ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1868 ด้วยตนเอง
ตอนที่ 1868 ด้วยตนเอง
………………..
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน!
เรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นกะทันหันมากเกินไป ทางด้านของซานซานก็ไม่ได้มีการเตรียมตัว กว่าที่เขาจะดึงสติกลับมาได้ เปลวเพลิงเหล่านั้นก็เปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นแส้เพลิง แล้วรัดข้อมือของเขาไว้อย่างแน่นหนา
จากนั้นพลังอันแข็งแกร่งก็ดึงตัวเขาเข้าไปในม่านพลังอย่างรุนแรง!
แม้กระทั่งคำอุทานใดๆ เขาก็ยังไม่ทันได้พูดออกมา เขาก็ถูกลากเข้าไปในม่านพลังกึ่งโปร่งแสงนั้นแล้ว!
รูม่านตาของฉู่หลิวเยว่หดเล็กลง นางพุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างไม่คิดเลยแม้แต่น้อย!
หรงซิวก็ติดตามไปแทบจะในเวลาเดียวกัน!
ในตอนนั้นเองมีเปลวเพลิงอีกสองสายที่พัดผ่านเข้ามาทางนี้พอดี!
เปลวเพลิงเหล่านั้นพันรอบคนทั้งสองเอาไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นก็ลากพวกเขาเข้าไปด้านในด้วย!
ทันใดนั้นเองเงาร่างของคนทั้งสองก็จางหายไป
ด้านบนของม่านพลังมีระลอกคลื่นปรากฏอยู่สองสามสาย ก่อนจะกลับคืนสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว
เหมือนกับไม่มีอันใดเกิดขึ้นมาก่อน
ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์นี้ก็รู้สึกตกตะลึงกันอย่างมาก
เมื่อครู่นี้…มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันหรือ!
คิดไม่ถึงว่าทั้งสามคนจะถูกเปลวเพลิงที่ดูอันตรายเหล่านั้นลากเข้าไปในม่านพลังแล้ว?
มั่วอวิ๋นขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที! เขาสาวเท้าเดินตรงไปด้านหน้า!
คนที่อยู่ด้านข้างก็รีบห้ามปรามในทันที
“รองประมุข ได้โปรดทบทวนอีกที! เปลวเพลิงกับม่านพลังนั้นอันตรายอย่างมาก ท่านอย่าได้หุนหันพลันแล่นเลยขอรับ!”
ใช่ว่าก่อนหน้านี้จะไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาก่อน
มีคนลองที่จะเข้าไปภายในม่านพลังนั้น แต่กลับถูกเปลวเพลิงเหล่านั้นคลอกจนตายคาที่
มีข้อแตกต่างเดียวก็คือ คนเหล่านั้นถูกไฟคลอกตายที่ด้านนอกม่านพลัง แต่ซานซานและคนอื่นๆ กลับหายตัวเข้าไปในม่านพลังนั้น
มั่วอวิ๋นชะงักฝีเท้า ในแววตามีความลังเลปรากฏขึ้น
เขารู้ว่าด้วยสถานการณ์นี้มีอันใดบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่เขากลับไม่มั่นใจเลย ดังนั้นจึงบังเกิดความลังเลขึ้นมา
“รองประมุข ไม่ว่าอย่างใดแล้วเถ้าแก่ซานก็เป็นเจ้าของพื้นที่มิติขนาดเล็ก ในเมื่อเปลวเพลิงเหล่านั้นมีที่มาจากแหล่งเดียวกัน บางที…ไม่แน่ว่าเขาที่อยู่ภายในอาจจะมีหนทางรอดก็ได้!”
