ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1879 ลอบโจมตี .
ตอนที่ 1879 ลอบโจมตี
………………..
หนานอวี่สิงบ้าไปแล้ว
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เขาประสบกับเหตุการณ์มามากมาย ซึ่งมันเกินกว่าที่เขาจะสามารถรับไหว
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะเส้นชีพจรแตกซ่าน ทำให้เขาท้อแท้หมดกำลังใจ ร้องขอความตาย
ต่อมาบิดาของเขาได้ตามหาผู้เชี่ยวชาญจนจบ ช่วยให้เขาฟื้นคืนเส้นชีพจรดั้งเดิมได้ อีกทั้งเขายังได้ใช้โอกาสนี้ทะลวงด่านได้อย่างราบรื่น จนกลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์
เขารู้สึกปิติยินดีเป็นอย่างมาก
แต่ในตอนที่เขากำลังจะเล่าเรื่องเหล่านี้ให้แก่หนานอีอีฟัง กลับได้ยินเป็นข่าวร้ายว่าหนานอีอีนั้นเสียชีวิตแล้ว
เพราะว่าศพถูกทำร้ายอย่างน่าอนาถ หนานอีฝานจึงเลือกที่จะฝังร่างนั้นลงไปทั้งอย่างนั้น
หนานอวี่สิงไม่มีโอกาสมองหน้านางเป็นครั้งสุดท้ายด้วยซ้ำ
หนานอีอีเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา และเป็นคนที่เขารักสุดหัวใจ
ตอนนี้คนผู้นั้นไม่อยู่แล้ว แล้วเขาจะยอมรับมันได้อย่างไร?
ดังนั้นภายในใจของเขาจึงคิดแต่เรื่องแก้แค้น
ขอเพียงแค่สามารถสังหารหรงซิวและฉู่หลิวเยว่ลงได้ ความเคียดแค้นที่อยู่ในใจของเขาถึงจะถูกขจัดออกไป!
ในตอนนี้ลั่วเหยี่ยนลังเลขึ้นมาอย่างกะทันหัน เดิมทีเขาไม่เห็นเรื่องเหล่านี้อยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
เขาได้ตัดสินใจไปแล้วว่าหนานอีอีตายด้วยน้ำมือของพวกเขา ไม่ว่าคนอื่นจะโน้มน้าวอย่างไร เขาก็ไม่มีทางเปลี่ยนความคิดของตนเองเด็ดขาด
คิ้วของหรงซิวมีความเย็นชาเพิ่มขึ้นหลายส่วน
“หนานอวี่สิงเจ้าคิดว่า เจ้ากำลังใช้ดาบชี้หน้าใครอยู่อย่างนั้นหรือ?”
น้ำเสียงของเขาเย็นชาและทุ้มต่ำ แต่ตอนที่ได้ยินกลับรู้สึกถึงแรงกดดันที่หนักแน่นจนยากจะต้านทาน!
หนานอวี่สิงหันไปมองทางหรงซิวโดยไม่รู้ตัว
แต่เขาก็รีบระงับอารมณ์เหล่านั้นลงไปอย่างรวดเร็ว
หวาดกลัว?
นี่มีอะไรที่น่าหวาดกลัวกัน!
วันนี้เขาพาผู้อาวุโสมาที่นี่หลายท่าน เป้าหมายก็เพื่อสังหารหรงซิวและฉู่หลิวเยว่ แก้แค้นให้แก่อีอี!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็หัวเราะเสียงเย็น
“หรงซิว เจ้าละทิ้งความเย่อหยิ่งในฐานะโอรสสวรรค์เถอะ! ที่แห่งนี้คือท่าเรือดอกท้อ ไม่ใช่พระราชวังเมฆาสวรรค์!”
ก่อนหน้านี้เขาสืบมาเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้หรงซิวและฉู่หลิวเยว่มาที่นี่อย่างเงียบเชียบ
ข้างกายของหรงซิวมีแค่คนสนิทคนเดียว ส่วนทางด้านฉู่หลิวเยว่ แม้ว่านางจะพาคนมาเยอะ แต่คนเหล่านั้นล้วนเป็นอดีตลูกน้องของนาง ดังนั้นจึงไม่มีอะไรน่ากังวล
หรงซิวแข็งแกร่งอย่างมาก ฉู่หลิวเยว่เองก็ประมาทไม่ได้ แต่แค่สองหมัดไม่สามารถเอาชนะสี่มือ หากทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน พวกเขามีโอกาสชนะมากกว่า!
“แน่นอนว่าที่แห่งนี้ไม่ใช่พระราชวังเมฆาสวรรค์ แต่ที่แห่งนี้คือ…จวนเยว่! พวกเจ้าก็กล้าทำตัวกำเริบเสิบสานหรือ!”
ไม่รอให้หรงซิวพูดอะไร ฉู่หลิวเยว่ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเป็นคนแรก
ฟิ้ว!
กระบี่ที่แหลมคมแหวกความว่างเปล่า!
นางกระชับกระบี่ชื่อเซียวในมือแน่น!
เมื่อดูจากท่าทางของหนานอวี่สิง จะให้พูดอะไรต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์
มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นใช้กำลังแก้ปัญหา!
เมื่อเห็นฉู่หลิวเยว่ชักกระบี่ออกมา ภายในสมองของหนานอวี่สิงก็มีภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในสุสานสังหารเทพปรากฏขึ้นมา
ฝีมือของผู้หญิงคนนี้แข็งแรงกว่าเดิมไม่น้อยเลย…
หนานอวี่สิงสะบัดหัวไปมา ขมวดคิ้วเป็นปม ขจัดความคิดที่ฟุ้งซ่านภายในสมองออกไปให้หมด
หรือว่านางจะเป็นคู่ต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างนั้นหรือ!
