ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1851 เปลวเพลิง / ตอนที่ 1852 เห็นคนตายแล้วไม่ช่วย
ตอนที่ 1851 เปลวเพลิง / ตอนที่ 1852 เห็นคนตายแล้วไม่ช่วย
………………..
ตอนที่ 1851 เปลวเพลิง
ภาพเหตุการณ์นี้แปลกประหลาดอย่างยิ่ง
เปลวเพลิงสายนั้นเหมือนกับแม่น้ำทอดยาวที่แผ่กระจายไปทั่วพื้นที่ราบ ก่อร่างกลายเป็นลักษณะเส้นโค้ง และกักขังพวกเขาเอาไว้ด้านใน
เพียงแต่ว่าเปลวเพลิงเหล่านั้นมีขนาดหนากว่าต้นแขนของผู้ใหญ่คนหนึ่งเสียอีก อีกทั้งมันยังถูกผลึกเอาไว้ใต้ชั้นหิน
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าชั้นหินที่นี่เปราะบางเป็นอย่างมาก และด้วยคุณสมบัติพิเศษของดิน หลังจากถูกเปลวเพลิงสีน้ำเงินเหล่านี้เผาไหม้จนเกรียมแล้ว ก็แทบจะมีลักษณะโปร่งแสงไป
จนทุกคนสามารถเห็นเปลวเพลิงที่อยู่ด้านล่างได้อย่างชัดเจน
เมื่อมองผ่านๆ จะเห็นว่าเปลวเพลิงที่เผาไหม้นี้มีลักษณะเหมือนกับคูน้ำที่ลุกเป็นไฟ และถูกแผ่นหยกโปร่งแสงกดทับเอาไว้
“ใต้เท้ามั่วหลิน!”
เมื่อเห็นว่าพวกเขามาถึง คนที่ถูกกักขังอยู่ในแนวเพลิงเหล่านี้ก็เผยสีหน้าตื่นเต้นยินดีขึ้นมาทันที
ฉู่หลิวเยว่พบว่าใบหน้าของพวกเขามีสีแดงขึ้นอย่างผิดปกติ
อีกทั้งระหว่างคิ้วของพวกเขายังแฝงด้วยความเจ็บปวด
เหมือนกับว่ากำลังได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
นางกวาดสายตามองอีกครั้ง
ดูจากบนพื้นแล้วไม่เห็นอันใดผิดปกติเลย แต่ดูจากท่าทางของพวกเขา เห็นได้ชัดว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับเปลวเพลิงนี้แน่นอน
มั่วหลินหันมองทางซานซาน
“เถ้าแก่ซาน ไม่ทราบว่ามีหนทางหรือไม่?”
ซานซานยืนอยู่ด้านหน้าสุด สองมือประสานกัน สายตาจดจ้องไปที่เปลวเพลิงสีน้ำเงินที่อยู่ด้านล่างของก้อนหินโปร่งแสง ภายในจิตใจรู้สึกปั่นป่วน
ลมปราณเหล่านี้เขารู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก และเปลวเพลิงนี้ก็มีต้นกำเนิดเดียวกันกับของเขา
แต่ว่านี่ไม่ใช่พลังจากพื้นที่ขนาดเล็ก!
เมื่อลองคิดดูแล้ว ซานซานก็ตัดสินใจว่าจะบอกความจริงไปก่อน
“ใต้เท้ามั่วหลิน ข้าขอกล่าวอย่างไม่ปิดบัง เรื่องนี้…ข้าก็ไม่มั่นใจเช่นเดียวกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของมั่วหลินก็เย็นชาลงสามส่วน
ซานซานกัดฟันพูดต่อไปว่า
“แม้ว่าเปลวเพลิงนี้จะมีลักษณะเหมือนกับเปลวเพลิงของข้า แต่มันไม่ได้มาจากพื้นที่มิติขนาดเล็กของข้า ดังนั้น…ข้าไม่ทราบว่าจะสามารถควบคุมมันได้หรือไม่”
มั่วหลินจ้องมองเขาด้วยสายตาสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง
“ในเมื่อเป็นเปลวเพลิงที่มีลักษณะเดียวกันกับของเจ้า เถ้าแก่ซานก็ต้องควบคุมได้อยู่แล้ว แต่เหตุใดถึงพูดว่าจัดการไม่ได้ล่ะ?”
ซานซานไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างใดต่อไป
“…ใต้เท้ามั่วหลิน ข้าพูดเช่นนี้ก็แล้วกัน ข้าสามารถควบคุมพลังในพื้นที่ขนาดเล็กนั้นได้จริง แต่ด้วยความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้ ข้าสามารถควบคุมพลังได้เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ทว่าเปลวเพลิงนี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของข้า ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถควบคุมได้!”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการช่วยเหลือท่าน แต่ความจริงแล้ว…”
สีหน้าของมั่วหลินเปลี่ยนไปหลายส่วนในทันที เมื่อหันมองทางผู้คนที่กำลังทุกข์ทรมาน คิ้วของเขาก็ขมวดแน่นเป็นปม
“ช่างเถอะ! เจ้าก็พยายามอย่างสุดความสามารถก็พอ! หากไม่สามารถช่วยเหลือได้ก็ค่อยคิดหาหนทางอื่น!”
ซานซานกลืนน้ำลายของตนเองลงคอดังเอื้อก
“เช่นนั้น…หากล้มเหลวล่ะขอรับ…”
มั่วหลินตะโกนขึ้นด้วยความโมโห
“ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างใด พวกเราจะไม่ทำอันใดเจ้าแน่นอน! เจ้าทำให้เต็มที่เถอะ!”
เถ้าแก่ซานคนนี้ช่างน่ารำคาญเสียจริง!
แต่คำสัญญานี้ เขาก็ยังจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อมัน
อย่างน้อยก็มีการรับประกันเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งส่วน
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วสงบสติอารมณ์ ก่อนจะเดินหน้าไปสองสามก้าว
ในตอนนี้เขายืนห่างจากแนวเพลิงเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
ทันใดนั้นเขาก็แยกขาทั้งสองข้างออก กางแขนกว้าง
เปลวเพลิงสีน้ำเงินกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาจากกลางฝ่ามือของเขาอย่างรวดเร็ว!
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง ทันใดนั้นก็มีเสียงแตกกระจายออกมาจากพื้นดิน!
กร๊อบ!
รอยแตกร้าวสายหนึ่งปรากฏขึ้นบนก้อนหินโปร่งแสงอันนั้น!
เปลวเพลิงที่อยู่ด้านล่างเหมือนกับสัมผัสอันใดได้บางอย่าง มันจึงเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงราวกับจะพุ่งตัวมาด้านหน้าอย่างกะทันหัน!
ตอนที่ 1852 เห็นคนตายแล้วไม่ช่วย
รอบข้างไร้ลมพัดผ่าน ทุกคนเฝ้ารอคอยอย่างเงียบเชียบ
แกร๊ก!
เสียงแตกกระจายดังลั่นออกมา ด้านบนมีรอยแตกร้าวราวกับใยแมงมุมแผ่ขยาย
แต่เปลวเพลิงที่อยู่ด้านล่างกลับโหมกระหน่ำมากยิ่งขึ้น
ราวกับสัตว์อสูรที่ถูกขังเอาไว้เป็นเวลานาน ในที่สุดก็มีโอกาสได้สูดอากาศแห่งความอิสระด้านนอกแล้ว จากนั้นมันก็เริ่มกระสับกระส่ายขึ้นมา
ซานซานมีสีหน้าตึงเครียดมากยิ่งขึ้น บริเวณหน้าผากมีเหงื่อผุดพรายออกมา
เขาพบว่าสถานการณ์เช่นนี้เหมือนจะร้ายแรงกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้
แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ เขาสามารถสัมผัสได้อย่างคลุมเครือว่า เปลวไฟสีน้ำเงินที่ถูกกดทับอยู่ด้านล่างนั้นมีพลังและความแข็งแกร่งเหนือกว่าเขาหนึ่งขั้น!
แม้ว่าเขาจะสามารถช่วยคนเหล่านั้นออกมาได้ แต่เขาก็มีราคาที่ต้องจ่าย!
