ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1865 หัวใจของเขา
ตอนที่ 1865 หัวใจของเขา
………………..
หลังจากคุยเรื่องเหล่านี้จนเสร็จสิ้น ในที่สุดความง่วงก็เข้ามาปกคลุมน้องแปด
นางโบกมืออย่างเกียจคร้าน
“เช่นนั้นพี่ใหญ่ก็ระวังตัวด้วย ข้าไม่ไปส่งแล้วนะ จริงสิ รบกวนพี่ใหญ่ช่วยลงกลอนให้ข้าด้วย”
เมื่อพูดจบนางก็หลับตาลงเตรียมตัวจะพักผ่อนจริงๆ แล้ว
เฉินอีตอบรับหนึ่งเสียง จากนั้นก็สาวเท้าเดินไปที่หน้าประตู
ข้อดีอย่างหนึ่งของน้องแปดคือ…นางเป็นคนใจกว้างมาก
เหมือนว่าจะไม่เคยมีเรื่องให้กังวล และไม่รู้ว่าจะรู้สึกกังวลและเป็นห่วงไปเหตุใด
ทุกครั้งที่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น อู่เหยาและคนอื่นๆ จะเกิดความวิตกกังวลขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่นางไม่ได้เป็นเช่นนั้น
หลังจากจัดการเรื่องที่ตนเองควรจะทำได้สำเร็จ นางก็จะนอนหลับไปโดยเร็วที่สุด
รอจนกระทั่งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง จิตแจ่มใส พลังเต็มเปี่ยม
ซึ่งเป็นความผ่อนคลายที่หาได้ยาก
นางเหมือนกับผีเสื้อที่ไม่เคยรู้จักความเหน็ดเหนื่อย มีแต่ความผ่อนคลาย อิสระ ไร้กังวลอยู่เสมอ
ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดี
เฉินอีคิดเช่นนั้น
จากนั้นก็เดินไปที่ประตู ทันใดนั้นเขาก็ชะงักฝีเท้าลง
“เรื่องทางด้านเยี่ยนชิง…”
น้องแปดเอามืออุดหูด้วยความรำคาญใจ จากนั้นก็พลิกตัวนอนตะแคงข้าง
ไม่ฟัง!
เฉินอีหัวเราะขึ้นมา
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น น้องแปดก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา นางผุดตัวลุกขึ้นนั่งในทันที แล้วจ้องหน้าเฉินอีด้วยความโกรธแค้น
แววตาสวยเต็มไปด้วยโทสะ ภายในดวงตามีแสงประกายออกมา อีกทั้งยังสาดกระจายไปทุกที่
เฉินอีกล่าวเตือนขึ้นมาว่า
“ความแข็งแกร่งของเขานั้นเหนือกว่าเจ้า แต่เมื่อเปรียบเทียบกับข้าแล้วก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าข้า”
น้องแปดชะงักค้างไปเล็กน้อย
พี่ใหญ่แข็งแกร่งขนาดไหน ความจริงแล้วเรื่องนี้นางรู้เป็นอย่างดี
และนางก็รู้ว่าหากพี่ใหญ่ลงมือ เพียงแค่ในสามกระบวนท่าเขาก็สามารถจัดการนางได้อย่างแน่นอน!
แต่ที่คาดไม่ถึงคือ พี่ใหญ่จะพูดด้วยตนเองว่าความแข็งแกร่งของเยี่ยนชิงไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย…
“…จะเป็นไปได้อย่างใด?”
คิ้วเรียวดั่งก้านหลิวของน้องแปดขมวดขึ้น ภายในใจเกิดความสงสัยขึ้นมา
ใช่ว่านางจะไม่เคยสัมผัสความแข็งแกร่งของเยี่ยนชิง ระดับความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามเหมือนว่าจะไม่ได้แข็งแกร่งเทียบเท่าพี่ใหญ่
“คนสามารถติดตามหรงซิวได้ เขาจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างใด”
เฉินอีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
น้องแปดครุ่นคิดอยู่ภายในใจ
พี่ใหญ่ไม่จำเป็นต้องหลอกลวงนาง
หรือว่า…
เยี่ยนชิงผู้นี้จะแข็งแกร่งจริงๆ?
“เขาไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้า เจ้าก็ปล่อยเขาไปเถอะ”
น้องแปดกัดฟันกรอด แต่ไม่ได้พูดอันใด
เรื่องนี้จะต้องจบลงเช่นนี้หรือ?
นางทำไม่ได้!
เหมือนว่าเฉินอีก็ไม่ได้ประหลาดใจกับคำตอบของนางเท่าไร มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย และไม่ได้พูดอันใดออกมา ก่อนจะเดินออกไปทางอย่างนั้น
จากนั้นเขาก็ถือโอกาสปิดประตูลงกลอนให้
น้องแปดจ้องมองประตูด้วยโทสะคุกรุ่น หลังจากผ่านไปสักพักนางถึงได้ยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวแล้วนอนหลับไป
รอให้มีโอกาสก่อนเถอะ…นางจะต้องเอาคืนแน่นอน!
