ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1874 ไต่สวน
ตอนที่ 1874 ไต่สวน
………………..
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองว่าที่ยอดเขาหลานชิงนั้นมันเกิดอันใดขึ้น แต่จากคำบอกเล่าของนายท่าน ความสงสัยทั้งหมดของสำนักกระบี่ทมิฬจะต้องอยู่ที่ตัวเขาอย่างแน่นอน
“ในมือของซานซานมีพื้นที่มิติขนาดเล็กอยู่ สำนักกระบี่ทมิฬยังต้องการให้เขาส่งสมุนไพรและโอสถให้ ดังนั้นในตอนนี้คงไม่ทำอันใดเขาร้ายแรงถึงชีวิตแน่นอน”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นอย่างใจเย็น
“ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้มาแล้ว พวกเขาก็สงสัยซานซานมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ในตอนที่เขายังไม่ได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจ พวกเขาไม่มีทางลงมือกับซานซานอย่างแน่นอน”
ส่วนพวกเขาจะจัดการกับซานซานอย่างใดนั้นก็ไม่มีใครบอกได้
ท้ายที่สุดแล้วมั่วอวิ๋นผู้นั้น…
เมื่อฉู่หลิวเยว่นึกย้อนกลับไป แววตาก็เย็นชาและเต็มไปด้วยจิตสังหาร ก่อนจะขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
นางไม่ได้เป็นห่วงความเป็นความตายของซานซาน นางเป็นห่วงว่าเขาจะถูกทรมานมาไม่น้อย
สำนักกระบี่ทมิฬโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก ใครจะรู้เล่าว่าพวกเขาจะจัดการกับซานซานอย่างใด…
“เช่นนั้น…พวกเราจะรออยู่ที่นี่ต่อไปอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อฟังคำพูดของฉู่หลิวเยว่ สือซานก็สามารถสงบใจลงได้เล็กน้อย
แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่สำนักกระบี่ทมิฬพาตัวซานซานไปเพราะเรื่องของยอดเขาหลานชิง เขาก็ยังรู้สึกเป็นกังวลอยู่เล็กน้อย
แม้ว่าเขาจะอายุน้อย แต่เขาก็เป็นคนที่ฉลาดอย่างมาก
ภาพเหตุการณ์ในวันที่เขาผ่านด่านพลังจิตวั่งเสิ่นยังคงตราตรึงอยู่จนถึงทุกวันนี้
ภายในความทรงจำของเขา คนของสำนักกระบี่ทมิฬนั้นอันตรายเป็นอย่างมาก
ตอนนี้ซานซานถูกคุมขังอยู่ จึงยากที่จะทำให้คนวางใจได้
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้พูดอันใดออกมา นางใช้นิ้วเคาะกับที่เท้าแขนเบาๆ
ครั้งนี้มั่วอวิ๋นตั้งใจที่จะไต่สวนซานซานอย่างแน่นอน
ซึ่งเขาไม่มีทางปล่อยซานซานไปอย่างง่ายดายแน่
“นายท่าน!”
ในตอนนั้นเองเสียงที่กระจ่างใสก็ดังขึ้น
จากนั้นเงาร่างเพียวระหงงดงามก็พุ่งตัวผ่านบานประตูด้านนอกมา
“นายท่าน! เจ้ากลับมาแล้ว! น้องแปดคิดถึงมาก!”
ขณะที่น้องแปดพูด เงาร่างของนางก็วูบไหวแล้วพุ่งตัวไปทางฉู่หลิวเยว่ ในชั่วพริบตาเดียวก็พุ่งตัวเข้าไปในอ้อมกอดของฉู่หลิวเยว่
มุมปากของฉู่หลิวเยว่กระตุกขึ้น
หรงซิวเงยหน้าขึ้นมามองเล็กน้อย
น้องแปดสันหลังคอเย็นวาบ ก่อนจะชะงักการกระทำไปอย่างอดไม่ได้
ซี๊ด…นางลืมไปเลยว่าเขาก็อยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน!
