ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1848 เจ็บหรือไม่
ตอนที่ 1848 เจ็บหรือไม่
………………..
จากนั้นสนิมก็หลุดลอกออกมาอีกแผ่น โล่สีดำเริ่มกลืนกินพลังรอบข้างด้วยความเร็วที่น่าตกใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม!
ลมปราณพวยพุ่ง ชายกระโปรงปลิวไสว
เส้นผมหลายเส้นตกลงมาปรกหน้าผาก แต่นางไม่ได้กะพริบตาเลย นางเอาแต่จ้องมองไปที่โล่สีดำอันนั้นตาเขม็ง!
หลังจากที่สนิมหลุดลอกออกไป แสงสว่างที่อยู่ด้านในก็เรืองรองออกมามากยิ่งขึ้น!
เหมือนว่าความดำมืดถูกลำแสงจากท้องฟ้าฉีกขาด มันทั้งสว่างเจิดจ้าและแสบตา!
แทบจะทำให้ผู้คนไม่กล้าหันไปมอง!
น่าเสียดายที่ลำแสงทั้งหมดผ่านประกายวาบไปครู่เดียว
ฉู่หลิวเยว่ได้แต่เบือนสายตาไปเล็กน้อย ยังไม่ทันได้มองอย่างละเอียด ลำแสงที่ไหลผ่านออกมาก็ปกคลุมตัวโล่สีดำนั้นอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาหรือไม่ ฉู่หลิวเยว่กลับรู้สึกว่าโล่สีดำนั้นหนักอึ้งขึ้นไม่น้อย
ท่ามกลางความมืดมิด เหมือนว่ามีแรงกดดันกดทับที่ตัวนาง
แต่ว่านั่นไม่ได้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายแต่อย่างใด ในทางกลับกันพลังปราณดั้งเดิมภายในร่างกายของนางเหมือนถูกพลังอันใดบางอย่างชักจูง จนเริ่มโคจรอย่างรวดเร็ว!
ตู้ม!
เสียงระเบิดที่แปลกประหลาดดังขึ้น
ซานซานเงยหน้าขึ้นมองทันทีโดยไม่รู้สึกตัว ทันใดนั้นเขาก็ต้องตกใจจนดวงตาเบิกกว้าง
ทันใดนั้นม่านพลังเหนือน่านฟ้าในตำแหน่งที่พวกเขากำลังยืนอยู่ก็ลุกเป็นไฟ!
เมื่อเงยหน้าไปมอง จะทำให้ทุกคนคิดว่าท้องฟ้าถูกเจาะจนเป็นหลุม!
แต่ที่น่าแปลกใจกว่านั้นก็คือ ทิศทางที่เปลวเพลิงกำลังลุกโชนอยู่นั้นมันกลับห้อยหัวลงมา!
ยอดปลายแหลมของเปลวเพลิงนั้นชี้มาทางพวกเขาทั้งหลายอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะแผ่กระจายออกมาเรื่อยๆ
ดวงตาของซานซานสะท้อนเข้ากับเปลวเพลิงสีน้ำเงินที่กำลังเผาไหม้อยู่ เปลวเพลิงนั้นกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขราวกับมีจิตวิญญาณ
เปลือกตาของเขากระตุกขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นี่มัน…เกิดอันใดขึ้นกันแน่!
เมื่อครู่นี้ยังดีๆ อยู่เลย แล้วเหตุใดม่านพลังถึงพังทลายลงอย่างกะทันหันเช่นนี้ล่ะ?
อีกทั้งมันกำลังเผาไหม้ด้วย!
“นายท่าน!”
เขาตะโกนเรียกฉู่หลิวเยว่ด้วยความตื่นตระหนก
หากการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ที่แห่งนี้ถูกเผาจนวอดวายไปจะทำอย่างใดดีล่ะ?
“เถ้าแก่ซาน!”
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านนอก
ซานซานตกใจสะดุ้งเฮือก
“มีคนมาแล้ว!”
ในสถานการณ์ทั่วไป ไม่มีใครมาที่ผาธารใสนี้อย่างแน่นอน
แต่คนที่มาหาเขาในเวลานี้เป็นใครนั้น ไม่ต้องพูดก็รู้ดีอยู่แล้ว!
เขาเงยหน้าขึ้นไปมองอีกครั้ง เปลวเพลิงสีน้ำเงินที่กำลังลุกไหม้ม่านพลังจนเปิดเป็นรูนั้นเหมือนกำลังโหมกระหน่ำมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
น่าเสียดายที่ความสนใจทั้งหมดของฉู่หลิวเยว่ในตอนนี้ยังอยู่ที่โล่สีดำอันนั้น ดังนั้นนางจึงไม่ได้ยินคำพูดของเขาเลย
ซานซานตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง แล้วขอความช่วยเหลือจากหรงซิว
“ฝ่าบาท ท่านต้องช่วยข้านะขอรับ! หากให้ผู้อื่นเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เกรงว่า…”
“เถ้าแก่ซาน? อยู่ที่นี่หรือไม่?”
เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ คนที่อยู่ด้านนอกก็พูดขึ้นอีกครั้ง
หรงซิวหันมองทางฉู่หลิวเยว่
แม้ว่าดวงตาทั้งสองข้างของนางจะจับจ้องไปที่โล่สีดำอันนั้น แต่หากมองอย่างละเอียดแล้วจะพบว่านั่นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา นางไม่ได้กำลังมองสิ่งใดเลย เหมือนว่านางกำลังตกอยู่ในห้วงความคิด
หรือบางที…นางอาจจะมองเห็นอันใดบางอย่างผ่านโล่สีดำอันนั้นก็เป็นได้!
“เยว่เออร์!”
