ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1875 พลิกฟ้าเปลี่ยนแผ่นดิน
ตอนที่ 1875 พลิกฟ้าเปลี่ยนแผ่นดิน
………………..
“หา? ไม่ธรรมดาอย่างใดล่ะ?”
มั่วอวิ๋นรู้สึกสนใจขึ้นมาในทันที จากนั้นก็ถามขึ้นเสียงทุ้มต่ำ
หลังจากคนนั้นพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นว่า
“ก่อนหน้านี้ ตอนที่คนเหล่านั้นมาถึงท่าเรือดอกท้อ เถ้าแก่ซานก็ไปรับด้วยตัวของเขาเอง อีกทั้งในตอนนั้นเหมือนจะจัดพิธีต้อนรับยิ่งใหญ่ เรื่องนี้ก็มีคนรู้เป็นจำนวนไม่น้อย และ…มีสองคนที่เถ้าแก่ซานให้ความเคารพเป็นพิเศษ”
ปกติแล้วมั่วอวิ๋นจะสนใจแต่เรื่องภายในสำนักกระบี่ทมิฬ และไม่ค่อยได้สนใจเรื่องราวเหล่านี้เท่าไร
อาจจะพูดได้ว่า เขาไม่ได้เห็นคนเหล่านี้อยู่ในสายตาเลย
รวมถึงจวนเยว่ด้วย
แม้ว่าเขาจะให้ความสำคัญกับซานซาน แต่นั่นก็เป็นเพราะพื้นที่มิติขนาดเล็กแห่งนั้น
ก่อนหน้านี้มั่วอวิ๋นเพียงแค่คิดว่า…จวนเยว่นั้นเป็นสถานที่ที่สร้างความบันเทิงให้แก่ซานซานเท่านั้น
ขอเพียงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสำนักกระบี่ทมิฬ เขาล้วนไม่ใส่ใจ
แต่เมื่อสิ่งที่ซานซานได้กระทำนั้น เขาไม่ได้ตั้งใจปกปิดมันด้วยซ้ำ
ดังนั้นคนในท่าเรือดอกท้อจึงรู้เรื่องเหล่านี้
เพียงแค่ไปสืบเสาะเล็กน้อยก็สามารถรู้อย่างกระจ่างแล้ว
“พูดมาเรื่องมันเป็นอย่างใดกันแน่”
มั่วอวิ๋นเกิดความสงสัยอยู่หลายส่วน ดังนั้นจึงถามต่อ
แม้ว่าเขาจะรู้จักจวนเยว่ไม่มากนัก แต่เขาก็รู้ว่าที่แห่งนั้นเป็นจวนส่วนตัวของซานซาน
นอกจากคนที่ซานซานไว้ใจเป็นอย่างมาก น้อยครั้งมากที่เขาจะเชิญคนอื่นไปที่จวนเยว่
แม้ว่าเขาจะจัดพิธีต้อนรับคนเหล่านั้นอย่างเอิกเกริก แต่เห็นได้ชัดว่า…มันไม่ธรรมดา
หากเป็นช่วงก่อนหน้านี้เขาก็คร้านที่จะใส่ใจ
“คือว่า…จวนเยว่มีการคุ้มกันที่แน่นหนา อีกทั้งดูเหมือนว่าเถ้าแก่ซานจะปกป้องพวกเขาเป็นพิเศษ หลังจากที่พวกเขาเข้ามาแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้ออกไปไหน ดังนั้นพวกเราจึงไม่สามารถสืบหาฐานะที่แท้จริงของพวกเขาออกมาได้”
เรื่องก่อนหน้านี้ เป็นการที่ไปสืบเสาะมาเป็นส่วนใหญ่
มั่วอวิ๋นหัวเราะเสียงเย็น จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน
“ข้าจะไปถามเขาด้วยตนเอง!”
…
ซานซานถูกขังอยู่ในห้องเดิมที่เคยอยู่
แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ครั้งที่แล้วเขารู้สึกไม่สบายใจ แต่ครั้งนี้เขาผ่อนคลายขึ้นมาก
ขอเพียงแค่นายท่านปลอดภัย เขาก็รู้สึกสบายใจได้ชั่วคราว
ส่วนเรื่องของตัวเขาเองนั้น…
เขายังมีไพ่ไม้ตายที่เป็นพื้นที่มิติอยู่ เขารู้ว่ามั่วอวิ๋นไม่มีทางสังหารเขาแน่นอน
แล้วอีกอย่างภายในระยะเวลาปีสองปีที่ผ่านมานี้ เขาก็ได้ติดต่อกับมั่วอวิ๋นมาหลายครั้ง ดังนั้นเขาจึงรู้ดีที่สุดว่าตนเองควรจะทำอย่างใด
หลังจากที่มั่วอวิ๋นไม่ได้คำตอบอันใดจากเขาไปแล้ว ซานซานเก็บของอย่างเรียบง่าย และเตรียมตัวเข้านอน
…หลายวันที่ผ่านมานี้เขารู้สึกเหนื่อยมาก!
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เขาเพิ่งหลับไปได้ไม่นาน มั่วอวิ๋นก็มาหาเขาอีกครั้งแล้ว!