…
เฉินอีเดินมุ่งหน้าออกจากห้องของน้องแปดมา
หลังจากเขาเดินออกมาจากในเรือนแล้ว เมื่อเขาอ้อมไปที่ชานระเบียง ก็เห็นว่ามีคนพูดหนึ่งกำลังยืนรออยู่
คนผู้นั้นก็คือ เยี่ยนชิง
“พี่เฉิน”
เขาทำความเคารพอย่างมีมารยาท
เฉินอีส่ายหน้า
“เรื่องที่ควรพูดข้าก็ได้พูดไปแล้ว แต่ว่า…น้องแปดมีนิสัยเอาแต่ใจ…”
หัวใจของเยี่ยนชิงตึงเครียดขึ้น
เดิมทีเขาคิดเอาไว้ว่า หากเฉินอีเป็นคนพูด สถานการณ์น่าจะดีกว่าเดิม
แต่ดูจากในตอนนี้แล้ว เหมือนว่ามันจะยากลำบากเล็กน้อย…
“ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเยี่ยนชิงเอง แม่นางแปดจะไม่หายโกรธข้าก็เป็นเรื่องปกติแล้ว แต่ข้าก็ต้องขอบคุณพี่เฉินอย่างมาก อีกเดี๋ยวข้าค่อยไปขอโทษแม่นางแปดด้วยตนเองอีกครั้ง”
เฉินอีพยักหน้า
“ข้ายังมีธุระอื่นอีก ขอตัวก่อน”
เยี่ยนชิงไม่ได้รั้งตัวอยู่นาน
ฝ่าบาทถูกขังอยู่ในสำนักกระบี่ทมิฬ เขาเองก็มีเรื่องอื่นที่จะต้องจัดการ
เยี่ยนชิงหมุนตัวเดินจากไป เงาร่างของเขานั้นหายไปอย่างรวดเร็ว
เฉินอีมองตามทิศทางที่เขาจากไป จากนั้นก็หมุนตัวเดินไปอีกทาง
เมื่อมีคนผู้นั้นอยู่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่านายท่านจะประสบอันตรายใดๆ หรือไม่…
…
สามวันต่อมาผ่านไปไวภายในชั่วพริบตา
ฉู่หลิวเยว่และหรงซิวที่ถูกคุมขังอยู่ในสำนักกระบี่ทมิฬ และพวกเขาก็อยู่ภายในนั้นอย่างสงบสุข
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองซานซาน เวลาและพละกำลังส่วนใหญ่นั้นเขาทุ่มให้แก่การบำเพ็ญเพียร
จนกระทั่งพลบค่ำของวันที่สี่ ในที่สุดด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าวุ่นวายขึ้นมา
เดิมทีฉู่หลิวเยว่กำลังลงหมากอยู่กับหรงซิว เมื่อนางได้ยินเสียงดังนั้น พวกเขาก็เงยหน้าขึ้นมาสบสายตากันอย่างพร้อมเพรียง
หรงซิวสะบัดแขนเสื้อของตนเอง กระดานหมากรุกที่อยู่ตรงหน้าก็จางหายไปในทันที!
ซานซานลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมึนงง
“เกิดอันใดขึ้นอย่างนั้นหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ลุกขึ้นยืนแล้ว
เพื่อป้องกันการเกิดเหตุฉุกเฉิน หลายวันที่ผ่านมานี้ฉู่หลิวเยว่และหรงซิวยังคงสวมชุดผู้ติดตามของซานซานอยู่เช่นเดิม
“เรื่องยุ่งยาก…น่าจะมาถึงแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงเล็กน้อย มุมปากยกโค้งขึ้น
หัวใจของซานซานจมดิ่งไป กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาสั่นระริกอย่างรุนแรง
นายท่าน!
หรือว่านี่มันจะเป็นเรื่องดีงามอันใดกัน!
คาดไม่ถึงว่านางยังจะสามารถหัวเราะออกมาเช่นนี้ได้?
แต่ซานซานยังไม่ทันได้พูดคำพูดเหล่านั้น เพราะเขาสามารถได้ยินว่าคนที่อยู่ด้านนอกกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้อย่างรวดเร็ว!
“พวกเขาล่ะ?”
เสียงเย็นชาของมั่วอวิ๋นดังขึ้นมาจากด้านนอก
ผู้คุ้มกันที่รับผิดชอบเฝ้าหน้าประตูก็รีบตอบอย่างรวดเร็ว
“เรียนท่านรองประมุข! พวกเขายังอยู่ด้านในขอรับ!”
“เปิดประตู!”
มั่วอวิ๋นออกคำสั่ง
“ขอรับ!”
เมื่อผู้คุ้มกันเหล่านั้นเห็นว่าสถานการณ์ผิดปกติ เขาก็ไม่ได้ถามอันใดมาก เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็รีบเปิดประตูอย่างรวดเร็ว
แต่เขายังไม่ทันได้พุ่งตัวเข้าไป ประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดจากด้านใน
ใบหน้ากลมเกลี้ยงของซานซานก็ปรากฏแก่สายตาของทุกคน
“รองประมุข? ในที่สุดท่านก็มาแล้วหรือ!”
ซานซานรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เหมือนกับได้พบญาติสนิทก็ไม่ปาน
แต่ทันใดนั้นเองสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที
“นี่ท่าน…ได้รับบาดเจ็บหรือ?”
มั่วอวิ๋นจ้องมองเขาตาเขม็ง และไม่ได้สนใจคำพูดของเขาเลย
บรรยากาศเย็นยะเยือกมากขึ้น
ลางสังหรณ์ไม่ดีของซานซานฉายชัดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
มั่วอวิ๋นยกคางขึ้นเล็กน้อย
“เถ้าแก่ซาน ครั้งนี้ข้าคงปล่อยพวกเจ้าไปไม่ได้แล้ว”