ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1873 อันตราย
ตอนที่ 1873 อันตราย
………………..
ซานซานอยากจะพูดคำว่า “ไม่สะดวก”
แต่เขายังไม่อยากตายเร็วขนาดนั้น เขาจึงพยักหน้า
“สะดวก สะดวกขอรับ! หากรองประมุขมีคำสั่งอันใด ก็พูดมาได้เลย ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ…”
มั่วอวิ๋นหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง
แต่เสียงหัวเราะนี้แปลกประหลาดอย่างมาก มันยังแฝงด้วยการถอนหายใจออกมาและความประชดประชันอยู่ด้วย
“คนอย่างเถ้าแก่ซานอยู่ในระดับใดกัน ข้าจะล่วงเกินได้อย่างใด? หลังจากนี้ไม่แน่ว่า พวกเราคงต้องพึ่งพาเถ้าแก่ซานแล้ว ดังนั้นควรจะต้องเกรงใจเจ้าอยู่แล้ว”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ซานซานพูดอันใดไม่ออก
มั่วอวิ๋นปักใจเชื่อไปแล้วว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องทุกอย่าง แล้วเขาจะโต้แย้งได้อย่างใด?
ต่อหน้าสายตาของผู้คนมากมายขนาดนี้ ทันทีที่เขาเข้าและออกมา พลังของม่านพลังนั้นก็จางหายไป อีกทั้งยังสามารถทำลายได้ด้วยกระบี่เดียว
ต่อให้เขาจะกระโดดลงแม่น้ำฮวงโหก็ไม่สามารถล้างมลทินได้!
แต่เปรียบเทียบกับการที่ยังสามารถปิดตัวตนของนายท่านได้ และให้มั่วอวิ๋นมุ่งความสงสัยมาที่เขาทั้งหมด มันถือว่าดีกว่า…
เมื่อคิดได้ดังนั้น ซานซานรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย
เขาหลุบสายตาลงต่ำ สีหน้าดูเก้อกระดาก
“คือว่า…ข้าล้วนฟังคำสั่งของรองประมุข”
มั่วอวิ๋นหมุนตัว ตั้งใจจะเดินทางกลับไปที่สำนักกระบี่ทมิฬ
เขาเพิ่งเดินออกไปได้หนึ่งก้าว แต่ก็ต้องชะงักฝีเท้าอีกครั้ง แล้วหันศีรษะกลับมา
“เรื่องของยอดเขาหลานชิงได้จัดการเรียบร้อยแล้ว ทุกท่าน…แยกย้ายกันไปเถอะ!”
น้ำเสียงนี้ทุ้มต่ำเย็นชาอีกทั้งยังแฝงด้วยคำสั่งอยู่เป็นนัยๆ
นั่นหมายความว่าเขาต้องการจะยึดครองยอดเขาหลานชิงแห่งนี้
แม้ว่าทุกคนจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ในตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้ามาลองดีกับมั่วอวิ๋น
…หลายวันที่ผ่านมานี้ คนของสำนักกระบี่ทมิฬบาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนมาก แต่มั่วอวิ๋นกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าเขาหมายมั่นว่าจะเอายอดเขาหลานชิงให้ได้
หากใครคิดที่จะต่อต้านเขา เกรงว่าจะต้องมีจุดจบที่น่าอนาถใจแน่นอน!
หลังจากมั่วอวิ๋นพูดจบแล้วเขาก็เดินจากไป โดยไม่สนใจปฏิกิริยาของทุกคนเลยแม้แต่น้อย
เขาไม่ได้เห็นคนเหล่านี้อยู่ในสายตาเลย
ในตอนนี้เขาเพียงแค่อยากจะสอบถามให้ชัดเจน…ว่าเรื่องภายในม่านพลังนั้นมันมีความเป็นมาอย่างใดกันแน่!
