ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1856 แย่งชิง
ตอนที่ 1856 แย่งชิง
………………..
มั่วหลินก้มศีรษะลงต่ำกว่าเดิม หลังจากนั้นเขาก็รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นภายในยอดเขาหลานชิงอย่างละเอียด
ยิ่งเขาพูดเพิ่มขึ้นหนึ่งประโยค ใบหน้าของมั่วอวิ๋นก็มืดคล้ำมากกว่าเดิมหนึ่งส่วน
หลังจากที่เขาฟังจนจบ สีหน้าของมั่วอวิ๋นก็ไม่สามารถใช้คำว่าย่ำแย่มาบรรยายได้แล้ว
“…รองประมุข เรื่องนี้เป็นเพราะข้าไร้ความสามารถ…”
เพี้ยะ!
มั่วหลินยังพูดไม่ทันจบ เขาก็ถูกฝ่ามือของมั่วอวิ๋นขัดจังหวะอย่างรุนแรง!
เสียงตบดังลั่นทำให้บรรยากาศเย็นยะเยือกยิ่งขึ้นกว่าเดิม
คนของสำนักกระบี่ทมิฬคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ด้านข้าง เห็นเหตุการณ์ดังนั้นก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
มั่วหลินคือคนสนิทของมั่วอวิ๋น ในวันปกติทั่วไปเขาจะได้รับความสำคัญเป็นอย่างมาก
มั่วอวิ๋นไม่เคยโกรธเขามากขนาดนี้มาก่อน และยิ่งไม่เคยตบมั่วหลินในที่สาธารณะแบบนี้มาก่อนเลย
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังโมโหเป็นอย่างมาก
มั่วหลินก็รู้ว่าตนเองมีความผิด จึงไม่กล้าร้องขอความเมตตา ทำได้เพียงครวญครางเพราะความเจ็บปวด และคุกเข่าลงกับพื้น
“ก่อนหน้านี้ข้าพูดกับพวกเจ้าว่าอย่างใด! ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะลืมไปหมดแล้วใช่หรือไม่!”
มั่วอวิ๋นหน้าเขียวคล้ำ เขาแทบอยากจะสังหารคนที่อยู่ตรงหน้าให้ตายไปทั้งหมด!
เขาบอกหลายครั้งแล้วว่าต้องระวัง ต้องระวังให้มาก!
แต่สุดท้ายแล้วก็ยังก่อเรื่องที่ยุ่งยากมากขนาดนี้!
มุมปากของมั่วหลินมีเลือดไหลออกมา
มั่วอวิ๋นยังคงไม่หายโกรธ จากนั้นเขาก็เดินขึ้นไปถีบหน้าอกของอีกฝ่ายอีกครั้ง
“เจ้าทำไว้งามหน้ามาก!”
เขากระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ใบหน้าซีดขาวราวกับผี
เมื่อเห็นว่ามั่วอวิ๋นมีโทสะรุนแรงขนาดนี้ คนที่เหลือก็รู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก
รองประมุขโมโหรุนแรงขนาดนี้ เขาไม่มีทางลงโทษมั่วหลินแค่คนเดียวอย่างแน่นอน
เกรงว่าพวกเขาทั้งหมดก็…
“คนที่เดินทางไปยอดเขาหลานชิงอยู่ที่นี่ทั้งหมดแล้วอย่างนั้นหรือ?”
มั่วอวิ๋นหันหน้ากลับมามองอย่างกะทันหัน พร้อมมองพวกเขาด้วยความเย็นชา มั่วหลินลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก พร้อมตอบรับด้วยเสียงอ่อนแรง
“…เรียนรองประมุข อยู่ที่นี่ทั้งหมดแล้วขอรับ…”
พรึ่บ!
ทันทีที่สิ้นเสียง มั่วอวิ๋นก็ลงมือกับพวกเขาในทันที!
ลำแสงกระบี่ที่เย็นยะเยือกสว่างวาบออกมา!
ร่างกายกับศีรษะของคนเหล่านั้นหลุดออกไปคนละทิศคนละทาง!
เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว!
คนเหล่านั้นถูกจบชีวิตทันทีโดยยังไม่ทันได้พูดอันใดออกไปแม้แต่คำเดียว
ศีรษะของคนผู้หนึ่งกลิ้งมาอยู่ที่ปลายเท้าของฉู่หลิวเยว่
เลือดที่อุ่นร้อนและเหนียวเยิ้มหยดลงที่รองเท้าของนาง
ดวงตาของชายผู้นั้นปูดโปน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว
สีหน้านั้นน่ากลัวยิ่งนัก
หางตาของนางกระตุกขึ้น
ตอนนี้หน้าประตูเรือนหลัง นอกจากมั่วอวิ๋นและมั่วหลินแล้ว ยังเหลือพวกเขาเพียงแค่สามคน
…
มั่วอวิ๋นต้องการฆ่าคนเพื่อปิดปาก!