เมื่อนึกถึงสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ซานซานก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง
เขาเพิ่งได้รับพื้นที่มิติขนาดเล็กมาโดยบังเอิญไม่ใช่หรือ?
เหตุใดคนเหล่านี้ถึงต้องทรมานเขาขนาดนี้ด้วย?
ต้องการวัตถุดิบพิเศษจากตัวเขานั้นก็ช่างเถอะ ในตอนนี้แม้กระทั่งเรื่องแบบนี้ก็ยังมอบหมายให้เขาจัดการ…
เขาเพียงแค่อยากทำธุรกิจเล็กๆ และหาเงินเล็กน้อยเท่านั้น!
น่าเสียดายที่ตอนนี้มั่วหลินและคนกลุ่มนั้นกำลังจ้องมองเขาตาเขม็ง อีกทั้งนายท่านและฝ่าบาทก็ยังอยู่ที่นี่ แม้กระทั่งโอกาสในการหลบหนีของเขายังไม่มีอันใดด้วยซ้ำ
ซานซานถอนหายใจออกมา
เรื่องในวันนี้ ไม่ว่าอย่างใดเขาก็จะต้องทำให้สำเร็จ
ไม่อย่างนั้น…เกรงว่านายท่านและฝ่าบาทจะถูกร่างแหไปด้วย!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมเริ่มโคจรพลังอย่างบ้าคลั่งมากยิ่งขึ้น!
อีกทั้งเปลวเพลิงที่อยู่กลางฝ่ามือของเขาก็ลุกโชนมากยิ่งขึ้น
พรึ่บ!
เขาพลิกฝ่ามือ เปลวเพลิงที่อยู่ในมือก็พุ่งตัวออกไป กลายเป็นแส้เพลิงกลางอากาศ
จากนั้นแส้เพลิงก็ตวัดลงอย่างแรง!
และกระทบกับก้อนหินที่โปร่งแสงในทันที!
ตู้ม!
ทันใดนั้นเอง ก้อนหินก้อนนั้นก็ระเบิดขึ้นมา!
เปลวเพลิงที่ถูกกดทับอยู่ภายในก็โหมกระหน่ำขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง! พร้อมกับเข้ามาพัวพันเปลวเพลิงของซานซานด้วยความเร็ว!
เปลวเพลิงทั้งสองฝ่ายโรมรันกันอย่างรุนแรง!
…
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนตกใจเป็นอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเปลวเพลิงชนิดเดียวกัน แต่ไม่สามารถหลอมรวมอยู่ด้วยกันได้!
ในที่สุดมั่วหลินก็เชื่อคำพูดของซานซานที่เขาพูดขึ้นก่อนหน้านี้แล้ว
เหมือนว่าเปลวเพลิงที่หลบซ่อนอยู่ในภูเขาแห่งนี้จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาจริงๆ อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่นอกเหนือการควบคุมของเขาด้วย
พรึ่บ!
ซานซานกัดฟันกรอด จากนั้นก็สะบัดแส้เพลิงออกมาอีกครั้ง พร้อมออกแรงกดมันลงไปอย่างแรง!
ตอนนี้ความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายเหมือนจะเทียบเท่ากันแล้ว!
“เร็วเข้า!”
เขาตะโกนขึ้นมาอย่างเร่งร้อน
คนสองสามคนที่ติดอยู่ในแนวเพลิงก็รู้สึกตกตะลึงกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า
แต่เมื่อได้ยินเสียงนั้น ในที่สุดเขาก็ได้สติขึ้นมา แล้วรีบพุ่งตัวออกมาอย่างรีบร้อน
แต่ในตอนนั้นเองพวกเขากำลังก้าวเท้าข้ามออกมา เปลวเพลิงสีน้ำเงินสายหนึ่งก็พุ่งทะลวงพลังที่ปิดกั้นของซานซานออกมาได้ พร้อมแผดเผาอย่างรุนแรง!
ตู้ม!
