ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1842 ความลับ
ตอนที่ 1842 ความลับ
………………..
ทัณฑ์สวรรค์ของทางฝั่งนั้นที่เตรียมตัวจะผ่าลงมาด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ แต่ก็ถอยหลังลงไปด้วยความตื่นตระหนก!
ทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่ด้านหน้าสุดก็ถูกปราณกระบี่บดขยี้ไปแล้ว!
เมื่อเห็นประกายแสงวิบวับที่อยู่บนท้องฟ้า ซานซานก็ถอยหลังไปอีกสองก้าวโดยไม่รู้ตัว เหงื่อท่วมทั้งร่างกายขนลุกชูชัน
…นายท่านแสดงพลังของตนเองแล้ว น่าหวาดกลัว! น่าหวาดกลัวอย่างมาก!
แต่ในตอนนั้นเอง ในที่สุดลมปราณของทางด้านสือซานก็ระเบิดขึ้นมาจนน่าตกใจ!
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมอง
ลมปราณรอบกายของสือซานโคจรขึ้นอย่างรวดเร็ว ลำแสงสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนก็หายไปที่ใต้ผิวหนังของเขาอย่างรวดเร็ว!
จากนั้นเขาก็เบิกตาโพลง!
ลำแสงสีเงินขาวสว่างวาบออกมาจากดวงตาของเขา!
คมกริบ!
เย็นยะเยือก!
มุมปากของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
สือซาน…ทะลวงด่านได้สำเร็จแล้ว!
เมฆดำเหนือน่านฟ้ากระจายหายไปอย่างรวดเร็ว
รอบข้างเกิดความวุ่นวาย
ยอดเขาที่สือซานยืนอยู่นั้นถูกทัณฑ์สวรรค์ผ่าลงมาจนกลายเป็นสีดำไหม้เกรียม
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองโดยรอบ นางรู้สึกโชคดีเป็นอย่างมากที่ไม่ได้ให้สือซานทะลวงด่านภายในจวนเยว่
“นายท่าน!”
สือซานกำหมัดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นและดีใจ จากนั้นก็วิ่งเข้ามาหาฉู่หลิวเยว่
แต่ดวงตาคู่นั้นยังสว่างกระจ่างใส และไม่สามารถปกปิดความยินดีได้มิด
“นายท่าน! ข้าทะลวงด่านได้แล้ว!”
อีกทั้งเขายังสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ความแข็งแกร่งของเขานั้นเพิ่มขึ้นสูงอย่างก้าวกระโดด!
เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย!
การทะลวงด่านพลังจิตวั่งเสิ่นได้สำเร็จ…มันแตกต่างออกไปจริงๆ!
ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
สือซานทะลวงทัณฑ์สวรรค์ได้แปดสาย นับว่าเป็นสิ่งที่ยอดยุทธ์เท่านั้นที่ทำได้
ความแข็งแกร่งของเขาในอนาคตจะต้องไม่มีที่สิ้นสุดแน่นอน
แต่ประเด็นสำคัญก็คือตอนนี้เขาเพิ่งอายุสิบห้าเท่านั้น
ด้วยพรสวรรค์เช่นนี้…มิน่าล่ะอาจารย์ถึงให้ความสำคัญกับเขาตั้งแต่แรก
“ไม่เลวเลย!”
มุมปากของฉู่หลิวเยว่ยกขึ้นปรากฏเป็นรอยยิ้ม
ไม่หลงเหลือท่าทางที่โหดเหี้ยมขณะที่จัดการกับทัณฑ์สวรรค์อย่างเมื่อครู่นี้เลย
ซานซานถอนหายใจออกมา
ในหมู่พวกเขาน่าจะมีเพียงสือซานคนเดียวที่สามารถเพลิดเพลินกับอันใดเหล่านี้ได้
เขากระแอมไอออกมาหนึ่งเสียง แล้วพูดว่า
“นายท่าน ในเมื่อสือซานทะลวงด่านได้สำเร็จแล้ว ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็กลับกันเถอะ”
“ยังไม่ต้องรีบ”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า นางหันกลับไปทางยอดเขาทั้งหลายเหล่านั้น
“ข้ายังมีบางอย่างที่ไม่สามารถทำความเข้าใจได้”
ขณะที่พูดนางก็กระชับกระบี่ซื่อเซียวในมือแน่น ก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปที่นั่น
“นายท่าน พวก…พวกเราอย่าไปทางนั้นเลยขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น
“เหตุใดหรือ?”