แต่หลังจากนั้นไม่นานน้องแปดก็กลับคืนสู่สภาพปกติ นางหมุนตัวแล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว
ชายผ้าปลิวไสว เศษหยกกระทบกัน
เผยเห็นเอวบางขาวของนางที่เด่นสะดุดตา จากนั้นก็สาวเท้าไปยืนอยู่ด้านข้างของฉู่หลิวเยว่
“นายท่าน น้องแปดคิดถึงท่านมาก”
ฉู่หลิวเยว่มองหน้านาง ก่อนจะกล่าวเตือนขึ้นมาว่า
“น้องแปด เจ้านอนหลับจนมีรอยทับอยู่บนหน้าแล้ว”
แม้ว่ารอยนั้นจะจางมาก
แต่เมื่ออยู่บนใบหน้าที่งดงาม มันกลับเห็นเด่นชัดเป็นอย่างมาก
“อ๊า!”
ฉู่หลิวเยว่เชิดคางขึ้นเล็กน้อย
“เจ้าลองถามเยี่ยนชิงดู”
เยี่ยนชิงยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับน้องแปด แค่เงยหน้าก็สามารถมองเห็นแล้ว
ความจริงแล้วฉู่หลิวเยว่ก็ตั้งใจพูดแบบนี้
ท้ายที่สุดแล้วหากพูดในแง่ความหมาย น้องแปดกับเยี่ยนชิงก็นับว่าเป็น “ศัตรู” กัน
ตอนนี้น้องแปดสามารถยืนอยู่ต่อหน้าสือซานโดยไม่รักษาภาพลักษณ์ได้แล้ว แต่นางไม่สามารถขายหน้าต่อหน้า “ศัตรู” ได้อย่างเด็ดขาด!
เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่หลิวเยว่ ในแววตาน้องแปดมีประกายตกใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม จากนั้นนางก็หันมองไปทางเยี่ยนชิงโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเยี่ยนชิงถูกสายตาเช่นนี้จ้องมองมาก็สามารถสังเกตได้ถึงคำเตือนของความอันตราย
เขาครุ่นคิดอย่างละเอียด ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
“หมอนไม้ให้ความอบอุ่น ทำให้หลับสบาย หากแม่นางแปดกังวลว่าจะทิ้งรอยเอาไว้เมื่อนอนนานเกินไป ก็สามารถเอาผ้าไหมเมฆาไปคลุม ผ้าไหมเมฆามีความละเอียดอ่อน และจะไม่…” ทำร้ายผิวของแม่นางแปดอย่างแน่นอน
คำพูดประโยคด้านหลัง เยี่ยนชิงไม่ได้พูดออกไป
เพราะว่าเหมือนน้องแปดจะโดนโจมตีอย่างหนักแล้ว มือข้างหนึ่งนางกุมหัวใจของตนเองเอาไว้ พร้อมถอยหลังลงไปด้วย
“ข้า…เจ้าชนะแล้ว!”
น้องแปดพูดออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะหันหลังกลับแล้ววิ่งไปอย่างรวดเร็ว
ทุกคนยังไม่ทันได้พูดอันใด นางก็วิ่งออกไปราวกับผีเสื้อที่โบยบิน แล้วจางหายไปอย่างไร้ร่องรอย
นางไม่สามารถอยู่ในที่แห่งนี้ได้อีกแล้ว
ภายในห้องโถงถูกความเงียบปกคลุมทันที
ริมฝีปากของเยี่ยนชิงขยับเล็กน้อย คิ้วที่เย็นชาก็ขมวดขึ้นมา
เมื่อครู่นี้เขาพูดด้วยความสุภาพอย่างมาก เหตุใดถึงเหมือนล่วงเกินอีกฝ่ายอีกแล้วล่ะ?
ฉู่หลิวเยว่มองเยี่ยนชิงด้วยความเห็นอกเห็นใจและชื่นชม
อู่เหยาและคนอื่นๆ ที่เหลือต่างก็จ้องมองมาด้วยความชื่นชม
ที่ผ่านมานี้มีเพียงแค่น้องแปดที่รังแกพวกเขา ไม่เคยเห็นน้องแปดจะถูกบีบบังคับให้ยอมแพ้แบบนี้เลย?
ใต้เท้าเยี่ยนชิง สมแล้วที่เป็นคนสนิทของฝ่าบาท วิธีการเช่นนี้ ไหวพริบเช่นนี้…ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย!
ฉู่หลิวเยว่ขยิบตาให้กับหรงซิว
…ความสามารถในการเกี้ยวพาราสีของฝ่าบาทนั้นสุดยอดมาโดยตลอด เขาจะไม่เข้าใจความรู้สึกคลุมเครือวาบหวานของผู้ชายได้อย่างใด?