ภายในเสี้ยววินาทีเปลวเพลิงที่ลุกโชนนั้นก็พุ่งตรงไปทางคนที่มีรูปร่างสูงคนหนึ่ง
“อ๊าก…”
ในตอนนั้นเองชายหนุ่มที่วิ่งมาด้านหน้าสุดก็ถูกคลื่นความร้อนนั้นโจมตีอย่างไม่รู้ตัว เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่น จากนั้นเขาก็ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว เขาเอามือกุมหน้าของตัวเองเอาไว้พร้อมล้มลงไปที่พื้น
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตามอง
เขาตบเปลวไฟบนร่างกายตนเองอย่างบ้าคลั่ง เพียงเพราะต้องการจะหลุดพ้นจากความเจ็บปวดนี้
แต่ว่าเปลวเพลิงเหล่านี้ไม่ใช่เปลวเพลิงธรรมดา มันจะดับง่ายๆ เช่นนั้นได้อย่างใด?
คนอีกสองสามคนที่อยู่ด้านข้างรีบถอยหลังลงไปในทันที เมื่อเห็นสถานการณ์ดังนั้น พวกเขาก็ก้าวขึ้นไปด้านหน้าอย่างลังเล แต่ความจริงแล้วไม่มีใครที่เคลื่อนไหวจริงๆ
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาหวาดกลัวที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย
ในตอนนี้หากหลบหนีไปก็ไม่ทันแล้ว แล้วจะให้เอาชีวิตไปทิ้งอย่างนั้นหรือ?
มั่วหลินขมวดคิ้วขึ้นเป็นปมพร้อมกระชับกระบี่หงส์ที่อยู่ข้างเอวแน่น
แต่เมื่อเขาเห็นท่าทางที่น่าสังเวชของชายโดนไฟคลอกนั้น ดวงตาของเขาก็มีประกายความลังเลปรากฏขึ้น จนท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ได้ทำอันใดลงไป
เมื่อเรื่องกลายเป็นเช่นนี้แล้ว จะให้เขาช่วยเหลือก็ไม่มีประโยชน์
เสียงร้องโหยหวนของชายหนุ่มคนนั้นกรีดหัวใจเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกสั่นสะท้านไป
แต่คนของสำนักกระบี่ทมิฬ ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่ด้านนอกหรือด้านในแนวไฟก็เลือกที่จะมองดูอย่างนิ่งดูดาย
ฉู่หลิวเยว่หลุบตาลงต่ำ ปกปิดสายตาแห่งการประชดประชันของนาง
สำนักกระบี่ทมิฬแห่งนี้ เหมือนกับที่ซานซานพูดไม่มีผิด พวกเขาล้วนไม่มีมนุษยธรรม ทั้งโหดเหี้ยมและกระหายเลือด
พวกเขากังวลเพียงว่ามันจะส่งผลกระทบถึงตนเองหรือไม่ พวกเขาเลือกที่จะยืนมองอยู่ด้านข้างอย่างไม่ลังเลเลย
และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ …
หลังจากผ่านไปไม่นาน เสียงของชายหนุ่มคนนั้นก็ค่อยแผ่วเบาลง ร่างกายของเขาแข็งทื่อไม่ขยับ เขาถูกเปลวเพลิงสีน้ำเงินกลืนกินไปได้อย่างง่ายดาย
เขาถูกไฟเผาทั้งเป็น!
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้น ภายในใจเกิดความสงสัยขึ้นมาหนึ่งอย่าง
ดูเหมือนว่าคนของสำนักกระบี่ทมิฬไม่ได้สนใจความเป็นความตายของคนผู้นี้เลย
ถ้าเช่นนั้นเหตุใดเขาถึงต้องเชิญซานซานมาที่นี่ด้วยตนเองเล่า?