ซานซานมีสีหน้าลำบากใจ จากนั้นก็เกาหัว
“คือว่า…คือ…”
“เจ้ารู้ว่าที่ตรงนั้นเป็นถิ่นของสำนักกระบี่ทมิฬใช่หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้น
“ไม่ใช่ขอรับ”
ซานซานได้ยินนางพูดเช่นนั้น จึงรู้ว่านางเข้าใจผิดไปแล้ว ดังนั้นจึงรีบอธิบายว่า
“ท่านก็รู้ว่าท่าเรือดอกท้อนั้นมีอาณาเขตกว้างขวาง เทือกเขาสลับซับซ้อน แม้ว่าคนของสำนักกระบี่ทมิฬต้องการจะยึดครองดินแดนมาโดยตลอด แต่ในตอนนี้เขายังไม่สามารถยืดมือมายาวขนาดนี้ได้ เพียงแต่ในวันนี้ของทุกๆ เดือน พวกเขาจะเลือกสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อคัดเลือกผู้บำเพ็ญเพียรเข้าสำนัก ถือว่าเป็นการทดสอบขั้นสุดท้าย”
“แต่ละครั้งสถานที่ที่เขาคัดเลือกนั้นไม่เหมือนกัน แต่โดยพื้นฐานแล้วมันก็ไม่ได้ไกลจากกันมาก เดือนที่แล้วพวกเขาเลือกบริเวณใกล้เคียงนี้ ดังนั้นข้าจึงคาดเดาว่าครั้งนี้พวกเขาก็น่าจะเลือกแถวนี้ เมื่อได้ยินอวี๋จิ่วพูดว่าท่านมาที่นี่ ข้าจึงรีบติดตามมา เพราะเกรงว่าท่านจะได้เจอกับพวกเขา…”
แต่ผลลัพธ์ก็คือพวกเขาได้เจอกันแล้ว
อีกทั้งยังเกิดความขัดแย้งขึ้นกับทั้งสองฝ่าย
แม้ว่าจะไม่ได้ลงมือกันโดยตรง แต่เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นยุติลงแล้ว
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้น
“ทดสอบ? ทดสอบอันใดกัน คาดไม่ถึงว่าเขาจะทดสอบได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น?”
สีหน้าของซานซานเปลี่ยนเป็นลึกลับมากกว่าเดิมเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กดเสียงต่ำลง
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะขึ้นเสียงเย็น
แม้ว่าเมื่อครู่นี้จะมีค่ายกลป้องกันทัณฑ์สวรรค์ แต่นางก็รู้ว่าที่แห่งนั้นอันตรายเพียงใด
ผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไปจะสามารถทนต่อทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้ได้อย่างใด?
แม้กระทั่งคนของสำนักกระบี่ทมิฬก็ยังหนีหัวซุกหัวซุนออกมาเลย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ย่อมต้องไปดู”
ซานซานอยากจะพูดโน้มน้าวอีกแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะขึ้นอย่างประชดประชัน
“วางใจเถอะ เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งบอกว่าต้องการตัวของสือซาน แต่ถูกข้าปฏิเสธไปแล้ว ต่อให้พวกเราหลีกเลี่ยงพวกเขาในตอนนี้ หรือแม้กระทั่งเป็นฝ่ายเข้าไปขอโทษก่อน เกรงว่าพวกเขาก็จะไม่รับน้ำใจนี้”
“อันใดนะ?”
ซานซานชะงักไป แล้วหันไปมองทางสือซาน จากนั้นเขาถึงได้รู้ว่าความแค้นและการเป็นปรปักษ์ต่อคนของสำนักกระบี่ทมิฬมาจากที่ใด
“คาดไม่ถึงว่าคนกลุ่มนั้นจะสนใจในตัวของสือซาน แล้วยังพูดจาไม่เข้าหูท่านอีก? ถ้าเช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องปล่อยพวกเขาต่อไปแล้ว!”
ซานซานนึกถึงศีรษะหลายหัวที่อยู่ในกล่องไม้นั้น ระลอกคลื่นภายในท้องก็พวยพุ่ง
“ข้าจะเชื่อฟังนายท่านทุกอย่าง!”
ไม่ว่าอย่างใดก็ตามตอนนี้นายท่านก็มาถึงที่นี่แล้ว เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องอดทนอีกต่อไป!
