ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1864 ปวดใจ
ตอนที่ 1864 ปวดใจ
………………..
เยี่ยนชิงเงยหน้าขึ้นมอง สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงแค่แสงสว่างวิบวับหลากสีราวกับผีเสื้อ ก่อนจะหายตัวไปอย่างรวดเร็วภายในเรือน
นี่นาง…โกรธจนวิ่งออกไปเลยหรือ?
เยี่ยนชิงขมวดคิ้ว ภายในใจก็โทษตนเองอยู่
ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม การเข้าใจผิดในเรื่องเช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่แย่อย่างมาก
เหมือนว่าหลังจากนี้เขาต้องหาโอกาสไปขอโทษอีกครั้งแล้ว
…
น้องแปดรีบวิ่งกลับเข้าห้องตัวเองด้วยความรีบร้อน
นางล้มตัวบนเตียงบนเตียงนุ่มของตนเอง เตรียมตัวจะหลับพักผ่อน
แต่เมื่อนางเพิ่งจะหลับตาลง ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ก็ฉายชัดเข้ามาในสมองอย่างต่อเนื่อง
“…ใช่แล้ว”
“…เยี่ยนชิงเป็นห่วงจริงๆ ว่าแม่นางแปดจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ”
“…”
เยี่ยนชิงเป็นคนพูดน้อย โดยปกติแล้วนางมักจะยั่วโมโหเขาอยู่หลายครั้ง แต่น้อยครั้งมากที่จะได้รับการตอบโต้จากเขา
ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ เขาจะใช้ความเงียบเป็นคำตอบ หรือบางครั้งอาจจะตอบด้วยคำพูดสั้นๆ
วันนี้เป็นวันที่เขาพูดกับนางเยอะมากที่สุด
อีกทั้ง คำพูดเหล่านั้นเหมือนว่าจะไม่ใช่คำที่ดีมากเท่าไร
น้องแปดรู้สึกรำคาญจนดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมศีรษะ
รอบข้างมืดมิด ทำให้นางได้ยินเพียงแต่เสียงลมหายใจของตนเองที่เงียบงัน
แต่ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม เมื่อนางนึกถึงใบหน้าที่เย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็งนั้นอีกครั้ง สีหน้าลำบากใจที่หาได้ยากยิ่งก็เผยขึ้นมาอย่างหาได้ยาก อีกทั้งดวงตาที่เคยเรียบเฉย ในวันนี้กลับกระจ่างใสเป็นอย่างยิ่ง
คาดไม่ถึงว่าเยี่ยนชิงผู้นี้จะเข้าใจนางผิด…
แอ๊ด!
ประตูห้องถูกคนผลักออกมา
น้องแปดตกใจสะดุ้งเฮือก จึงรีบหันไปมองอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นว่าเป็นเฉินอี นางจึงได้ผ่อนลมหายใจลง แล้วตะโกนออกมาอย่างโมโหว่า
“พี่ใหญ่! จะเข้าห้องมาเหตุใดไม่เคาะประตูล่ะ? ข้าตกใจหมดเลย!”
เฉินอีเคาะประตูแล้ว
“ประตูของเจ้าไม่ได้ลงกลอน”
น้องแปดเหลือบสายตาหันไปมอง จากนั้นก็พบว่าตอนที่นางเข้ามานั้น นางรีบร้อนมากเกินไป ดังนั้นจึงปิดมันเอาไว้เฉยๆ
“…แต่ข้ากำลังจะนอนแล้วนะ! เมื่อคืนนี้ข้าไม่ได้นอนเลย!”
เฉินอีเดินเข้ามา เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ข้าคิดว่าตอนนี้เจ้าคงนอนไม่หลับ ดังนั้นจึงมาหา”
ลมหายใจของน้องแปดติดขัด
เมื่อเผชิญหน้ากับพี่ใหญ่ นางไม่สามารถพูดอันใดที่ขัดกับความคิดได้เลย
…เพราะในตอนนี้นางไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย
นางพิงหัวเตียงอย่างหมดแรง
“แต่ข้าพูดไปแล้วว่าข้าจะนอน…”
เฉินอีเคาะโต๊ะเบาๆ
“เล่าเรื่องที่รู้มาทั้งหมดแล้วค่อยนอนก็ยังไม่สาย”
เดิมทีเขาก็ไม่ได้เร่งร้อนขนาดนั้น เพียงแต่เห็นสถานการณ์ของน้องแปดแล้วคิดว่า อีกนานนางก็ยังนอนไม่หลับแน่
ถ้าเช่นนั้นก็รีบแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้โดยเร็วที่สุดจะดีกว่า
เฉินอีเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ สีหน้าราบเรียบ มุมปากโค้งขึ้น
“ใช่แล้ว ไม่เช่นนั้นใต้เท้าเยี่ยนชิงอาจจะรู้สึกปวดใจแทนเจ้าได้”
“พี่ใหญ่!”
