ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1866 กับเจ้าด้วย
ตอนที่ 1866 กับเจ้าด้วย
………………..
ความจริงแล้วตั้งแต่เห็นมั่วอวิ๋นเดินเข้ามาในค่ายกล ซานซานก็รู้อยู่แล้วว่า พวกเขาไม่สามารถกลับออกไปได้
แต่เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขายังคงเสแสร้งทำเป็นประหลาดใจ
“นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ? รองประมุข ก่อนหน้านี้พวกเราตกลงกันเอาไว้แล้วไม่ใช่หรือ รอจนท่านจัดการเรื่องภายในยอดเขาหลานชิงเสร็จสิ้น ท่านก็จะปล่อยพวกเราไป?”
สีหน้าของมั่วอวิ๋นยังคงราบเรียบเย็นชา
จะจับกุมหรือจะปล่อยตัว อยู่ที่คำพูดของเขาประโยคเดียว
เดิมทีที่พวกเขาจับกุมคนเหล่านี้เอาไว้ เพราะกลัวว่าคนเหล่านี้จะแพร่งพรายเรื่องที่เกิดขึ้นภายในยอดเขาหลานชิงออกไป
แต่ต่อมาเขาจึงได้พบว่า สิ่งที่เขากังวลนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระ
เพราะสถานการณ์ลุกลามเกินกว่าที่เขาจะคาดการณ์เอาไว้!
จนตอนนี้ วันนี้เพิ่งผ่านมาแค่ไม่กี่วันคนทั้งท่าเรือดอกท้อก็รู้เรื่องเปลวเพลิงที่ลุกขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุเหล่านี้แล้ว
หากจะปกปิดต่อไปก็ไม่มีประโยชน์
ดังนั้นในตอนที่เขาตระหนักเรื่องนี้ เขาก็คิดจะปล่อยคนเหล่านี้ออกไป
แต่เขายังไม่ทันทำเช่นนั้นก็ดันเกิดเรื่องอันใดบางอย่างขึ้น
และเหตุการณ์นั้นทำให้เขาต้องกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพื่อมาหาอีกฝ่ายด้วยตนเอง
“เถ้าแก่ซานตามข้ามาก่อนก็พอ รอจนถึงยอดเขาหลานชิงเจ้าก็จะรู้เอง”
ซานซานตกตะลึงไป
ยังต้องไปที่ยอดเขาหลานชิงอีกหรือ?
ก่อนหน้านี้มั่วอวิ๋นและคนอื่นๆ หวาดกลัวกันมากไม่ใช่หรือ?
แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงได้…
มั่วอวิ๋นหมุนตัวเดินจากไปแล้ว ซานซานก็ไม่กล้ารอช้า เขาเหลือบสายตามองทางฉู่หลิวเยว่และหรงซิวที่อยู่ด้านหลัง และรีบติดตามไปในทันที
ซานซานรู้แล้วว่าสถานการณ์คงไม่ได้ดีมากนัก เขาก็ไม่กล้าถามมาก ดังนั้นจึงเดินติดตามไปด้านหลังอย่างเชื่อฟัง และไม่พูดอันใดสักคำ
เขาเกรงว่าหากพูดอันใดออกไปแล้วทำให้คนผู้นี้โมโหขึ้นมาได้
ฉู่หลิวเยว่และหรงซิวเดินตามอยู่ด้านหลัง ซึ่งเขาได้ลดการมีตัวตนของตนเองอย่างที่สุดแล้ว
ขณะที่เดินไปด้วย ฉู่หลิวเยว่ก็ลอบครุ่นคิดภายในใจ
ดูจากสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ที่มั่วอวิ๋นเดินทางกลับมาที่นี่ ก็เพื่อมาหาซานซานโดยเฉพาะ
นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ เขาจำเป็นจะต้องมาด้วยตัวเองเชียวหรือ?
…
ระหว่างทางไม่มีคำพูดอันใดเลย บรรยากาศกดดันเป็นอย่างมาก
อีกทั้งยังต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งกว่าจะถึงยอดเขาหลานชิง ฉู่หลิวเยว่กลับมองเห็นประกายไฟที่พุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้าจากในระยะไกลแล้ว
เปลวเพลิงเหล่านั้นคือเปลวเพลิงที่เผาไหม้ยอดเขาหลานชิง
นางขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม
นี่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วันเท่านั้นเอง เปลวเพลิงบนยอดเขาหลานชิง กลับไม่เพียงไม่สามารถควบคุมได้ แต่ยังทวีคูณความรุนแรงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาพลบค่ำแล้ว ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท
แสงของเปลวเพลิงเหล่านั้นสะท้อนเข้ากับกลุ่มเมฆที่รวมตัวกันอยู่บนท้องฟ้า จนเรืองรองกลายเป็นลำแสงแปลกประหลาด
คนที่ยืนอยู่บริเวณโดยรอบยอดเขาหลานชิงก็มีจำนวนไม่น้อย
หนึ่งในนั้นเป็นกลุ่มคนของสำนักกระบี่ทมิฬ แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนจากทุกพื้นที่ของท่าเรือดอกท้อ
เรื่องใหญ่เช่นนี้ คนที่สามารถมาได้ก็มากันหมดแล้ว
กลุ่มคนเดินไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุดเมื่อพวกเขามาอยู่ด้านหน้าของยอดเขาหลานชิง พวกเขาก็ได้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างอย่างชัดเจน ฉู่หลิวเยว่ถึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า เหตุใดมั่วอวิ๋นถึงมาเรียกซานซานด้วยตนเอง
แต่ที่สำคัญไปมากกว่านั้นคือ เปลวเพลิงสีน้ำเงินได้ก่อร่างเป็นลักษณะวงกลมอยู่บริเวณไหล่เขา ซึ่งล้อมรอบยอดเขาหลานชิงเอาไว้!