ด้วยภูมิหลังของตระกูลนายท่านในตอนนี้ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว นายท่านไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบใครเลยด้วยซ้ำ!
เงาร่างของฉู่หลิวเยว่วูบไหว จากนั้นก็พุ่งตัวไปด้านหน้า!
คนทั้งหลายที่อยู่ด้านหลังก็ติดตามไปในทันที
…
สถานที่ที่คนของสำนักกระบี่ทมิฬเลือกเป็นสถานที่ทดสอบอยู่ไม่ห่างจากตำแหน่งที่เขาอยู่ปัจจุบันมากนัก
หลังจากผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหลายก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าภูเขาเหล่านั้นแล้ว
เฉินอีหรี่ตาลงเล็กน้อย
สือซานอ้าปากค้าง
“นี่มัน…”
ภายในหุบเขาที่พวกเขาเห็น มีศพจำนวนนับไม่ถ้วนนอนระเกะระกะอยู่ เลือดสาดกระจายเต็มพื้น
นอกจากที่แห่งนี้แล้ว ทุกพื้นที่ยังเต็มไปด้วยร่องรอยของทัณฑ์สวรรค์ที่ผ่าลงมา
ด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวของทัณฑ์สวรรค์ ทำให้ศพเหล่านี้ไม่มีร่างไหนที่สมประกอบเลย…
น่าสะเทือนใจเป็นอย่างมาก นี่มันยิ่งกว่านรกเสียอีก!
แม้ว่าหลายคนจะเคยเห็นภาพเหตุการณ์นองเลือดมาไม่น้อย แต่ตอนที่พวกเขาเห็นฉากนี้ เขาก็รู้สึกตกใจอย่างมากจนพูดอันใดไม่ออกไปครู่หนึ่ง
มีเพียงซานซานเท่านั้นที่ยังคงสงบนิ่ง
แม้ว่าเขาจะเห็นภาพเหตุการณ์นี้เป็นครั้งแรก แต่เขาก็รู้จักสำนักกระบี่ทมิฬเป็นอย่างดี ดังนั้นก่อนที่เขาจะมาที่นี่ เขาก็คาดเดาเอาไว้ได้อยู่แล้ว
“คนเหล่านี้…ล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่เข้าร่วมการทดสอบอย่างนั้นหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้น
ซานซานพยักหน้า
“น่าจะใช่ทั้งหมด”
เขาเผยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างหาได้ยาก
“ก่อนหน้านี้สำนักกระบี่ทมิฬได้ประกาศกับทุกคนว่าคนที่ถูกพวกเขาคัดออก ส่วนใหญ่ได้ออกจากท่าเรือดอกท้อไปแล้ว แต่ดูจากตอนนี้…น่าจะ…”
พวกเขาน่าจะเสียชีวิตทั้งหมดแล้ว
สือซานถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“นี่คงมิใช่ครั้งแรกที่พวกเขาทำเช่นนี้ การเคลื่อนไหวสั่นสะท้านขนาดนั้น หรือว่าทุกคนไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความผิดปกติเลย?”
ซานซานหัวเราะอย่างขมขื่น
“ถูกต้อง บนโลกนี้กำแพงมีหูประตูมีช่อง ในสถานที่ลับตาก็มีคนสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นจำนวนไม่น้อยเลย แต่อย่างใดก็ตามพวกเขาก็ไม่สามารถมาขวางทางคนของสำนักกระบี่ทมิฬได้…คนเหล่านั้นในกลุ่มพวกเขา เดิมทีก็ไม่มีทางให้ถอยหลังกลับแล้ว ในเมื่อสำนักกระบี่ทมิฬเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่อยู่ตรงหน้าเขา ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะเดิมพันกับมัน”
สำหรับคนจำนวนมาก หากไม่สามารถเป็นผู้แข็งแกร่งได้ นั่นมันเจ็บปวดเสียยิ่งกลัวความตายอีก
ทันใดนั้นเฉินอีก็มองไปทางด้านหน้า แล้วส่งเสียงเตือนว่า
“มีคนมา!”
เขายังพูดไม่ทันจบ ลำแสงกลางฝ่ามือก็สว่างวาบขึ้น ม่านพลังโปร่งแสงขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้น พร้อมกับซ่อนคนเหล่านี้จากสายตาฝั่งตรงข้ามได้!