ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1882 ความแข็งแกร่งของเฉินอี
ในเวลาแบบนี้ นางจะไปที่ไหนไม่ไป แต่กลับไปที่ยอดเขาหลานชิง
นางไม่ทางไม่รู้ว่าที่ยอดเขาหลานชิงยังมีคนของสำนักกระบี่ทมิฬจำนวนไม่น้อยที่กำลังเฝ้าคุ้มกันอยู่
ด้วยสถานการณ์แบบนี้ แต่นางก็ยืนหยัดที่จะไปที่นั่น…
ภายในใจของมั่วอวิ๋นมีแสงสว่างวาบขึ้นมาในทันที
หรือว่า…
“เด็กรับใช้สองคนก่อนหน้านี้ จะเป็นพวกเขา?”
มั่วอวิ๋นมองไปทางหรงซิวอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะว่าเขาตื่นตระหนกมากเกินไป น้ำเสียงนั้นจึงหวีดแหลมขึ้น
หรงซิวหรี่ตาลงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
แต่สำหรับมั่วอวิ๋นแล้ว นี่เท่ากับว่าเป็นการยอมรับโดยปริยาย
จะต้องเป็นพวกเขาอย่างแน่นอน!
มิน่าล่ะ…
มิน่าตั้งแต่ต้นจนจบซานซานถึงปฏิบัติกับทั้งสองคนนั้นอย่างแปลกประหลาด ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็ยืนยันที่จะปกป้องสองทั้งสองนั้น และยังพาพวกเขาไปด้วย
เมื่อเผชิญหน้ากับอันตราย ซานซานก็จะเป็นห่วงสองคนนั้นก่อน
หลังจากเรื่องเกิดขึ้นมาแล้ว สิ่งแรกที่เขาพูดขึ้นคือ ขอปล่อยให้ทั้งสองคนนั้นออกมา…
ในตอนแรกเขารู้สึกว่าซานซานแปลกไปเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้เก็บเรื่องเหล่านี้มาใส่ใจ
อย่างไรก็ตามเมื่อนึกย้อนกลับมา ทุกสิ่งทุกอย่างกลับชัดเจนมากยิ่งขึ้น!
ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นฉายซ้ำขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
มั่วอวิ๋นแทบจะหายใจไม่ออก
บางทีความลับของยอดเขาหลานชิง อาจจะไม่ได้ซ่อนอยู่ที่ซานซาน แต่…อยู่ที่หรงซิวและฉู่หลิวเยว่!
กุญแจสำคัญในตอนนี้จะต้องอยู่ที่ฉู่หลิวเยว่แน่นอน!
ลั่วเหยี่ยนเห็นเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน เขาก็มีใบหน้ามึนงงไป
มั่วอวิ๋นผู้นี้…เหตุใดท่าทางเหมือนว่าจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น?
เดิมทีเขาอยากจะซักถามสักประโยคสองประโยค แต่มั่วอวิ๋นกลับวิ่งออกไปตามทิศทางนั้นแล้ว เขาไม่มีเวลาและโอกาสเลย
ดูจากสถานการณ์ที่เร่งร้อน…
ลั่วเหยี่ยนครุ่นคิดอยู่ภายในใจ แล้วรีบติดตามไปในทันที
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การไปร่วมมือกับมั่วอวิ๋นเพื่อขวางพวกเขาไว้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
หรงซิวสามารถขวางเขาได้แค่คนเดียว หรือว่าเขาจะสามารถสู้สองต่อหนึ่งได้?
แต่ความคิดโลกสวยแบบนี้ ก็ถูกทำลายลงในทันที
เพราะว่า…คนที่อยู่ด้านหลังได้ติดตามมาแล้ว!
คนแรกที่ตามมาก็คือ เฉินอี!
มั่วอวิ๋นเพิ่งจะสามารถสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง ตอนที่เขาไล่ตามฉู่หลิวเยว่ไปนั้น ด้านหน้าของเขาก็มีประกายแสงเกิดขึ้น เงาร่างสีเขียวของคนผู้หนึ่งปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเขา!
ตอนที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน หัวใจของมั่วอวิ๋นก็เต้น ‘ตึกตัก’ ในทันที
คาดไม่ถึงว่าเฉินอีผู้นี้จะซ่อนความสามารถที่แท้จริงของตนเองเอาไว้?