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หนานอวี่สิงก็มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นหลายส่วน
“เลือดต้องล้างด้วยเลือด! แค้นของอีอี วันนี้ข้าจะต้องชำระให้ได้!”
เขาพูดยังไม่ทันจบ หนานอวี่สิงก็ลงมือเสียแล้ว!
พลังแห่งสวรรค์และโลกที่อยู่รอบข้างเข้ามารวมตัวในที่แห่งนี้กันอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถ่ายเทไปในดาบเล่มนั้นที่อยู่ในมือของเขา
ลมปราณรอบกายพวยพุ่ง พลังปราณดั้งเดิมภายในร่างกายเดือดพล่าน!
ห้องฟ้ามืดลงอย่างรวดเร็ว
ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์โจมตีเต็มกำลังซึ่งไม่อาจดูเบาได้เลย!
“ดาบผ่าวิญญาณ!”
จากนั้นหนานอวี่สิงก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดังลั่น เขาฟันดาบเล่มยาวที่อยู่ในมือลงอย่างแรง!
ตามมาด้วยเสียงหวีดแหลม ลำแสงกระบี่สีเลือดพุ่งตัวออกมา!
ไม่ว่าจะผ่านไปที่ใด ทุกพื้นที่ก็แตกสลาย!
บนพื้นมีรอยแตกร้าวลึกสายหนึ่งปรากฏขึ้น!
แผ่นหินแตกออกทีละแผ่น!
หรงซิวขยับข้อมือขึ้นเล็กน้อย ในตอนที่เขากำลังจะโจมตี ลั่วเหยี่ยนที่อยู่ด้านข้างก็ชิงออกตัวมาก่อน แล้ววิ่งพุ่งตัวมาหาเขา!
ในตอนนั้นเอง ผู้อาวุโสทั้งแปดคนที่ติดตามมาด้านหลังก็ลงมืออย่างพร้อมเพรียง!
ทุกคนเคลื่อนไหวตามใจชอบ ในตอนนั้นเองพวกเขาพุ่งตัวขึ้นอยู่กลางอากาศพร้อมล้อมฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูเอาไว้!
หนานอวี่สิงและคนอื่นๆ รวมกันเป็นสิบคน แม้ว่าจะไม่ได้มีจำนวนมากเท่ากับคนของจวนเยว่ทั้งหมด แต่จำนวนของผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์นั้นมีมากกว่าเห็นๆ
คนภายในจวนเยว่ตื่นตัวและระแวดระวังกันอย่างมาก พวกเขาก่อตัวเป็นกำแพงมนุษย์ เมื่อเปรียบเทียบกับอีกฝ่ายที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ ก็ถือว่าด้อยกว่าจริงๆ
จิตสังหารที่บ้าคลั่งราวกับพายุพุ่งตัวมาทางนี้อย่างรุนแรง!
แขนเสื้อของฉู่หลิวเยว่ถูกลมพัดปลิวไสว
ดวงตาของนางลึกล้ำ ฝีเท้าทั้งสองข้างซวนเซเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นนางก็งอเข่าและกระโดดพุ่งตัวขึ้น!
ประกายดาบของนางพุ่งตัวไปทางหนานอวี่สิง!
“กระบี่ชื่อเซียว!”
ฉู่หลิวเยว่ฟันกระบี่ลงในดาบเดียว!
พลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรง!
โครม!
ระลอกคลื่นอันน่าหวาดกลัวแผ่กระจายออกไปทั่วทุกทิศ!
“นายท่าน!”
สือซานตะโกนขึ้นมาด้วยความตระหนก และรีบสาวเท้าขึ้นไปครึ่งก้าว
เฉินอีเหลือบสายตามองทางเขา
เหมือนว่าสือซานจะรู้สึกตัว เมื่อเขาได้สติขึ้นมาก็รีบชะงักฝีเท้า
เขาไม่สามารถเข้าไปได้!
ด้วยฝีมือของเขาในตอนนี้ หากเข้าไปแล้วก็ไม่สามารถช่วยเหลือในท่านได้ รังแต่จะเพิ่มความวุ่นวายมากกว่า
สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ก็คือ เขาต้องรออยู่ที่นี่อย่างสงบใจ อย่าไปเป็นภาระให้นายท่าน
เขาหันไปมองทางเฉินอีด้วยความร้อนรน
“พี่ใหญ่”
ตอนนี้คนที่จะสามารถช่วยเหลือได้ เกรงว่าจะมีแค่พี่ใหญ่เท่านั้น…
พรึ่บ!
ลมเย็นๆ สายหนึ่งพัดออกมาจากทางด้านหลังของพวกเขา!
เฉินอีขมวดคิ้วเย็นชา แล้วหันกลับไปมอง
แขนเสื้อของเขาสะบัด ลมปราณที่แข็งแกร่งสายหนึ่งลอบโจมตีเขา!
ซานซานเบิกตากว้าง ตกใจจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง
“รองประมุขมั่ว! เจ้าจะทำอันใดน่ะ?”
คาดไม่ถึงว่าเขาจะฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนไม่ได้สนใจ ลงมือโจมตีอย่างกะทันหัน!
มั่วอวิ๋นกลับหัวเราะขึ้นมาเสียงเย็น
“ข้าก็นึกว่าเป็นใคร! หรงซิว ซั่งกวนเยว่…คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะมาหาข้าถึงที่นี่!”
………………..