เมื่อยืนจากจุดนี้แล้วมองขึ้นไปก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน บนภูเขาลูกนั้นมีรอยแตกร้าวรอยหนึ่งปรากฏขึ้นเป็นแนวยาว
และเปลวเพลิงนั้นมันพวยพุ่งออกมาจากแนวยาวนั้น
เมื่อดูไปแล้วจะเห็นว่ามันมีลักษณะคล้ายกับแม่น้ำสีน้ำเงินเข้มที่ล้อมรอบบริเวณไหล่เขา
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ตอนที่เปลวเพลิงเหล่านั้นกำลังเผาไหม้กลับมีม่านพลังสีน้ำเงินโปร่งแสงลักษณะครึ่งวงกลมขนาดใหญ่ปกคลุมยอดเขาหลานชิงเอาไว้!
แทบจะเหมือนกับพื้นที่มิติขนาดเล็กของซานซานไม่มีผิด!
เพียงแต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ภายในม่านพลังนั้นมีขนาดเท่ากับภูเขาครึ่งลูก อีกทั้งเปลวเพลิงยังโหมกระหน่ำขึ้นไปด้านบนภูเขา จนตอนนี้กินบริเวณครึ่งวงกลม
ดูจากภายนอกแล้วมันงดงามและแปลกตาเป็นอย่างมาก
เมื่อซานซานเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้เขาก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
“ที่…ที่แห่งนี้กลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างใด?”
ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขามาที่นี่ มันเป็นเพียงแค่เปลวเพลิงสายหนึ่งไม่ใช่หรือ?
คาดไม่ถึงว่าเพียงแค่ผ่านไปแค่ไม่กี่วันมันจะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?
มั่วอวิ๋นชี้นิ้วไปทางด้านหน้า
“เถ้าแก่ซาน ครั้งนี้รบกวนให้เจ้าขึ้นไปสำรวจด้านบนให้ด้วย ช่วยดูหน่อยว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้น”
นี่ไม่ใช่การปรึกษาหารือ ไม่ใช่การสอบถาม
แต่เป็นคำสั่ง ที่ห้ามขัดขืน
มุมปากของซานซานกระตุกขึ้น
เขารู้อยู่แล้วว่าที่เรียกเขามาที่นี่ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน!
ภายในใจของเขารู้ดีว่าเหตุใดมั่วอวิ๋นถึงเรียกเขามาที่นี่เพียงคนเดียว
เมื่อมองไปยังเปลวเพลิงสีน้ำเงินที่ลุกโชนอยู่ด้านบน สถานที่แห่งนั้นมีความคล้ายคลึงกับพื้นที่มิติขนาดเล็กของเขาเป็นอย่างมาก ซึ่งคนที่จะสามารถเข้าไปดูสถานการณ์ภายในนั้นได้ นอกจากเขาแล้ว จะมีใครอีก?
คนรอบข้างจำนวนไม่น้อยล้วนมองมาทางนี้
ประหลาดใจ สงสัย ยินดี …
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็อยากรู้เช่นกันว่าเถ้าแก่ซานที่มีชื่อเสียงโด่งดังจะสามารถควบคุมสถานการณ์ตรงหน้าได้หรือไม่
ซานซานร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา
เขารู้ที่ว่าตนเองไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ
จึงทำได้เพียงตอบรับ
“ใน…ในเมื่อท่านพูดเช่นนี้แล้ว ข้าก็จะลองไปดู…”
ซานซานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มือทั้งสองข้างประสานกัน
มั่วอวิ๋นรู้สึกพึงพอใจกับคำตอบนี้เป็นอย่างมาก
“เถ้าแก่ซานไม่จำเป็นต้องลำบากใจ หากสัมผัสได้ถึงอันตราย ก็ให้รีบลงมาก็พอ”
ซานซานจะตายไม่ได้เด็ดขาด
สำนักกระบี่ทมิฬยังต้องการให้เขามอบโอสถและสมุนไพรให้อยู่
ซานซานพยักหน้า
แน่นอนว่าเขารู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี!
ตอนนี้เขาเป็นเจ้าของบ่อทอง! จะให้มาสิ้นชื่อในสถานการณ์แบบนี้ได้อย่างใด!
หลังจากเตรียมตัวเตรียมใจเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดเขาก็สาวเท้าออกมา…
“เถ้าแก่ ให้พวกเราติดตามท่านไปด้วยเถอะ”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
………………..
………………..