียบ
“นายท่านเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้ว นางไม่สนใจเรื่องเหล่านี้มานานมากแล้ว แต่ว่า…หากรู้ว่าเจ้าเลือกสถานที่เหล่านั้นมาตั้งแต่แรก ข้าคงไม่กระตุ้นให้นายท่านมาที่นี่หรอก”
หากพูดตามตรง เขาก็ไม่ชอบมันเช่นกัน
ซานซานรู้สึกเสียใจขึ้นมาในทันที
“พี่ใหญ่วางใจเถอะ หลังจากนี้ข้าจะตั้งใจหาเงิน! จะทำให้นายท่านอยากซื้ออันใดก็ต้องซื้อได้!”
เฉินอีพยักหน้า จากนั้นก็เดินออกไป
แค่มีสตินึกคิดเท่านั้นก็พอ
ด้วยความสามารถของซานซานแล้ว ไม่มีอันใดที่เขาทำไม่ได้
…
คนเหล่านี้จึงอาศัยอยู่ในจวนเยว่เช่นนี้
การมาถึงของพวกเขาไม่ได้สร้างระลอกคลื่นภายในท่าเรือดอกท้อ
นอกจากนี้ส่วนใหญ่แล้วคนในท่าเรือดอกท้อล้วนสนใจแต่เรื่องของตนเอง เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องของคนอื่นมากนัก เรื่องเหล่านี้เขายิ่งไม่สนใจ
ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดีมาก ฉู่หลิวเยว่จะได้อยู่อย่างสงบสุข
…
ยามคืนหนาวเย็นราวสายน้ำ
ไร้จันทรา ไร้ดารา
รอบข้างเงียบเสียงจนแม้กระทั่งเข็มตกก็ยังได้ยิน
ฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง ในอากาศมีกลิ่นหอมจางๆ ของดอกท้อ
ทันใดนั้นนางก็นึกว่าตอนนี้คือเมื่อหลายปีก่อน
เหมือนว่า…ทุกสิ่งทุกอย่างจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย
หรงซิวเดินมาที่ด้านหลังของนาง พร้อมกอดเอวของนางเอาไว้ เกยคางไว้บนไหล่ของนาง
ความเงียบที่ไม่มีคำพูด แต่พวกเขากลับเข้าใจกันได้เป็นอย่างดี
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกมาหนึ่งเสียง
“หรงซิว”
“หื้อ?”
“เจ้ารู้สึกว่ามันมหัศจรรย์มากหรือไม่? พวกเราเจอกันครั้งแรกที่ท่าเรือดอกท้อ ข้าไม่คิดเลยว่า จะมีวันหนึ่งที่พวกเราจะได้อยู่ด้วยกัน กลายเป็นสามีภรรยากัน อีกทั้งยังกลับมาในที่แห่งนี้”
ทิวทัศน์ของที่นี่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย เหมือนกับเมื่อก่อนไม่มีผิด
แต่สถานที่หลายแห่งก็มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
ริมฝีปากบางของหรงซิวยกยิ้มขึ้น
“ไม่”
“ตั้งแต่ในครั้งแรก ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเจ้า”
ไม่ว่าจะเขาสูงทะเลลึก ไม่ว่าจะในนรกหรือสวรรค์
ภายในใจของฉู่หลิวเยว่เหมือนมีอันใดบางอย่างพวยพุ่งขึ้น ทำให้นางรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งร่างกาย
ไม่รู้ว่านางจะต้องสะสมความโชคดีมาตั้งกี่ชาติ ถึงจะได้พบคนที่เข้ากันได้แบบเขา
อีกทั้งเขายังดูแลนางประหนึ่งไม่ไข่มุกก็หยก
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเขาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบเหมือนจะเบาบางลงไปไม่น้อยเลย
“ไม่ได้มาที่นี่หลายปี ท่าเรือดอกท้อเปลี่ยนแปลงไปมากทีเดียว”
ฉู่หลิวเยว่บ่นพึมพำ
“คิดไม่ถึงเลยว่าสถานที่ธรรมดาอย่างผาธารใสจะมีความลับซ่อนอยู่มากมายขนาดนั้น…ซานซานนี่โชคดีจริงๆ”
ท่าเรือดอกท้อมีเทือกเขาทอดยาวสลับซับซ้อน ยอดเขาสูงจำนวนนับไม่ถ้วน แต่กลับเป็นผาธารใสที่ถูกทัณฑ์สวรรค์ผ่าลงมา แล้วซานซานก็อยู่ที่แห่งนั้นพอดี
น้ำเสียงของหรงซิวเกียจคร้านและทุ้มต่ำ
เขาหัวเราะเบาๆ
“หากตอนนี้พวกเราไปดูภูเขาสักแห่ง บางทีอาจจะได้เจอกับโชคชะตาอันใดบางอย่าง”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะขึ้นมา
“มันจะง่ายดายขนาดนั้นที่ไหนกัน? ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว ภายในท่าเรือดอกท้อก็มีเพียงแค่ผาธารใสที่นี่แห่งเดียวน่ะหรือ?”