ซานซานเดินต่อไปอย่างฝืนๆ
“…รองประมุข ท่าน…ให้ข้าติดตามท่านกลับไปเพียงคนเดียวก็พอแล้ว แต่ผู้ติดตามทั้งสองคนของข้านั้น ช่วงนี้เขาได้รับความลำบากมาไม่น้อยเลย ไม่ทราบว่าท่านจะปล่อยพวกเขากลับไปก่อนได้หรือไม่…”
มั่วอวิ๋นไม่ได้หันกลับมามอง เขาทำเพียงแค่โบกมือ
พวกเขาทั้งสองคนเป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่มีความสำคัญใดๆ
ขอเพียงพาซานซานกลับไป ทุกอย่างก็จะกระจ่างชัดขึ้นมาแล้ว
ซานซานถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็หันไปพูดกับฉู่หลิวเยว่ว่า
“เอาล่ะ พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ กลับไปรายงานคนในจวนว่าข้าปลอดภัยดี อีกสักพักก็จะกลับไปเอง”
ริมฝีปากของนางกระตุกเล็กน้อย เดิมทีนางอยากจะพูดอันใดบางอย่าง แต่เมื่อเห็นแววตาของซานซานแล้ว สุดท้ายนางก็พยักหน้าเบาๆ
“เจ้าค่ะ”
…
ในที่สุดเรื่องภายในยอดเขาหลานชิงก็จบลงด้วยประการฉะนี้
นอกจากคนของสำนักกระบี่ทมิฬที่คุ้มกันอยู่โดยรอบ คนอื่นๆ ล้วนแยกย้ายกันกลับ
ท้ายที่สุดแล้วเปลวเพลิงบนยอดเขาหลานชิงก็ยังคงลุกโชนอย่างต่อเนื่อง
ความลับที่อยู่ภายในนั้นก็ถูกฝังกลบ ยังไม่ได้เปิดเผยออกมา
ทุกคนเริ่มจับตาดู รอการกระทำต่อไปของสำนักกระบี่ทมิฬ
…
ระหว่างทางฉู่หลิวเยว่กับหรงซิวไม่ได้พูดอันใดกันสักคำ จากนั้นไม่นานก็กลับมาถึงจวนเยว่
เยี่ยนชิงรอคอยอยู่ที่หน้าประตูใหญ่แล้ว
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนกลับมาถึง ในที่สุดเส้นประสาทที่ตึงเครียดของเยี่ยนชิงก็ผ่อนคลายลง
“ฝ่าบาท พระชายา”
หรงซิวพยักหน้า
“ปิดประตูลงซะ”
เยี่ยนชิงตอบรับหนึ่งคำ จากนั้นก็เดินไปปิดประตู
ฉู่หลิวเยว่หันหน้ากลับมา
“เฉินอี”
ท่ามกลางความว่างเปล่ามีระลอกคลื่นที่สั่นสะเทือน จากนั้นเงาร่างหนึ่งก็เดินออกมา
นั่นคือเฉินอีที่ไปดูสถานการณ์ของยอดเขาหลานชิงมาก่อนหน้านี้
ตอนที่เขาเห็นว่าฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ ออกมาจากม่านพลังแล้ว เดิมทีเขาอยากจะพุ่งตัวเข้าไปหาในทันที แต่ยังมีมั่วอวิ๋นที่จับจ้องมาด้วยสายตากระตือรือร้น หลังจากเขาพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็เลือกที่จะดูสถานการณ์ต่อไป
และเป็นเพราะว่าฉู่หลิวเยว่กับหรงซิวปลอมตัวเป็นผู้ติดตาม เขาจึงไม่สะดวกที่จะเข้าไปรับ จึงทำได้เพียงหลบซ่อนกาย แล้วกลับมาพร้อมกับพวกเขาอย่างลับๆ
“นายท่าน ฝ่าบาท”
เฉินอีทำความเคารพ
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตาไปทางประตูบานใหญ่ที่ปิดสนิท ดวงตาก็ลึกล้ำมากยิ่งขึ้น
ระหว่างทางนางกับหรงซิวแสร้งทำเป็นไม่เห็นความผิดปกติ