ฉู่หลิวเยว่ประมวลความคิดอย่างรวดเร็ว สายตาก็มองไปที่เปลวเพลิงที่อยู่ด้านล่างโขดหินเหล่านั้น
เกรงว่าเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาจะไม่ใช่การช่วยเหลือผู้คนเหล่านี้…
…
ซานซานกัดฟันกรอด ก่อนจะโคจรพลังปราณดั้งเดิมที่เหลืออยู่ในร่างกายไม่มากของเขา จากนั้นเขาก็โบกเปลวเพลิงออกมาลูกหนึ่ง ตอนนี้เขาต้องการจะระงับเปลวเพลิงที่พวยพุ่งขึ้นมาอย่างกะทันหันนั้น
แต่พลังของเขานั้นมีจำกัด หลังจากพัวพันอยู่ครู่หนึ่ง เปลวเพลิงของเขาก็ถูกอีกฝ่ายกลืนกิน
หัวใจของเขาเย็นวาบ
…เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเปลวเพลิงเหล่านี้จริงๆ!
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว คนที่เหลืออยู่ภายในไม่กล้าสาวเท้าก้าวข้ามมาอย่างหุนหันพลันแล่นอีกแล้ว
คนก่อนหน้าเขาได้ตายไปอย่างน่าอนาถ!
พวกเขาก็ไม่อยากเดินตามรอยเท้านี้!
สถานการณ์ตกอยู่ในความเงียบครู่หนึ่ง
ภายในใจของซานซานทั้งรู้สึกโกรธและเป็นกังวล
คนเหล่านี้นั้นไร้ทางเยียวยาแล้วจริงๆ!
โอกาสดีๆ อย่างเมื่อครู่นี้ไม่ได้คว้าเอาไว้ แต่ตอนนี้ยังกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าออกมา
ลำพังอาศัยพลังของเขาเพียงคนเดียวจะสามารถลากพวกเขาออกมาได้อย่างใด!
แต่เขาก็ไม่กล้าหันไปเร่งมั่วหลิน
ไม่ว่าอย่างใดก็ตามนี่ก็เป็นคนของพวกเขา ตราบใดที่แสดงให้พวกเขาเห็นว่าเขาได้พยายามอย่างเต็มที่แล้วก็พอ ไม่ต้องสนใจว่าจะสำเร็จหรือไม่…
เมื่อครู่นี้แม้กระทั่งมั่วหลินก็ยังไม่ลงมือ เขาเป็นเพียงแค่คนนอก จะให้มาใส่ใจเรื่องเหล่านี้ได้อย่างใด?
แม้นึกถึงตรงนี้แล้ว ซานซานก็รีบกลืนโอสถลงไปเม็ดหนึ่งเพื่อเติมพลังปราณดั้งเดิมของตนเอง และพยายามที่จะระงับเปลวเพลิงเหล่านี้อีกครั้ง!
…
แน่นอนว่าไม่ได้ผล
เพราะว่ายิ่งเวลาผ่านมานานเท่าไร เปลวเพลิงที่พวยพุ่งออกมาจากก้อนหินเหล่านั้นกลับไม่ได้ลดความแข็งแกร่งลงเลย มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น!
เดิมทีความแข็งแกร่งของซานซานก็ทำได้แค่เทียบเท่า ในตอนนี้ฝ่ายศัตรูแข็งแกร่งเขาอ่อนแอ ผลแพ้ชนะกำลังจะปรากฏขึ้นมาอย่างเชื่องช้า
ความรู้สึกเหมือนจะถอดใจค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกาย
ในที่สุดซานซานก็พูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า
“ใต้เท้ามั่วหลิน เกรงว่าข้า…จะไม่สามารถต้านทานได้แล้ว!”
มั่วหลินได้ยินดังนั้น ก็มีสีหน้าเย็นชาขึ้นหลายส่วน
เดิมทีเขาคิดว่า หากพาอีกฝ่ายมาที่นี่ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะไม่ได้ผลเช่นเดิม…
พรึ่บ!
เปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง!
แนวป้องกันของซานซานเริ่มพังทลายลงมา
จากนั้นเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ส่วนคนที่ถูกขังอยู่ภายในนั้นก็ทุกข์ทรมานจากความร้อนมากยิ่งขึ้น
ในที่สุดก็มีคนหนึ่งทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาจึงกระอักเลือดออกมาแล้วล้มลงกับพื้น
วินาทีต่อมา เปลวเพลิงสายหนึ่งก็ระเบิดออกมาจากภายในร่างกายของเขา!