หรงซิวยังยืนอยู่ตรงนี้ ใบหน้าสงบราบเรียบ
…ข้านั้นสุดยอดอยู่แล้ว ไม่เพียงแต่ในการเกี้ยวพาราสีฮูหยิน แต่อย่างใดก็ตามเยี่ยนชิงเป็นคนที่สมองทึบ เดิมทีเขาก็ไม่ควรจะให้ความหวังกับเรื่องนี้
ฉู่หลิวเยว่ “…”
…บางครั้งเขาก็ควรจะถ่อมตัวบ้าง
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ท่าทางยังมีความสงสัยอยู่
…หรือว่าข้ายังถ่อมตัวไม่พอ? บางทีข้าอาจจะต้องสร้างความประทับใจให้แก่เยว่เออร์มากกว่านี้แล้ว?
ฉู่หลิวเยว่กระแอมไอเล็กน้อย และยอมรับความพ่ายแพ้อีกครั้ง
นางไม่สามารถสู้กับบางคนได้เลย
นางรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านางไม่สามารถเทียบกับหรงซิวในเรื่องนี้ได้…
นางกระแอมไอออกมา จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องคุยอย่างชาญฉลาด
“สำนักกระบี่ทมิฬส่งคนมาสองสามคนเพื่อจับตามองจวนเยว่อย่างลับๆ ดังนั้นช่วงนี้ก็ขอให้ทุกคนอยู่ภายในจวนก็พอ ส่วนเรื่องของซานซาน…หากเห็นโอกาสแล้วค่อยลงมือ”
พวกเขามองหน้ากันไปมา
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เหมือนว่านี่จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
สำนักกระบี่ทมิฬ
ภายในห้องหนังสือ มั่วอวิ๋นนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะ เขาเอนตัวพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตาลง
เหมือนกับว่ากำลังพักผ่อนอยู่
แต่ด้านหน้าของเขากลับมีคนคนหนึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ด้วยความเคารพ และเหมือนกำลังจะพูดอันใดบางอย่าง
หลังจากผ่านไปสักพัก ในที่สุดมั่วอวิ๋นก็ลืมตาขึ้น
“มีเพียงเท่านี้หรือ?”
คนผู้นั้นรีบตอบมาว่า
“เรียนท่านรองประมุข มีเท่านี้ขอรับ จวนเยว่ได้วางม่านพลังเอาไว้ คนของพวกเราจึงไม่สามารถเข้าใกล้ได้มากนัก เพื่อไม่ให้เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น”
มั่วอวิ๋นพยักหน้า แต่สีหน้าของเขานั้นเย็นชามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
หลังจากที่เขากลับมาในตอนเช้าตรู่ เขาก็ได้ซักถามซานซานไปไม่น้อย
แต่คำตอบของซานซานนั้นไม่ได้ทำให้เขาพึงพอใจนัก
เมื่อถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในม่านพลังนั้น ซานซานก็บรรยายออกมาอย่างคลุมเครือ
ไม่ว่ามั่วอวิ๋นจะถามอย่างใด เขาก็ยืนกรานว่าเขาไม่รู้ ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่ได้ทำอันใดเลย เขาถูกลากเข้าไปอย่างมึนงง จากนั้นก็ถูกเหวี่ยงออกมา
ส่วนเรื่องที่สถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้น เขาเองก็ไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้พูดความจริง
เดิมทีมั่วอวิ๋นอยากจะเข้าไปสืบสถานการณ์ภายในจวนเยว่
แต่ฟังจากการรายงานแล้ว จวนเยว่ก็ดูปกติทุกอย่าง
“เจ้าออกไปก่อนเถอะ เฝ้าระวังต่อไป หากมีอันใดผิดปกติให้รีบมารายงานทันที”
มั่วอวิ๋นโบกมือ
คนผู้นั้นตอบรับหนึ่งเสียง ทันใดนั้นเขาก็นึกอันใดบางอย่างขึ้นมาได้แล้วพูดว่า
“จริงสิ รองประมุข หลายวันก่อนหน้านี้มีคนเข้าใหม่เข้ามาอยู่ในจวนเยว่ เห็นว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับเถ้าแก่ซาน”