แต่เมื่อพวกเขาทั้งสองมาถึงที่จวน คนเหล่านั้นก็ยังไม่ยอมจากไป แต่กลับซ่อนตัวอยู่รอบๆ จวนเยว่
เห็นได้ชัดว่ามั่วอวิ๋นคงจะระวังพวกเขาเป็นอย่างมาก
“ระดับเทพขั้นสูงสามคน ไม่มีอันใดต้องกังวล”
เฉินอีพูดขึ้นมาด้วยเสียงราบเรียบ
“ข้าได้ทำสัญลักษณ์ไว้บนตัวของพวกเขาแล้ว หากพวกเขาเคลื่อนไหว ข้าก็จะสามารถรับรู้ได้ในทันที”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ
นางไว้ใจผลงานของเฉินอีมาโดยตลอด
เยี่ยนชิงได้ยินดังนั้นก็เหลือบสายตาหันไปมองเฉินอีอีกครั้ง
ระดับเทพขั้นสูงสามคน ไม่มีอันใดต้องกังวล…
คนที่สามารถพูดเช่นนี้ออกมาได้ ฝีมือของเฉินอี เกรงว่าจะแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดเสียอีก…
หรงซิวพูดขึ้นมาว่า
“พวกเราเข้าไปด้านในก่อนเถอะ แล้วค่อยคุยกันทีหลัง”
…
อู่เหยาและคนอื่นๆ รู้ว่าทั้งสองคนนั้นกลับมาแล้ว ดังนั้นจึงรีบออกมา
ภายในห้องโถงเริ่มคึกคักอย่างรวดเร็ว
“นายท่าน หลายวันที่ผ่านมานี้ท่านอยู่ภายในสำนักกระบี่ทมิฬได้รับบาดเจ็บบ้างหรือไม่? คนเหล่านั้นทำอันใดท่านหรือเปล่า?”
“ตอนนี้นายท่านกับฝ่าบาทกลับมากันแล้ว แล้วทางด้านยอดเขาหลานชิงจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือ?”
“เหมือนว่าครั้งนี้คนของสำนักกระบี่ทมิฬจะบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก เหตุใดเขาถึงยอมปล่อยคนอย่างง่ายดายเช่นนี้?”
อู่เหยาและคนอื่นๆ เพิ่งจะได้พบหน้าฉู่หลิวเยว่และหรงซิวก็รีบตั้งคำถามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
แต่เป็นสือซานที่ตระหนักถึงความผิดปกติได้ก่อน
“…พี่สามล่ะ? นายท่าน เขาไม่ได้กลับมาพร้อมกับท่านด้วยหรือ?”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ อู่เหยาและคนอื่นๆ ก็ถึงพบว่าซานซานไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตาไปมองทางสือซานอย่างชื่นชม
เกรงว่าในตอนนี้เขาน่าจะเป็นคนเดียวที่ยังจำซานซานได้
“เขาถูกมั่วอวิ๋นพาตัวไปยังสำนักกระบี่ทมิฬแล้ว”
พวกเขาทั้งหลายต่างชะงักไป
จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็เล่าเรื่องคร่าวๆ ที่เกิดภายในสองสามวันนี้ให้พวกเขาฟัง
รวมถึงเรื่องเมื่อคืนด้วย เรื่องที่พวกเขาทั้งสามถูกดึงเข้าไปในม่านพลังนางก็เล่าออกมาจนหมด
แน่นอนว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโล่สีดำอันนั้นนางไม่ได้พูดออกไป
หลังจากเล่าจนจบ ทุกคนก็มีสีหน้ามึนงงเป็นอย่างมาก
“…เช่นนั้นครั้งนี้พี่สามจะไม่ตกอยู่ในอันตรายหรือ?”
สือซานถามขึ้นอย่างเป็นกังวล
………………..