ลูกน้องของเขามองเขาด้วยความสั่นไหวเล็กน้อย แล้วรีบพูดโน้มน้าว
มั่วอวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง
เมื่อเขามองขึ้นไป ก็เห็นว่ามีอันใดบางอย่างผิดปกติไปจริงๆ
ก่อนหน้านี้ม่านพลังมีลักษณะกึ่งโปร่งใส แต่หลังจากที่ซานซานและคนอื่นๆ เข้าไปด้านในแล้ว ก็ไม่สามารถมองเห็นเงาร่างของเขาได้เลยแม้แต่น้อย!
แม้กระทั่งเงาร่างของซานซาน ในตอนนี้ก็ยังหายไปอย่างไร้ร่องรอย!
ต้องบอกก่อนว่า ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ยังสามารถมองเห็นคนที่ติดอยู่ภายในยอดเขาหลานชิงได้เลย!
แต่ว่าในตอนนี้ม่านพลังนั้นเหมือนปกคลุมด้วยหมอกจางๆ หนึ่งชั้น จนทำให้มองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน!
สีหน้าของมั่วอวิ๋นเย็นยะเยือกลงในทันที
“รอต่อไป!”
…
ไม่เพียงแค่คนของสำนักกระบี่ทมิฬเท่านั้นที่ยังคงรอคอย
แต่คนที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่รอบข้าง ก็เริ่มต้นการรอคอยอย่างยาวนานด้วยเช่นกัน
เพราะว่าไม่มีทางเห็นสถานการณ์ที่อยู่ภายใน ดังนั้นการรอคอยจึงยิ่งน่าเบื่อและทรมานมากกว่าเดิม
ถ้าสามารถเห็นซานซานและคนอื่นตายด้วยตาของตนเอง พวกเขาก็คงไม่คิดถึงเรื่องเหล่านี้
แต่สถานการณ์มันไม่ได้เป็นแบบนั้น
มั่วอวิ๋นจ้องมองเหตุการณ์นั้นตาเขม็ง เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นที่ข้างหู
“…เปลวเพลิงเหล่านั้นอันตรายเกินไปแล้ว! แล้วมันจะเป็นอย่างใดต่อไปเนี่ย?”
“ข้ารู้สึกว่ามีอันใดบางอย่างไม่ถูกต้อง…เป็นไปได้หรือไม่ว่าเถ้าแก่ซานจะเป็นคนลงมือทั้งหมดเอง?”
“ไม่ใช่หรอกมั้ง? เมื่อครู่นี้ข้าเห็นว่าเปลวเพลิงนั้นโจมตีเขา อีกทั้งตอนที่เขาถูกลากเข้าไปด้านใน เขาก็มีสีหน้าตกใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่เหมือนกับการเสแสร้งเลย”
“ใช่แล้ว! ไหนบอกว่าสองสามวันที่ผ่านมานี้เขาอยู่ที่สำนักกระบี่ทมิฬมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ? ภายในระยะเวลาสั้นๆ ขนาดนั้น เขาน่าจะไม่สามารถทำอันใดได้สิ…”
มั่วอวิ๋นไพล่มือเอาไว้ด้านหลัง หมัดค่อยๆ กำแน่นขึ้น
…
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเพียงแค่ว่าเปลวเพลิงที่ร้อนแรงกำลังรัดตัวของนางอยู่ แต่หลังจากนั้นพลังที่มหาศาลก็พุ่งโจมตี เหมือนกับมีอันใดบางอย่างทับร่างกายของนางเอาไว้!
ต่อมาพลังงานหนักหน่วงก็จางหายไป ร่างกายของนางผ่อนคลาย เปลวเพลิงเหล่านั้นเหวี่ยงนางไปด้านหน้าอย่างรุนแรง!
นางสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และในตอนที่นางกำลังจะลงมือนั้นนางสามารถสัมผัสได้ถึงแขนที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าพันรอบเอวของนางจากด้านหลัง
นางรู้สึกสงบใจมากขึ้น
วินาทีต่อมา หรงซิวก็อุ้มตัวนางลงพื้นด้วยความปลอดภัย
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองโดยรอบ
ที่แห่งนี้คือยอดเขาหลานชิง แต่ว่า…เหมือนมีอันใดบางอย่างแตกต่างไปจากเดิม
“นายท่าน! ฝ่าบาท! พวกท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
ซานซานไม่ทันได้ตั้งตัว ดังนั้นเขาจึงล้มลงหน้าคลุกฝุ่น ยังดีที่เขาบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนที่กระดูกหักเลย
เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่และหรงซิวติดตามมาด้านในแล้ว เขาก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินกระเผลกเข้ามาหา
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า
“จริงสิ! ไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้น…”
เขาขยับข้อมือตัวเองเพียงเล็กน้อย ใบหน้ามีเพียงร้อยไหม้เล็กๆ เกิดขึ้นเท่านั้น
ในสายตาของคนภายนอกที่เห็นเหตุการณ์อันน่าตื่นตระหนกเมื่อครู่นี้ แต่ความจริงแล้ว เปลวเพลิงเหล่านั้นควบคุมพลังของตนเองได้ดีมาก จึงไม่ได้ทำให้พวกเขาบาดเจ็บเลย
ซานซานทั้งรู้สึกมีความสุขและสับสนในเวลาเดียวกัน เขากวาดสายตามองโดยรอบ
“พวกเราเข้ามาที่นี่ได้อย่างใด?”
เมื่อนึกย้อนกลับไปแล้ว เหมือนกับเปลวเพลิงเหล่านั้นตั้งใจที่จะทำเช่นนี้…
ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้นมาว่า
“บางที…อาจจะเป็นเพราะเจ้ากับพื้นที่มิติขนาดเล็กนั้น…”
นางยังพูดไม่ทันจบ แต่ก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะขมวดคิ้วมองขึ้นไปด้านบน
ม่านพลังที่กึ่งโปร่งแสง ตอนนี้กลับกลายเป็นสีขาวขุ่นแล้ว
สีสันเช่นนี้…ดูแล้วมันมีลักษณะคล้ายกับพื้นที่มิติขนาดเล็กไม่น้อย…
“เปลวเพลิงเหล่านั้นกำลังกลืนกินพลังแห่งสวรรค์และโลก”
หรงซิวพูดขึ้นมาหนึ่งประโยค จนทำให้ซานซานและฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
“อันใดนะ?”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหลาดใจ แต่กลับเห็นว่าหรงซิวกำลังจ้องมองเปลวเพลิงที่ลุกโชนในระยะไม่ไกลจากเขตแดนม่านพลัง
รอบข้างมีลมปราณที่ละเอียดอ่อนแต่ไม่สามารถมองข้ามได้
กระแสลมปราณที่มองไม่เห็นเหมือนกับกำลังพุ่งเข้าหาเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้
หลังจากนั้นลมปราณของเปลวเพลิงเหล่านั้นก็เพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็วจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!
รูม่านตาของฉู่หลิวเยว่หดเล็กลงในทันที!
เปลวเพลิงเหล่านั้นกำลังกลืนกินพลังแห่งสวรรค์และโลกจริงๆ ด้วย อีกทั้งมันยังแปลงพลังนั้นกลายเป็นแรงกดดันของตนเอง!
“เหตุใด…”
เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างใด?
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
การที่ผู้บำเพ็ญเพียรหรือว่าสัตว์อสูรจะกลืนกินพลังแห่งสวรรค์และโลก นางก็สามารถเข้าใจได้
นอกจากนั้นแล้ววัตถุดิบพิเศษบางชนิดก็ยังต้องการพลังแห่งสวรรค์และโลกเพื่อหล่อเลี้ยงและเจริญเติบโต ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องปกติ
แต่ว่า…
นางไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่า บนโลกนี้จะมีเปลวเพลิงชนิดไหนที่สามารถกลืนกินพลังแห่งสวรรค์และโลกด้วยตนเองได้!
………………..