หรงซิวยื่นมือออกไปและดึงข้อมือของฉู่หลิวเยว่เอาไว้
เหมือนว่าฉู่หลิวเยว่กำลังถูกรบกวน แววตาของนางมีความเย็นชามากขึ้น!
ในขณะเดียวกันนั้นเอง…
แสงสว่างแวววาวบนโล่สีดำอันนั้นปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนจะตกลงบนกลางฝ่ามือของฉู่หลิวเยว่
พรึ่บ!
ทันใดนั้นเองรอยไหม้ก็ปรากฏขึ้นบนนิ้วเรียวยาวและขาวของเขา!
“นายท่าน! ฝ่าบาท!”
ซานซานรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากจนสาวเท้าก้าวขึ้นมา
สีหน้าของหรงซิวยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ฝีเท้าไม่ได้หยุดชะงัก เขาจับข้อมือของนางให้แน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ความอบอุ่นจากฝ่ามือแผ่กระจายเข้าสู่ผิวหนังและไหลเวียนเข้าสู่หัวใจ
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมาในทันที นางดึงสติกลับมาได้แล้ว!
ลำแสงนั้นพุ่งตัวออกจากโล่สีดำอันนั้นก่อนที่จะจากหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เวลาภายในชั่วพริบตาเดียว โล่อันนั้นก็กลับมาหม่นแสงลงอีกครั้ง
เปลวไฟสีน้ำเงินที่ห้อยลงมาจากเหนือน่านฟ้าก็มอดดับลงอย่างกะทันหัน และจางหายไปจนหมด!
เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในชั่วพริบตาเท่านั้น!
ตึง!
ฉู่หลิวเยว่คลายมือออก จนโล่สีดำนั้นหล่นลงพื้น
“หรงซิว เมื่อครู่นี้ข้าเห็น…”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
นางไม่รู้เลยว่าเมื่อครู่นี้เกิดเรื่องอันใดขึ้น ในตอนนี้นางอยู่ในสภาพที่บอบบางเป็นอย่างมาก
ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเหมือนกลายเป็นความฝัน มีเพียงโล่สีดำเท่านั้นที่อยู่ด้านหน้า…
ตอนที่หรงซิวจับตัวนาง ความจริงแล้วนางก็รู้ว่าเป็นเขา และไม่ได้มีความตั้งใจจะโจมตีเขา
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า นางเพียงแค่คิด แต่โล่สีดำอันนี้กลับโจมตีอย่างน่าหวาดกลัว…
ตอนนี้เป็นเพียงแค่ความไม่ได้ตั้งใจ แต่หากภายในใจของนางมีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ขึ้นมา…
“แค่บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด”
หรงซิวกุมมือของนางแน่นแล้วยกคางขึ้นเล็กน้อย
“มีคนอยู่ด้านนอก”
ฉู่หลิวเยว่ยืนยันที่จะจับมือดูบาดแผลของเขา หลังจากมั่นใจแล้วว่าเป็นเพียงแค่รอยไหม้เท่านั้น นางจึงรู้สึกโล่งอกขึ้นมา
“เถ้าแก่ซานไม่อยู่หรือ?”
“ไม่หรอกมั้ง ก่อนหน้านี้มีคนจำนวนมากเห็นเขาพาคนเข้ามาที่นี่ไม่ใช่หรือ นี่ยังไม่ถึงเวลาเที่ยงเลย พวกเขาน่าจะยังไม่ออกไปนะ”
“เช่นนั้นก็ลองตะโกนอีกที”
เมื่อเห็นว่าหรงซิวและฉู่หลิวเยว่ไม่ได้เป็นอันใดมาก ซานซานจึงรู้สึกโล่งอกขึ้นมา แต่หัวใจก็ยังเต้นแรงอยู่เช่นเดิม
เกือบแล้ว…
หลังจากนั้นซานซานก็เหลือบสายตามองไปทางโล่สีดำที่อยู่ด้านหน้าของฉู่หลิวเยว่ด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะกล่าวเตือนขึ้นมาว่า
“นายท่าน…ท่านเก็บของชิ้นนั้นขึ้นมาก่อนจะดีกว่า”
หากวางเอาไว้ด้านนอกอาจจะทำให้คนอื่นตกใจได้
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย และรู้สึกว่ามันน่าตลก แต่ก็ยังเก็บมันขึ้นมา
ตอนที่เก็บมันขึ้นมานั้น นางก็ได้พินิจจ้องมองในระยะใกล้
ในส่วนที่สนิมหลุดลอกไปนั้นกลับมามีสีดำคล้ำเช่นเดิมแล้ว นอกจากรอยบุบด้านบนแล้ว ก็ไม่มีส่วนไหนแปลกตาเป็นพิเศษ
นางเม้มริมฝีปากแล้วเก็บมันลงไป
จากนั้นซานซานก็หันมามองทางด้านนอก
ฉู่หลิวเยว่หันมองทางหรงซิว เมื่อเห็นรอยแดงบนนิ้วของเขา ภายในใจก็เกิดความรู้สึกผิดขึ้นมา ดังนั้นนางจึงจรดริมฝีปากแล้วเป่านิ้วมือของเขาอย่างแผ่วเบา
ดวงตาของหรงซิวมืดดำ
“เจ็บหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้น
แม้ว่ามันจะเป็นรอยไหม้เล็กน้อยไม่นับว่าร้ายแรงนัก แต่นางก็ยังรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าอย่างใดก็ตามบาดแผลนี้เกิดขึ้นจากความไม่ระวังของนางเอง
หรงซิวพลิกมือแล้วกุมมือของนางไว้ แล้วเดินออกไปด้านหน้า
“ไม่เจ็บ”
เขาตอบกลับอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ที่เขาคิดนั้นไม่ใช่ความเจ็บ