ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1876 ทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว
ตอนที่ 1876 ทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว
………………..
ฉู่หลิวเยว่ยังไม่ทันได้พลิกฟ้าค้นหาทั่วทั้งท่าเรือดอกท้อ แต่ปัญหาก็วิ่งมาหาถึงหน้าประตู
เพราะว่าคนของสำนักกระบี่ทมิฬมาที่นี่
อีกทั้งยังเป็นมั่วอวิ๋นที่มาด้วยตนเอง!
คนที่มากับเขานั้นยังมีซานซานด้วย
ก่อนหน้านี้เขาต้องการถามซานซานเกี่ยวกับเรื่องอันใดบางอย่าง แต่ซานซานนั้นเจ้าเล่ห์เป็นอย่างมาก ปากนี้สามารถพูดออกมาได้ทั้งหมด แต่คำพูดกลับอ้อมโลก ไม่รู้ว่าคำไหนเป็นความจริง
สุดท้ายมั่วอวิ๋นจึงตัดสินใจว่าจะมาที่นี่ด้วยตนเอง
เขาตัดสินใจอย่างกะทันหัน อีกทั้งตอนที่พาซานซานมาที่จวนเยว่ คนของสำนักกระบี่ทมิฬที่รับหน้าที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าของจวนเยว่ก็รู้สึกมึนงงไปเช่นเดียวกัน
แต่ในตอนนี้มั่วอวิ๋นคร้านจะใส่ใจกับเรื่องเหล่านั้นแล้ว
เมื่อเห็นว่าซานซานกลับมา คนในจวนเยว่ก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นไม่นานข่าวนี้ก็ไปถึงหูของหรงซิวและฉู่หลิวเยว่
ทั้งสองคนเข้าใจในทันที ‘ผู้ที่มาเยือนมีเจตนาไม่ดี!’
“ดูเหมือนว่ามั่วอวิ๋นจะไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจจากซานซาน”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้น
หรงซิวพยักหน้า
“ครั้งนี้เขาน่าจะมุ่งเป้าหมายที่พวกเรา”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“พวกเรา?”
ก่อนหน้านี้ที่นางกับหรงซิวได้ปลอมตัวเป็นเด็กรับใช้อยู่ข้างกายของซานซาน น่าจะไม่ได้เผยพิรุธอันใดออกมาไม่ใช่หรือ
“ดูเหมือนว่าครั้งนี้พวกเราไม่จำเป็นจะต้องปลอมตัวอันใดนะ”
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
สิ่งที่มั่วอวิ๋นต้องการเห็น คือตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา!
…
ตอนที่มั่วอวิ๋นเพิ่งเข้ามาถึงในจวนเยว่ เขาแค่รู้สึกว่าที่แห่งนี้มันแปลกประหลาด
บ่าวรับใช้ที่อยู่ในจวนก็มีไม่มาก แต่กลับมีแรงกดดันที่ยากจะอธิบายในทุกพื้นที่
เมื่อเดินเข้ามาภายใน เขาก็รู้สึกเหมือนตนเองถูกจับตามองมาโดยตลอด
ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก แต่ก็ทำให้เขามั่นใจในการคาดเดามากยิ่งขึ้น
จวนเยว่ของซานซานแห่งนี้…
ซ่อนความลับอยู่ไม่น้อยจริงๆ!
ทั้งสองคนเดินไปจนถึงห้องโถง
เหงื่อเย็นๆ ไหลท่วมร่างกายของซานซาน
“ปะ ไปเชิญพี่ใหญ่ออกมา…”
ทันทีที่สิ้นเสียง เงาร่างสูงเพรียวสีเขียวก็เข้ามาถึงอย่างเชื่องช้า
“มีแขกมาเยี่ยมถึงจวน ถือว่าเป็นเกียรติของจวนเยว่จริงๆ”
น้ำเสียงของเขาเย็นชา ราบเรียบ และยังแฝงไปด้วยลมปราณที่ทำให้ผู้คนสบายใจ
ผู้นั้นก็คือ เฉินอีนั่นเอง!
ซานซานเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย หัวใจที่ปั่นป่วนก็สงบลงไม่น้อย
“พี่ใหญ่!”
เขารีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาเฉินอี
ความจริงแล้วเขามีเรื่องที่จะพูดมากมาย แต่ตอนนี้มั่วอวิ๋นยังยืนอยู่ด้านหลัง เขาจึงทำได้เพียงกลืนคำพูดเหล่านั้นลงคอ
เฉินอีพยักหน้าให้กับมั่วอวิ๋นเบาๆ
“ผู้น้อยเฉินอี คารวะรองประมุขมั่ว”
มั่วอวิ๋นมองชายที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาสำรวจ
เขาดูเหมือนคนที่อายุยี่สิบแปดยี่สิบเก้า สวมชุดสีเขียวทั้งร่าง ท่าทางตรงไปตรงมา
แววตาเย็นชาและไม่แยแส จนทำให้รู้สึกเย็นยะเยือกหลายส่วน
ท่าทางเช่นนี้…ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะมีกัน
ไม่แปลกใจเลยที่จะทำให้ซานซานที่เจ้าเล่ห์ยอมเชื่อฟัง
“เถ้าแก่ซาน หลายวันที่ผ่านมานี้จวนเยว่ของเจ้ามีคนมาเยี่ยมอีกไม่ใช่หรือ? เหตุใดตอนนี้ถึงออกมาเพียงคนเดียวล่ะ?”
มั่วอวิ๋นสะบัดชายเสื้อ ใบหน้ายังแฝงด้วยความเย่อหยิ่ง
“ข้ามาที่นี่เพื่อเยี่ยมเยียนด้วยตนเอง แต่พวกเขากลับไม่ไว้หน้าข้าเลยอย่างนั้นหรือ?”
ซานซานกำลังรู้สึกลำบากใจ เฉินอีจึงพูดขึ้นด้วยเสียงราบเรียบว่า
“อู่เหยาและคนอื่นยังอยู่ที่ด้านหลังจวน ข้าให้คนไปเรียกพวกเขาแล้ว รองประมุขมั่วโปรดรอสักครู่นะขอรับ”
ทันทีที่สิ้นเสียง ด้านนอกประตูก็มีคนมาเพิ่ม
“พี่ใหญ่! มีแขกมาอย่างนั้นหรือ?”
เสียงนั้นก็คือเสียงของอู่เหยา
เหมือนว่าเขาเพิ่งจะประลองหมัดเสร็จ บนศีรษะเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
คนที่ติดตามมาด้วยยังมีอวี๋จิ่ว
ในมือของเขาถือดาบไม้ไว้เล่มหนึ่ง
เฉินอีเหลือบสายตามองเล็กน้อย
บางทีหลายวันที่ผ่านมานี้ อวี๋จิ่วอาจจะใช้งานมันหนักไปหน่อย ดังนั้นจึงสามารถมองเห็นรอยสึกอย่างชัดเจน
เขาผายมือขึ้น
อู่เหยาและอวี๋จิ่วเข้าใจได้ในทันที ดังนั้นจึงโค้งคำนับทำความเคารพ
“ที่แท้ท่านก็คือรองประมุขมั่วนี่เอง! เสียมารยาทแล้ว! ข้าได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานมากแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะได้มาเจอด้วยตนเอง!”
เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง อู่เหยายังคงรู้ดีว่าเวลาไหนควรทำตัวอย่างใด
ตอนนี้สถานะของเขาคือสหายของซานซาน ดังนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้ามั่วอวิ๋น เขาก็ควรทำตัวมีมารยาทและประจบประแจง
มั่วอวิ๋นกวาดสายตามองทั้งสองคนนั้น ภายในใจเกิดความไม่พอใจอยู่หลายส่วน
เมื่อเปรียบเทียบกับการปรากฏตัวของเฉินอี ทั้งสองคนนี้ค่อนข้างจะทำให้เขารู้สึกขัดหูขัดตาเป็นอย่างมาก
หลังจากผ่านไปไม่นาน สือฟังก็มาถึง
ในที่สุดมั่วอวิ๋นก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
เหตุใดขากางเกงของคนผู้นี้ถึงยังเลอะโคลนอยู่?
ก็เพราะเมื่อครู่นี้เขาเพิ่งจัดสวนเสร็จ สือฟังที่ถูกรังเกียจโดยไม่รู้ตัวก็แสดงสีหน้าไร้เดียงสาออกมา
…เขาไม่อยากกินผักที่ตนเองปลูกหรืออย่างใด? รองประมุขอันใดกัน เหตุใดถึงเผยสีหน้าดูถูกเหยียดหยามคนอื่นกันขนาดนี้?
