ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1858 ปัญหาใหญ่
ตอนที่ 1858 ปัญหาใหญ่
………………..
ซานซานจมอยู่ในความคิด
“ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินพวกเขาพูดถึงมาก่อนเลย แต่ดูจากสถานการณ์ในวันนี้แล้ว ก็น่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ”
เมื่อพูดถึงยอดเขาหลานชิง สีหน้าของมั่วอวิ๋นนั้นแตกต่างออกไปจริงๆ
ดูเหมือนว่าเขาจะเตรียมการเอาไว้นานแล้ว
“เพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการจะทำอันใดกับยอดเขาหลานชิงกันแน่…”
ฉู่หลิวเยว่นึกย้อนไปถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ดังนั้นจึงเลิกคิ้วขึ้น
“บางทีพวกเขาอาจจะรู้มาก่อนหน้านี้แล้วก็ได้ว่าภายในยอดเขาหลานชิงแห่งนั้น เปลวเพลิงสีน้ำเงินที่ถูกระงับเอาไว้อยู่ เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ว่า เปลวเพลิงเหล่านั้นจะแข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้ ดังนั้นจึงทำแผนพังไม่เป็นท่าเช่นนี้”
คนที่เสียชีวิตภายในยอดเขาหลานชิงมีสถานะไม่สูงส่ง
หากหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นแล้ว พวกเขาก็ไม่มีทางขอความช่วยเหลือทางมั่วหลิน อีกทั้งยังไม่สามารถทำให้มั่วอวิ๋นเคลื่อนไหวได้อย่างแน่นอน
แต่เห็นได้ชัดว่ามั่วอวิ๋นให้ความสำคัญกับสถานการณ์ภายในยอดเขาหลานชิงเป็นอย่างมาก แต่เขากลับส่งคนออกไปแค่ไม่กี่คน เช่นนั้นก็หมายความว่าตอนที่เขาประเมินสถานการณ์ในครั้งแรก พวกเขาไม่ได้รอบคอบมากพอ หรือไม่เขาก็ต้องการทำให้เรื่องนี้เงียบมากที่สุด และหลีกเลี่ยงการเป็นจุดสนใจ
แต่ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ ความคิดที่เกี่ยวกับยอดเขาหลานชิงนั้นไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นมาในวันนี้
ทันใดนั้นซานซานก็นึกอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้น
“ยอดเขาหลานชิงแห่งนั้นอยู่ไม่ห่างจากผาธารใสมากนัก หรือว่าที่พวกเขาทำเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่า…”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“เจ้าได้รับโอกาสจากผาธารใส แล้วจะไม่ให้คนอื่นริษยาได้อย่างใด? แน่นอนว่าสำนักกระบี่ทมิฬก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้น หากข้าเดาไม่ผิดแล้วละก็ ไม่แน่พวกเขาน่าจะค้นพบอันใดบางอย่างที่ยอดเขาหลานชิงมาแล้ว เดิมทีเขาต้องการจะจัดการไปอย่างเชื่องช้า แต่น่าเสียดายที่วันนี้เปลวเพลิงระเบิดขึ้นมาโดยตรง จนเกิดเรื่องวุ่นวายมากขึ้น”
“นายท่านพูดได้ถูกต้อง! บริเวณนั้นมักจะมีคนเข้ามาหาขุมทรัพย์อยู่เป็นประจำ ครั้งนี้หลังจากเรื่องของยอดเขาหลานชิงแพร่กระจายออกไป จะต้องมีคนจำนวนไม่น้อยที่เห็นเหตุการณ์นั้นอย่างแน่นอน เวลาไม่ถึงหนึ่งวัน ทั่วทั้งท่าเรือดอกท้อจะต้องปั่นป่วนขึ้นมาอย่างแน่นอน”
ต่อให้มั่วอวิ๋นจะสังหารพวกเขาไปทั้งหมดแล้ว แต่ไม่สามารถปิดข่าวนี้ได้อย่างแน่นอน
“เปลวเพลิงนั้น…มันคืออันใดกันแน่…”
ฉู่หลิวเยว่กอดอกด้วยแขนทั้งสองข้าง แล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย อีกทั้งกำลังจดจ่ออยู่ในความคิด
บนโลกนี้มีเปลวเพลิงที่แปลกประหลาดอยู่หลายชนิด