นอกจากมั่วหลิน คนที่เหลือก็ถูกเขาจัดการไปโดยตรง เขาฆ่าคนโดยไม่กะพริบตาด้วยซ้ำ
มั่วอวิ๋นผู้นี้ แม้กระทั่งคนของตนเองยังไม่ปล่อยไปเลยด้วยซ้ำ แล้วนับประสาอันใดกับพวกเขา?
ซานซานพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นเทา
“รองประมุข…”
“เถ้าแก่ซาน เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่เราติดต่อกันมานาน ข้าจะไว้หน้าเจ้า คนของเจ้า…ให้เจ้าจัดการเองก็ได้”
มั่วอวิ๋นพูดรวบรัดชัดเจน แต่เงื่อนไขคือให้ซานซานลงมือสังหารฉู่หลิวเยว่และหรงซิวด้วยตนเอง!
มือในแขนเสื้อของฉู่หลิวเยว่กระชับแน่นขึ้น
เมื่อซานซานได้ยินดังนั้นสมองก็ขาวโพลน
“นี่มัน…”
เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ลำคอแห้งผาก ทั่วทั้งร่างตึงเกร็ง
“รองประมุข เด็กรับใช้ของข้าทั้งสองคนนี้ได้ติดตามข้าไปเก็บสมุนไพรภายในผาธารใส เขาไม่รู้เรื่องอื่นเลยจริงๆ! ท่านก็รู้ว่า กว่าข้าจะเลี้ยงดูคนเหล่านี้ได้มันไม่ง่ายเลย…”
มั่วอวิ๋นเหลือบสายตามองซานซาน ภายในแววตามีแต่ความเย็นชา
“เช่นนั้นก็หมายความว่า เถ้าแก่ซานไม่ให้ความร่วมมืออย่างนั้นหรือ?”
ซานซานกัดฟันกรอด
ให้ฆ่าคนของตนเอง ที่ไหนเรียกว่าขอความร่วมมือกัน?
ในวันปกติแล้วจะให้เขาไปเก็บวัตถุดิบวิเศษก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้มันแย่กว่าเดิมยิ่งนัก!
เขากระแอมไอออกมาหนึ่งเสียง สีหน้าลำบากใจ
“รองประมุข คือว่า…ท่านให้ข้าทำอย่างอื่นข้าไม่มีปัญหา แต่ว่าเรื่องนี้…ข้าทำไม่ได้จริงๆ!”
มั่วอวิ๋นขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม
“แค่เด็กรับใช้สองคน พวกเขามีอันใดสำคัญกัน หากเถ้าแก่ซานรู้สึกปวดใจมากขนาดนี้ เดี๋ยวข้าจะส่งคนที่ใช้การได้ดีไปให้สักสองสามคนก็แล้วกัน”
ไม่ว่าอย่างใดก็ตามสิ่งที่สำนักกระบี่ทมิฬไม่ได้ขาดแคลนเลยก็คือผู้คน
ซานซานร้องทุกข์มิรู้วาย
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“รองประมุข ข้าเคารพท่านมาโดยตลอด และรู้ว่าที่ผู้น้อยแซ่ซานมีวันนี้ได้ก็เพราะการช่วยเหลือของท่าน วันนี้หากท่านต้องการสิ่งอื่นใด ผู้น้อยแซ่ซานก็จะไม่พูดมาก และมอบให้ท่านโดยตรง! แต่ตอนนี้ท่านกลับต้องการชีวิตของพวกเขา…ขอโทษจริงๆ ที่ข้าไม่สามารถตอบรับเงื่อนไขได้!”
เหมือนว่าเขาจะไม่ได้สังเกตถึงลมปราณที่แปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชาของมั่วอวิ๋น จากนั้นเขาก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“ผู้น้อยแซ่ซานทำธุรกิจเล็กๆ อยู่ในท่าเรือดอกท้อ หากวันนี้ข้าจะต้องฆ่าพวกเขาเพื่อปกป้องตนเอง หลังจากนี้ต่อไปจะมีคนสักเท่าไรที่ต้องผิดหวังในจวนเยว่”
มั่วอวิ๋นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง
“เรื่องเกิดขึ้นภายในสำนักกระบี่ทมิฬ ไม่มีทางแพร่งพรายให้คนภายนอกล่วงรู้เด็ดขาด”
“แต่ผู้น้อยแซ่ซานรู้”
ซานซานมีท่าทางแข็งกระด้างอย่างหาได้ยาก
“ต่อให้คนอื่นไม่รู้ แต่ฟ้ารู้ดินรู้ หลังจากนี้ต่อไปผู้น้อยแซ่ซานคงนอนไม่หลับแล้ว!”