อย่างใดก็ตามในเมื่ออีกฝ่ายมีฐานะสูงส่ง เขาจึงทำได้เพียงระงับความไม่ยินยอมเอาไว้ชั่วคราว
เขาหันไปมองทางเฉินอี
“พี่ใหญ่ พี่แปดปิดด่านฝึกไปแล้ว เกรงว่านางอาจจะไม่สามารถออกมาได้สักระยะหนึ่ง”
เฉินอีพยักหน้าอย่างเข้าใจ
ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ เมื่อได้ยินดังนั้นพวกเขาก็เผยสีหน้าเข้าใจกันเองโดยนัย
พวกเขารู้จักน้องแปดมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินว่านางจะปิดด่านฝึกมาก่อนเลย
นั่นต้องเป็นเพราะก่อนหน้านี้นางโมโหเยี่ยนชิงมาก ตอนนี้จึงงอนแล้วอาบน้ำเข้านอนไปแล้ว
นิสัยของนางเป็นอย่างใด สือซานรู้ดีเป็นอย่างมาก เขาพบเจอเรื่องแปลกจนชินแล้ว
“นี่มัน…”
คนที่เข้ามาใหม่คือ สือซาน
ซานซานรีบพูดขึ้นมาว่า
“น้องสิบสาม เจ้ายังไม่รีบคารวะรองประมุขมั่วอีก?”
สือซานทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็เดินไปยืนที่ด้านหลังของสือฟัง
สายตาของมั่วอวิ๋นหยุดที่เขาอยู่ครู่หนึ่ง
“…เถ้าแก่ซาน น้องสิบสามที่เจ้าเรียกนั้นเหมือนว่าจะมีพรสวรรค์ไม่เลวเลย…หากสามารถเข้ามาฝึกกับสำนักกระบี่ทมิฬได้ อนาคตของเขาจะต้องรุ่งโรจน์แน่นอน”
หัวใจของซานซานเต้นแรง “ตึกตัก”
เขารู้เรื่องที่ตอนที่สือซานไปทะลวงด่าน แล้วคนของสำนักกระบี่ทมิฬก็เกือบจะแย่งตัวเขาไป
แต่เหตุใดตอนนี้เมื่อมั่วอวิ๋นมาที่นี่ เขาก็ยังมีท่าทีสนใจสือซานอยู่ล่ะ?
พรสวรรค์ของสือซานไม่เลว แล้วมันเกี่ยวอันใดกับพวกเขาด้วยล่ะ?
“…แหะๆ ขอบคุณรองประมุขมั่วที่ชมเชย เป็นเกียรติของเขาอย่างมากแล้วที่ได้รับคำชมจากท่าน แต่ว่าสือซานยังเด็กมากนัก อีกทั้งหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาก็ติดตามพี่ใหญ่และคนอื่นๆ อยู่ตลอด เกรงว่าหลังจากไปแล้ว เขาอาจจะไม่คุ้นชินได้”
ซานซานปฏิเสธข้อเสนอของมั่วอวิ๋นอย่างอ้อมๆ
มั่วอวิ๋นหรี่ตาลงเล็กน้อย
ซานซานเป็นคนฉลาดอย่างมาก
คำพูดเมื่อครู่นี้ของเขาก็ชัดเจนเป็นอย่างมาก แต่หากเป็นคนที่มีสมองก็ควรจะพายเรือตามน้ำ ส่งคนเข้าไปในสำนักกระบี่ทมิฬ
คนมากมายภายในท่าเรือดอกท้ออยากจะเข้าสำนักกระบี่ทมิฬแต่ก็ไม่สามารถเข้าได้ ตอนนี้เขาเป็นคนออกปากด้วยตนเอง แต่ซานซานกลับปฏิเสธน่ะหรือ?
แผ่นหลังของซานซานมีเหงื่อเย็นๆ ไหลผุดพราย
แต่เขาก็ไม่กล้า และไม่อยากจะส่งสือซานไปที่แห่งนั้น
ต่อให้เขาสามารถสัมผัสได้ถึงสายตาที่แฝงด้วยคำเตือนของมั่วอวิ๋น เขาก็ต้องกัดฟันและเลือกที่จะปฏิเสธไป
มั่วอวิ๋นชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ยื้อเรื่องนี้ต่อ
เขากวาดสายตามองไปโดยรอบ
“เถ้าแก่ซาน นอกจากแม่นางแปดแล้ว ทุกคนอยู่ที่นี่หมดแล้วหรือ?”
………………..