ความสามารถที่ไล่ตามมาอย่างไร้สุ่มไร้เสียงนั้น…เขาจะต้องเป็นระดับเทพศักดิ์สิทธิ์แน่นอน!
แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สังเกตเลยแม้แต่น้อย!
ลั่วเหยี่ยนที่อยู่ด้านข้างแล้วเห็นเหตุการณ์เหล่านี้ก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
เหมือนว่าเขาจะรู้จักคนผู้นี้ อีกฝ่ายเป็นลูกน้องของฉู่หลิวเยว่ ทุกคนภายในกลุ่มต่างเรียกเขาว่าพี่ใหญ่
แต่ก่อนหน้านี้เขารู้มาเพียงว่า ลูกน้องที่ติดตามนางมานั้นล้วนมาจากราชวงศ์เทียนลิ่งไม่ใช่หรือ?
จากข่าวที่สืบมา แม้กระทั่งคนในพระราชวังเมฆาสวรรค์จำนวนไม่น้อย ก็รู้สึกไม่พอใจพวกเขาเช่นเดียวกัน
แต่เพราะต้องไว้หน้าฉู่หลิวเยว่ พวกเขาจึงรักษาความสงบเพียงผิวเผินเท่านั้น
แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงลมปราณเทพศักดิ์สิทธิ์บนร่างกายของเฉินอีแล้ว ลั่วเหยี่ยนก็รู้สึกมึนงงไปในทันที
นี่คือผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง!
ต่อให้นับทั่วทั้งพระราชวังเมฆาสวรรค์ ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น การมีอยู่ของเขานั้นล้ำค่าเป็นอย่างมาก!
ข่าวได้รับมาก่อนหน้านี้ พวกเขาไปเอามาจากไหนกันแน่?
“คิดไม่ถึงเลยว่า ซั่งกวนเยว่จะมีลูกน้องเป็นระดับเทพศักดิ์สิทธิ์…”
มั่วอวิ๋นกัดฟันกรอด แล้วพูดออกมาอย่างช้าๆ
เขาไม่ได้ลงมืออย่างหุนหันพลันแล่น
เพราะว่าเขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน เฉินอีที่อยู่ตรงหน้าเขา ไม่ได้มีฝีมืออ่อนด้อยไปกว่าเขาเลย!
ก่อนหน้านี้ก็มีหรงซิวที่สลัดออกได้ยากมากพอแล้ว ตอนนี้ยังเพิ่มเฉินอีมาอีกหนึ่งคนด้วย…
ตอนที่คำเจรจาของทั้งสองฝ่ายกำลังตกอยู่ในทางตัน เสียงลมพายุก็ดังขึ้น!
มั่วอวิ๋นกับลั่วเหยี่ยนรู้สึกผ่อนคลายลงในทันที
มีคนมาแล้ว!
แต่พวกเขายังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังก็ทำให้พวกเขาชะงักตัวแข็งค้างไปในทันที
“พี่ใหญ่! พวกเราไม่ได้มาสายเกินไปใช่หรือไม่?”
เสียงนั้น…
กำลังพูดกับเฉินอี!
มั่วอวิ๋นกับลั่วเหยี่ยนมองหน้ากัน พวกเขาสามารถมองเห็นความตกใจในแววตาของอีกฝ่ายได้
จากนั้นทั้งสองคนก็แทบจะหันศีรษะกลับมามองในเวลาเดียวกัน เมื่อเห็นเงาร่างหลายสายที่กำลังวิ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว
คนพวกนั้นก็คือ ซานซานและคนอื่นๆ ที่ถูกล้อมเอาไว้ก่อนหน้านี้
แต่นอกจากนั้นแล้ว…กลับไม่มีคนของสำนักกระบี่ทมิฬหรือตระกูลหนานเลยสักคน!
ลั่วเหยี่ยนกวาดสายตามองไปโดยรอบ และหลุดพูดออกมาแทบจะในทันที
“เหตุใดถึงเป็นพวกเขาได้?”
เขาคิดว่าคนที่ตามมาน่าจะเป็น…
คนเหล่านี้คงไม่ได้จัดการศัตรูอีกฝ่ายจนหมดไปแล้วนะ?
ซานซานหัวเราะคิกตักขึ้นมา ดวงตาหยีเล็กลง
“แล้วเหตุใดถึงเป็นพวกเรามิได้ล่ะ?”