แต่เปลวเพลิงสีน้ำเงินนั้น นางไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
อีกทั้งเห็นได้ชัดว่าเปลวเพลิงเหล่านั้นเป็นแบบเดียวกับเปลวเพลิงที่อยู่ภายในร่างกายของซานซานไม่มีผิด แต่เขากลับไม่สามารถควบคุมได้
“นายท่าน…ความจริงแล้วตอนที่ข้าต่อสู้กับเปลวเพลิงเหล่านั้น ข้ารู้สึกว่า…มันกำลังยั้งมือให้ข้าอยู่…”
ซานซานพูดสิ่งที่ตนเองสงสัยออกมาอย่างลังเล
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
ความจริงแล้วจุดนี้นางก็คาดเดาเอาไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว
ด้วยฝีมืออย่างซานซานแทบจะไม่สามารถต้านทานการโจมตีอย่างเต็มกำลังของอีกฝ่ายได้
หลังจากวางม่านพลังไปแล้ว คาดไม่ถึงว่าเขายังจะสามารถต้านทานพลังนั้นได้
เห็นได้ชัดว่าที่แห่งนี้มีเบาะแสอันใดบางอย่างซ่อนอยู่
ถ้ามั่วหลินและคนอื่นๆ สังเกตอย่างระมัดระวังมากพอ หรือมาดูอาการบาดเจ็บของซานซานด้วยตนเอง พวกเขาก็จะพบว่าบาดแผลของซานซานไม่ได้สาหัสขนาดนั้น
“ซึ่งนั่นก็หมายความว่า บางทีเปลวเพลิงเหล่านั้นอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับพื้นที่มิติขนาดเล็กของเจ้าสินะ?”
ฉู่หลิวเยว่พูดพึมพำเสียงต่ำ
ซานซานมีใบหน้าสับสนมึนงง
“เรื่องนี้…ข้าเองก็ไม่กล้ามั่นใจเช่นกัน…”
เสียงที่เย็นชาและไพเราะดังขึ้นมา
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมอง จากนั้นก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“เจ้าสัมผัสอันใดได้อย่างนั้นหรือ?”
หรงซิวพยักหน้า หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง ทันใดนั้นที่มุมปากของเขาก็มีรอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้น
“เป็นไปได้อย่างมากว่า สิ่งนั้นน่าจะเป็นสิ่งที่สำนักกระบี่ทมิฬต้องการ”
…
อีกด้านหนึ่ง มั่วอวิ๋นก็พามั่วหลินมาที่ยอดเขาหลานชิง
ความเร็วของทั้งสองคนนั้นสูงมาก
ความแข็งแกร่งของมั่วหลินไม่ได้สูงเท่ามั่วอวิ๋น กอปรกับก่อนหน้านี้เขาได้รับบาดเจ็บ ในตอนนี้เขาต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดถึงจะสามารถติดตามมั่วอวิ๋นได้ทัน
ลมปราณภายในร่างกายของเขาสับสน ใบหน้าซีดขาวมากกว่าเดิม แต่ลมปราณที่อยู่รอบกายของมั่วอวิ๋นนั้นเย็นยะเยือก เขาจึงไม่กล้าพูดอันใดมาก ได้แต่กัดฟันอดทนต่อไป
ทั้งสองคนจึงเดินทางมาถึงยอดเขาหลานชิงด้วยความเงียบเชียบ
เมื่อมองจากระยะไกล มั่วอวิ๋นก็สามารถเห็นว่าบนไหล่เขามีเปลวเพลิงสีน้ำเงินกำลังลุกโชนโหมกระหน่ำอยู่!
แต่ที่สำคัญมากกว่านั้น ในตอนนี้รอบข้างของยอดเขาหลานชิงมีคนยืนล้อมรอบอยู่จำนวนไม่น้อยแล้ว
ความสนใจของพวกเขานั้นอยู่ที่ยอดเขาหลานชิงอย่างเห็นได้ชัด
“เมื่อครู่นี้ยังดีๆ อยู่เลย แต่เหตุใดที่ยอดเขาหลานชิงถึงมีเปลวเพลิงปรากฏขึ้นมาได้ล่ะ? เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีของวิเศษปรากฏขึ้นมา?”
“นั่นมันก็ไม่แน่นะ…แต่เปลวเพลิงเหล่านั้นแข็งแกร่งอย่างมากเลย เมื่อครู่นี้มีคนพยายามจะก้าวข้ามไป แต่เขาเกือบถูกไฟคลอกตายแน่ะ! เจ้าไม่เห็นหรือว่ามีคนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ตั้งมากมาย แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปเลยแม้แต่คนเดียว?”