พรึ่บ!
มั่วอวิ๋นเหวี่ยงกระบี่ยาวในมือออกมา ปลายกระบี่อันเย็นชาและแหลมคมวางอยู่บนคอของซานซาน!
“เถ้าแก่ซาน เจ้าไม่ชอบดื่มสุรามงคลแต่จะดื่มสุราลงทัณฑ์อย่างนั้นหรือ”
ความเจ็บปวดจางๆ แผ่กระจายออกมาจากต้นคอ
กลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายขึ้นทั่วจมูก
ใบหน้าของซานซานซีดเผือดเป็นอย่างมาก แต่สีหน้าท่าทางกลับยืนหยัดมั่นคง
“รองประมุข ข้ารู้ว่าท่านกำลังกังวลเรื่องอันใดอยู่ แต่ข้าสามารถรับประกันได้ด้วยชีวิต เรื่องในวันนี้จะไม่มีทางแพร่งพรายให้ผู้อื่นได้รับรู้อย่างเด็ดขาด!”
ความจริงแล้วเขาก็คิดไม่ถึงว่า ซานซานจะมีปฏิกิริยาที่รุนแรงขนาดนี้
เพียงแค่เด็กรับใช้สองคน…
แต่เมื่อมองเห็นแววตาแห่งความโกรธและไม่ยินยอมของซานซาน หัวใจของมั่วอวิ๋นก็กระตุกไป
ดั่งคำโบราณกล่าวไว้ว่า กระต่ายจนมุมกัดคนเป็น
ดูจากท่าทางแล้วเหมือนว่าเขาจะบีบบังคับคนผู้นี้มากเกินไปจริงๆ
บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาไม่พอใจเรื่องเพิ่มปริมาณสมุนไพรอยู่แล้ว เมื่อเรื่องเกิดขึ้นในวันนี้ เขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป จนระเบิดพุ่งออกมา
ที่มั่วอวิ๋นสามารถเป็นรองประมุขได้นั้น เป็นเพราะว่าเขามีสมอง
หลังจากครุ่นคิดสักพักหนึ่ง เขาก็สามารถหาสาเหตุที่ซานซานเป็นเช่นนี้ได้แล้ว
ความจริงแล้วสิ่งที่เขาคิดนั้นก็ถูกต้อง หลังจากผ่านเหตุการณ์เหล่านั้น ความอดทนของซานซานที่มีต่อพวกเขาก็ได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว
แต่ว่าที่เขาระเบิดออกมาเช่นนี้สาเหตุหลักเป็นเพราะว่าทั้งสองคนนั้นคือ…นายท่านและสามีของนายท่านต่างหาก!
แล้วเขาจะไม่ระเบิดออกมาได้อย่างใด?
วันนี้ต่อให้พวกเขาต้องล่วงเกินอีกฝ่ายจนต้องตาย เขาก็จะทำเช่นนี้!
แต่มั่วอวิ๋นกลับไม่รู้เรื่องราวเหล่านี้เลย
หลังจากเขาชั่งน้ำหนักภายในใจแล้ว ในที่สุดมั่วอวิ๋นก็ดึงกระบี่กลับคืนไป สีหน้าอ่อนลงเล็กน้อย
“เหตุใดเถ้าแก่ซานต้องร้อนรนขนาดนี้ด้วยแล้ว เจ้าคือแขกกิตติมศักดิ์ของสำนักกระบี่ทมิฬของพวกเรา ในเมื่อเจ้าอยากเก็บพวกเขาเอาไว้ ข้าก็ย่อมเห็นด้วย”
ซานซานหันไปมองทางมั่วอวิ๋น เมื่อแน่ใจแล้วว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น จึงได้ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“เมื่อครู่นี้เป็นผู้น้อยแซ่ซานที่รีบร้อนไปจริงๆ ดังนั้นจึงหวังว่ารองประมุขจะไม่ถือสา…”
มั่วอวิ๋นส่ายหน้า
“เรื่องเล็กน้อย เพียงแต่ว่าข้าไว้ใจเถ้าแก่ซาน แต่ไม่ได้ไว้ใจสองคนนี้ เพียงแต่ว่าหากอยากให้พวกเขาทั้งสองออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย เถ้าแก่ซาน…จะต้องให้พวกเขากินโอสถสลายลมปราณ”