แม้ว่านางก็อยากจะได้รับโชคชะตาเช่นนั้นเช่นกัน แต่ของแบบนี้ มันจะมีได้ง่ายๆ ที่ไหนกัน?
หรงซิวกระชับอ้อมกอดบางของนาง อ้อมกอดนี้มันนุ่มนิ่มอย่างไม่น่าเชื่อ
เขาพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า
“หากจะมีผาธารใสปรากฏขึ้นอยู่อีกหนึ่งแห่ง ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไป แล้วหันมองหน้าหรงซิว
ระยะห่างของทั้งสองคนนั้นน้อยมาก เพียงแค่เคลื่อนไหวเล็กน้อย ริมฝีปากนุ่มของนางก็สัมผัสกับใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบาแล้ว
นางเร่งเดินทางมาโดยตลอดคงจะเหนื่อยไม่น้อย
แต่ความจริงแล้วร่างกายเขาก็ยังรับไหว
ฉู่หลิวเยว่ใบหน้าแดงก่ำ และรีบดึงความคิดของตนเองกลับมาในทันที
นางขยับตัวถอยห่างไปเล็กน้อย เว้นระยะห่างของพวกเขาให้มากขึ้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็จะสามารถมองเห็นดวงตาของหรงซิวได้อย่างชัดเจน
ดวงตาหงส์ของเขากระจ่างใสและล้ำลึก เหมือนกับสามารถดูดกลืนได้ทุกสิ่ง แต่ก็เหมือนกับจะดูดกลืนนางเข้าไปเพียงคนเดียว
“เจ้าหมายความว่า…ขุมทรัพย์ของท่าเรือดอกท้อไม่ได้มีแค่ที่เดียวหรอกหรือ?”
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้น แล้วถามกลับ
“เจ้าคิดว่าอย่างใดล่ะ?”
ฉู่หลิวเยว่ตกอยู่ในห้วงความคิดลึกซึ้ง
สิ่งที่หรงซิวพูดใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
เหตุการณ์อย่างผาธารใสอาจจะสามารถเกิดกับสถานที่อื่นได้
แต่เมื่อภูเขาเหล่านี้เชื่อมต่อกัน บางทีอาจจะมีขุมทรัพย์แห่งอื่นอยู่อีก…
“แต่ว่านอกจากผาธารใสแล้ว หลายปีที่ผ่านมานี้ ท่าเรือดอกท้อก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอันใดเลย ยิ่งไม่มีของวิเศษอันใดที่น่าตกใจเลย…”
หากท่าเรือดอกท้อมีศักยภาพในการสำรวจและค้นหาจริงๆ แล้วเหตุใดตระกูลใหญ่มากมายหมายถึงยอมแพ้กับที่นี่กันล่ะ?
คนตายเพราะทรัพย์ นกตายเพราะอาหาร
ที่พวกเขาไม่มา เพราะที่นี่ไม่มีอันใดเลย หรือที่นี่อาจจะมีอันใดบางอย่าง แต่ก็ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้
แน่นอนว่านอกจากเรื่องนี้แล้วก็มีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ…เดิมทีพวกเขาไม่รู้ว่าที่แห่งนี้มีอันใดบ้าง!
หรงซิวกดจูบที่หน้าผากของนาง น้ำเสียงทุ้มต่ำ แฝงด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าลืมแล้วหรือ โล่สีดำของเจ้าอันนั้นก็ได้มาจากท่าเรือดอกท้อนะ”