“อย่างนี้นี่เอง…เปลวเพลิงเหล่านี้น่าจะลามมาจากภายในภูเขา บางที…ด้านล่างของยอดเขาหลานชิงอาจจะซ่อนอันใดบางอย่างอยู่ก็ได้?”
“ต่อให้มันซ่อนอันใดอยู่จริงๆ นั่นก็ไม่ใช่คราวของพวกเราอยู่ดี! เปลวเพลิงเหล่านี้รุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะมีคนมาจัดการได้…”
“จุ๊ๆ หากมีของวิเศษมาปรากฏขึ้นบนโลกจริงๆ ถ้าเช่นนั้นต้องเป็นคนที่มีโชคชะตาลิขิตเท่านั้นถึงจะได้รับ สำนักกระบี่ทมิฬนั้นแข็งแกร่งก็จริง แต่หากจะใช้กำลังยึดครองมา เกรงว่ามันคงไม่ได้ผล?”
…
แต่ละคนมีความคิดเห็นแตกต่างกันออกไป
เส้นเลือดสีเขียวบนหน้าผากของมั่วอวิ๋นเต้นตุ๊บๆ ขึ้นอย่างรุนแรง
สิ่งที่เขาไม่อยากเห็นมากที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว!
ตอนนี้คนจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว จะฆ่าอย่างใดก็ฆ่าไม่หมด!
เขาหันหน้าไปมองทางมั่วหลิน จิตสังหารในแววตาพวยพุ่งขึ้น
“เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้ว พวกเจ้าจะเดินตรงเข้าไปเลยหรือไง!”
คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย!
เขากลัวว่าจะมีคนรู้เรื่องนี้น้อยไปใช่หรือไม่
แรงกดดันอำนาจสะพรึงกลัวคืบคลานเข้ามา เหมือนกับภูเขาขนาดเล็กเมื่อกดทับอยู่บนไหล่ของมั่วหลิน
เขากลืนเลือดที่อยู่ในลำคอลงไป จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างยากลำบากว่า
“…รองประมุข ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากทำอันใด แต่…ข้าไม่มีความสามารถ เปลวเพลิงเหล่านี้…”
แรงคุกคามของเปลวเพลิงเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกินขีดจำกัดของพวกเขาแล้ว!
เขารู้ว่าหากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปผลลัพธ์จะต้องร้ายแรงอย่างแน่นอน
แต่สถานการณ์ในตอนนั้นมันอยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเขาตั้งนานแล้ว
สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ก็คือต้องรีบออกมาเพื่อขอคำแนะนำจากท่าน
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะมาถึงที่นี่เร็วกว่าที่คาดเอาไว้
มั่วอวิ๋นหลับตาลง แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมระงับจิตสังหารที่พวยพุ่งขึ้นมาภายในอย่างยากลำบาก
ที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับผาธารใส แน่นอนว่าจึงมีคนมาสำรวจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เพราะพวกเขาก็หวังว่าจะได้รับโชคชะตาอย่างเช่นซานซานบ้าง
แต่เมื่อมีเปลวเพลิงปะทุขึ้นที่ยอดเขาหลานชิงอย่างกะทันหัน จึงดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องปกติแล้ว
“เรื่องนี้ใหญ่โตจนไม่สามารถเก็บกวาดได้แล้ว จะฆ่าเจ้าตายเป็นหมื่นครั้งเพื่อชดใช้มันก็ยังไม่เพียงพอ!”
มั่วอวิ๋นกดน้ำเสียงลงต่ำ คำพูดเล็ดลอดออกจากซอกฟัน
หัวใจของมั่วหลินเย็นวาบ เขาทำได้เพียงก้มหน้าลงเท่านั้น
เขารู้ว่าจบเห่แล้ว
มั่วอวิ๋นหมุนตัว แล้วมุ่งหน้าไปทางยอดเขาหลานชิงด้วยความเร็วที่เร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉุกละหุกอย่างยิ่ง เขาต้องรีบจัดการไฟเหล่านั้นเป็นอันดับแรก
หลังจากนั้นไม่นาน คนที่ยืนล้อมรอบยอดเขาหลานชิงอยู่ก็สังเกตเห็นถึงเงาร่างของเขา
“มั่วอวิ๋นมาแล้ว!”
………………..