มีคนมาหาเรื่องถึงหน้าบ้าน เรื่องอะไรจะต้องหลบซ่อนตัวอยู่เล่า?
แน่นอนว่าเขาจะต้องตอบโต้ด้วยการตบบ้องหูแรงๆ
เฉินอีกวาดสายตามามอง
นอกจากสือซานที่ไม่ได้ประมือกันตรงๆ แล้ว บนร่างกายของซานซานและคนอื่นๆ ก็มีบาดแผลกันเล็กน้อย
แต่ดูแล้วไม่ได้สาหัสอะไร
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของเขา ซานซานก็รีบพูดขึ้นมาว่า
“พี่ใหญ่วางใจได้เลย! ส่วนใหญ่แล้วเป็นเลือดของคนสำนักกระบี่ทมิฬกับตระหูลหนาน! พวกเรานั้นไม่เป็นไรเลย!”
สีหน้าของลั่วเหยี่ยนกับมั่วอวิ๋นมืดคล้ำลงเล็กน้อย
นี่มันหมายความว่าอย่างไร!
ด้วยฝีมือของพวกเขาแค่ไม่กี่คนจะสามารถสู้กับคนหมู่มากได้อย่างนั้นหรือ?
“ที่แท้พวกเจ้าก็ปิดบังความสามารถเอาไว้อยู่นี่เอง…”
แววตาของมั่วอวิ๋นแหลมคมราวกับมีดที่แทงบนร่างกายของซานซานอย่างรุนแรง คำพูดแต่ละคำเล็ดลอดออกจากซอกฟัน น้ำเสียงแฝงด้วยความกรุ่นโกรธและโมโห
หากเป็นคนอื่นก็ช่างเถอะ แต่ซานซานอยู่ในสายตาของเขามาตั้งนาน คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่สามารถสัมผัสถึงเรื่องนี้เลย!
โครม!
เสียงดังสนั่นเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง!
แรงสั่นสะเทือนระหว่างฟ้าดินบังเกิดขึ้น!
ทุกคนหันไปมองโดยพร้อมเพรียง
เปลวเพลิงบนยอดเขาหลานชิงได้ลุกโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม!
ลั่วเหยี่ยนกับมั่วอวิ๋นมองหน้ากัน
พวกเขาจะต้องรีบไปที่นั่นให้เร็วที่สุด!
ไม่มีใครรู้ว่าฉู่หลิวเยว่ต้องการจะทำอะไรกันแน่?
ก่อนหน้านี้ตอนที่ยอดเขาหลานชิงระเบิดขึ้น พวกเขาเกือบจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว!
หากครั้งนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง…
เกรงว่ามันจะต้องรุนแรงอย่างที่ไม่สามารถจินตนาการได้แน่นอน!
ภายในหัวใจของมั่วอวิ๋นมีโทสะระเบิดขึ้น ดังนั้นเขาเลือกที่จะพุ่งตัวไปในทันที!
“ไสหัวไป!”
…
ในตอนนั้นเอง บนยอดเขาหลานชิงก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย
ทันทีที่ฉู่หลิวเยว่มาถึง นางก็ดึงความสนใจจากผู้คนที่เฝ้าคุ้มกันอยู่โดยรอบยอดเขาหลานชิงได้ทันที
มั่วหลินกำลังโคจรลมปราณของตนเองอยู่
หลายวันก่อนหน้านี้เขาได้รับความทรมานมาไม่น้อย ตอนนี้ถึงได้รักษาชีวิตเอาไว้อย่างยากลำบาก แน่นอนว่าเขาจึงใช้โอกาสนี้ในการฟื้นฟูพละกำลังของตัวเอง
แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เขาก็รู้สึกตัวขึ้นมาในทันที
เมื่อหันมามอง ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความงุนงง
ผู้ที่กำลังเข้ามาใกล้เป็นเพียงแค่ผู้หญิงมีใบหน้างดงามคนหนึ่ง ซึ่งเขาไม่รู้จักคนผู้นี้
แต่เขาเห็นสัตว์อสูรตัวสีทองคำชาดที่นางกำลังขี่มา เขาก็มีปฏิกิริยาตอบสนองในทันที
นั่นมันหงส์ทองคำ!
“เจ้า…”
เขายังไม่ทันได้เอ่ยปากซักถาม แต่ผู้หญิงคนนั้นก็พุ่งตัวเข้าไปในยอดเขาหลานชิงแล้ว!
………………..