ในตอนนั้นน้องแปดก็กระโดดลงจากเตียงเหมือนกับแมวโดนเหยียบหาง
“พี่ได้ยินทั้งหมดเลยหรือ?”
เห็นได้ชัดว่าตอนนั้นพวกเขาเดินไปด้านข้างแล้ว!
ไม่ถูกต้อง!
แต่เรื่องนั้นมันไม่สำคัญ!
ประเด็นสำคัญเลยก็คือ…พี่ใหญ่กำลังพูดจาเพ้อเจ้ออันใดอยู่!
“เปล่า พวกเจ้าไปคุยอันใดกัน ข้าไม่ได้ยินเลยแม้แต่น้อย”
เฉินอีมีสีหน้าผ่อนคลาย
“สือซานกับคนอื่นก็ไม่ได้ยินเหมือนกัน”
น้องแปดจ้องหน้าเขาอย่างระแวดระวัง
“แต่เป็นเยี่ยนชิงที่เข้ามาขอโทษข้าด้วยตนเอง”
มุมปากของน้องแปดกระตุกขึ้นอย่างรุนแรง จากนั้นก็ล้มตัวนอนลงบนเตียงด้วยความสิ้นหวัง
นางคิดเอาไว้อยู่แล้ว…
เฉินอีใช้สายตากวาดสำรวจนาง
ในความทรงจำของเขา น้องแปดเป็นคนที่มีเสน่ห์เหลือล้น และเขาไม่เคยเห็นนางมีท่าทางเช่นนี้มาก่อน
“เอาล่ะ ข้าไม่หยอกเจ้าแล้ว พูดเรื่องของเมื่อวานมาเถอะ”
เฉินอีเปลี่ยนเรื่องคุย
น้องแปดใช้เวลาสักพักหนึ่ง กว่าจะเข้าใจคำพูดเมื่อครู่นี้ที่เฉินอีพูดออกมา
นางลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก
หลังจากเงียบไปสักพักหนึ่ง นางก็พยายามรวบรวมสมาธิ
“…เมื่อวานนี้หลังจากพี่ใหญ่กลับไปแล้ว ข้าก็ได้ไปที่สำนักกระบี่ทมิฬ…”
แน่นอนว่านางไม่ได้เข้าทางประตูหลัก แต่เดินไปทางประตูด้านข้าง
การคุ้มกันที่ประตูด้านข้างนั้นหละหลวมเล็กน้อย จึงสามารถโจมตีได้ดีกว่า
ในตอนแรกนั้น เมื่อยามทั้งสองคนเห็นนางก็ยังมีท่าทางระแวดระวังเป็นอย่างมาก
แต่ความจริงแล้วน้องแปดเป็นคนที่งามมาก อีกทั้งยังมีเสน่ห์เหลือล้น นางเผยสีหน้าที่น่าสงสารออกมา ดังนั้นจึงทำให้ผู้คนเหล่านั้นละทิ้งความระวังได้อย่างง่ายดาย
ความจริงแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาเจอเหตุการณ์เช่นนี้
สำนักกระบี่ทมิฬอยู่ในจุดสูงสุดของท่าเรือดอกท้อ แม้ว่าจะได้ล่วงเกินและมีความแค้นกับผู้คนจำนวนไม่น้อย แต่คนที่อยากจะเข้ามาในสำนักกระบี่ทมิฬนั้นก็มีจำนวนนับไม่ถ้วน
ต่อให้ไม่ได้เข้าไป แต่ก็ขอมีความสัมพันธ์กับคนของสำนักกระบี่ทมิฬบ้างก็ยังดี
ดังนั้นนายเวรยามเหล่านี้จะไม่ได้มีสถานะสูงส่ง แต่ก็เป็นที่หมายปองของคนจำนวนมาก
มีคนจำนวนไม่น้อยตั้งใจจะใช้เล่ห์กลกับเขา ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการทำให้เขาพึงพอใจเท่านั้น
และหนึ่งในนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ สาวงามที่เข้ามาหาเขาด้วยตนเอง
ตอนที่พวกเขาเห็นน้องแปด พวกเขาก็คิดว่านางจะต้องเป็นดั่งเช่นแม่นางเหล่านั้นแน่นอน ดังนั้นจึงไม่ได้ระมัดระวังตัวมากนัก
และผลลัพธ์ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถจินตนาการได้
น้องแปดลงมืออย่างเบามือ จากนั้นก็ใช้ยาเล็กน้อย ทำให้ผู้ชายเหล่านั้นสับสนมึนงง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอันใดก็พูดมาทั้งหมด