มั่วอวิ๋นผลักประตูเข้ามาในทันที
เมื่อเห็นว่าซานซานกำลังนอนหลับอยู่ เขาก็พูดอันใดไม่ออก
“เถ้าแก่ซานกินง่ายอยู่ง่ายจริงๆ คาดไม่ถึงว่าเมื่อมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ ก็ยังสามารถหลับลงได้?”
ซานซานที่ถูกปลุกจนตื่นก็ยังคงรู้สึกง่วงงุนอยู่ แต่เขาก็ไม่กล้าทำอันใด รีบลุกขึ้นยืนแล้วโค้งคำนับทำความเคารพ
“คือว่า…คือ…รองประมุขก็ถ่อมตัวเกินไปแล้ว หากเรือนของท่านเป็นสถานที่ที่ไม่น่าอยู่ เช่นนั้นเรือนของข้าไม่กลายเป็นแค่กระท่อมมุงหญ้าแล้วหรือ? ข้าเพียงแค่เหนื่อยมากเกินไป ก็เลย…หลับไปเท่านั้น…”
“เถ้าแก่ซานไม่จำเป็นต้องถ่อมตัว ข้าได้ยินมาว่าจวนเยว่ของเจ้านั้นมีแขกกิตติมศักดิ์อยู่อย่างนั้นหรือ จริงสิ ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันก็มีสหายของเถ้าแก่ซานเดินทางมาที่นี่ด้วย? เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินเจ้าพูดถึงเรื่องเหล่านี้เลยล่ะ?”
หัวใจของซานซานดำดิ่ง
ที่แท้มั่วอวิ๋นก็มาเพราะเหตุนี้เอง!
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังสงสัยในฐานะของนายท่านและคนอื่นๆ ไม่เช่นนั้นเขาไม่มีทางถามคำถามแบบนี้ออกมาแน่นอน
ซานซานครุ่นคิด แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงแสดงออกอย่างเป็นธรรมดาชาติ เขาหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า
“อ่า ท่านกำลังหมายถึงพี่ใหญ่ของข้าใช่หรือไม่? ใช่แล้ว! ที่พวกเขามาที่นี่เพราะข้าเป็นคนเชิญด้วยตนเอง หลังจากที่ข้ามาถึงท่าเรือดอกท้อ และได้ดูแลกิจการ ดูแลพวกท่าน ข้าจึงอยากให้พวกเขามาเยี่ยม และถือโอกาสบอกพวกเขาว่าความเป็นอยู่ของข้าที่อยู่ที่นี่นั่นไม่เลวเลย…”
คำพูดนี้เป็นความจริง
ดังนั้นซานซานจึงพูดออกมาอย่างจริงใจเป็นอย่างมาก ต่อให้เป็นมั่วอวิ๋นก็จับพิรุธไม่ได้แน่นอน
เมื่อหน้าที่เจริญรุ่งเรือง การที่จะเชิญญาติพี่น้องของตนเองมาพบหน้า เดิมทีก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
มั่วอวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“คนเหล่านั้นล้วนเป็นพี่น้องแท้ๆ ของเจ้าหรือ?”
ซานซานหัวเราะขึ้นมา
“พี่น้องร่วมสาบานขอรับ! แต่พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก!”
มั่วอวิ๋นหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“แต่เหตุใดข้าถึงได้ยินมาว่า ภายในนั้นยังมีคนอีกสองคนที่มีฐานะไม่ธรรมดา แม้กระทั่งเถ้าแก่ซานก็ยังให้ความเคารพ?”
…
จวนเยว่
ฉู่หลิวเยว่กับหรงซิวกลับเข้าไปในห้องพัก
นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็อัญเชิญโล่สีดำอันนั้นออกมา
แต่ตอนนี้สนิมหลุดออกได้เพียงไม่กี่แผ่น มันก็หนักมากขนาดนี้แล้ว
นางแทบจะจินตนาการไม่ออกเลยว่า หากรอให้สนิมหลุดลอกออกทั้งหมด ตอนที่นางถึงโล่อันนี้ขึ้น นางจะมีความรู้สึกอย่างใด
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกสงสัยขึ้นมา เมื่อถึงตอนนั้นฝีมือของนางยังไม่พัฒนา เกรงว่า…นางจะยกมันไม่ขึ้น!
“หรงซิว เจ้ารู้จักอักขระลึกลับเหล่านี้หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นถาม
หรงซิวเดินเข้ามาหา ดวงตาหงส์จดจ้องที่รอยบุบด้วยสายตาลึกล้ำอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้า
“มองไม่ค่อยออก”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ความจริงแล้วนี่ก็เป็นสิ่งที่นางคาดการเอาไว้แล้ว
“มีอันใดหรือ โล่ชิ้นนี้…มีอันใดผิดปกติไปหรือ?”
เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของนาง ระหว่างคิ้วมีความกังวลปรากฏขึ้น หรงซิวยื่นมือออกมา จากนั้นก็ลูบที่ัหัวคิ้วของนางเบาๆ
ฉู่หลิวเยว่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างจริงจัง
นางชี้ไปที่โล่สีดำด้วยความปวดหัวเล็กน้อย
“ข้ารู้สึกว่า…ข้าจำเป็นจะต้องค้นหาให้ทั่วทั้งท่าเรือดอกท้ออีกรอบ”
หรงซิวเลิกคิ้วกระบี่ขึ้นเล็กน้อย
“ความหมายของตัวอักษรหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างยากลำบาก “ความหมายของตัวอักษร”