“ตั้งแต่เมื่อวานนี้ คนของสำนักกระบี่ทมิฬจำนวนมากได้ถูกส่งไปที่ยอดเขาหลานชิง แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครได้กลับมา พวกเขาล้วนเสียชีวิตทั้งหมด ต่อมามั่วอวิ๋นก็ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ย่ำแย่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ส่งใครไปอีก แต่เขาเองก็ไม่ได้กลับมา พวกเขายังเฝ้าอยู่ที่บริเวณใกล้เคียงของยอดเขาหลานชิง”
น้องแปดจับปลายคางด้วยมือข้างหนึ่ง
แม้ว่านางจะไม่ได้เข้าไป แต่ก็สามารถสืบสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวภายในนั้นได้ไม่น้อย
ท้ายที่สุดแล้วตลอดเวลาที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอนุญาตให้ซานซานพาคนอื่นเข้าไปในสำนักกระบี่ทมิฬด้วย อีกทั้งยังคุมขังพวกเขาเอาไว้ในเรือนด้วย
กอปรกับสถานการณ์ที่วุ่นวาย ทำให้ข้อมูลเหล่านี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทุกคนก็สามารถรู้ได้อย่างง่ายดาย
“ข้าคิดว่าอย่างน้อยภายในช่วงเวลาสั้นๆ นายท่านก็น่าจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ”
น้องแปดพูดขึ้นมาอย่างมั่นใจ
เฉินอีพยักหน้า
นี่เป็นสิ่งที่พวกเราคาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่แรก
สิ่งเดียวที่ไม่ได้คาดคิดก็คือ เปลวเพลิงที่ยอดเขาหลานชิงจะจัดการได้ยากกว่าที่คิดเอาไว้ คาดไม่ถึงว่ามั่วอวิ๋นจะต้องพัวพันอยู่นานหลายวัน
“เช่นนั้นก็ดี ตอนนี้สำนักกระบี่ทมิฬยังดูแลตัวเองไม่ไหวเลย นายท่านที่อยู่ภายในสำนักนั้น ก็ลดเรื่องวุ่นวายใจไปได้มาก”
เฉินอีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดออกมาเสียงทุ้มต่ำ
“เปลวเพลิงที่ยอดเขาหลานชิงน่าจะทำให้มั่วอวิ๋นปวดหัวไม่น้อย…”
น้องแปดถามขึ้นมาอย่างประหลาดใจ
“จริงสิ เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว พี่ใหญ่รู้หรือไม่ว่ามันเกิดอันใดขึ้นกับเปลวเพลิงเหล่านั้นกันแน่? ข้าได้ยินมาว่าคนในท่าเรือดอกท้อไปที่นั่นเป็นจำนวนไม่น้อยแล้ว ไม่เช่นนั้น…พวกเราก็…”
เฉินอีส่ายหน้า
“คนที่ไปเข้าร่วมสนุกมีจำนวนมากพออยู่แล้ว พวกเรารอดูสถานการณ์ก็พอแล้ว”
ท้ายที่สุดแล้วเปลวเพลิงเหล่านั้นก็มีลักษณะคล้ายกับเปลวเพลิงที่อยู่ภายในร่างกายของซานซาน อีกทั้งซานซานถูกขังเอาไว้ในสำนักกระบี่ทมิฬด้วยเหตผลนี้อีก
ยิ่งในเวลาแบบนี้ พวกเขาควรจะออกห่างจากเปลวเพลิงสีน้ำเงินนี้ให้ได้มากที่สุด
น้องแปดรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เมื่อคิดไปแล้วสิ่งที่เขาพูดก็มีเหตุผล
“ก็ได้”
เฉินอีลุกขึ้นยืน
“เอาล่ะ เจ้าก็พักผ่อนให้เพียงพอ เรื่องที่เหลือก็ไม่ต้องไปสนใจแล้ว”
………………..