ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1884 ล่มสลาย!
ลำแสงสีรุ้งพาดผ่านท้องฟ้า!
ลำแสงกระบี่ที่สว่างแสบตา ลมปราณที่เต็มไปด้วยความรุนแรงแผ่กระจายออกมาโดยรอบ!
แกร๊ก!
เสียงแตกร้าวสายหนึ่งดังลั่นขึ้น!
คนของสำนักกระบี่ทมิฬทุกคนเพิ่งจะร่วมมือวางม่านพลังเสร็จเรียบร้อย แต่มันก็พังทลายลงมาในทันที!
ม่านพลังเหล่านั้นไม่สามารถขวางกั้นพลังของกระบี่ซื่อเซียวได้เลย ต่อมามันก็กลายเป็นลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนแพร่ลกระจายออกไป!
ตู้ม!
มั่วหลินและคนอื่นๆ มีใบหน้าซีดขาว
ในแววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตกใจ ลำแสงกระบี่สายนั้นปะทะลงที่บนยอดเขาอย่างแม่นยำ!
ตู้ม!
เสียงดังกึกก้องกัมปนาท!
ภูเขาที่สูงชันลูกนั้นมีรอยแตกร้าวสายหนึ่งปรากฏขึ้น!
ในตอนนั้นเองสายลมก็พัดออกมาอย่างบ้าคลั่ง ดอกท้อสีชมพูขาวจำนวนนับไม่ถ้วนโปรยปรายร่วงหล่นลงมา
หลังจากนั้นเปลวเพลิงสีน้ำเงินสายหนึ่งก็พุ่งตัวออกมาจากรอยแตกร้าวบนยอดเขานั้น!
…
ภาพเหตุการณ์นั้นทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
แต่เพราะตกใจมากเกินไป ทุกคนจึงตกอยู่ในความเงียบงันเช่นนั้นครู่หนึ่ง
หลังจากผ่านไปสักพักก็มีคนบ่นพึมพำเสียงต่ำว่า
“เหตุใด…ด้านล่างของภูเขาลูกนั้นถึงมีเปลวเพลิงสีน้ำเงินด้วยล่ะ?”
ทุกคนเห็นพ้องต้องกันแล้วว่าภายในยอดเขาหลานชิงแห่งนี้จะต้องมีโชคชะตาอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ด้านในแน่นอน
แต่ในตอนนี้เหตุใดภูเขาด้านข้างก็ยังลุกไหม้ขึ้นมาเหมือนกันเล่า?
นี่ก็หมายความว่าที่แห่งนั้นก็มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ด้วยใช่หรือไม่?
มั่วหลินกัดฟันกรอด
“รีบกลับไปรายงานรองประมุขเรื่องนี้!”
ในตอนนั้นเองแม้กระทั่งเขาก็ยังไม่กล้ามั่นใจว่า หลังจากนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น
แต่พวกเขายังไม่ทันจากไป เขาก็เห็นว่ามีคนผู้หนึ่งเดินทางมาที่นี่แล้ว
และคนผู้นั้นคือหนานอวี่สิงที่ไล่ตามฉู่หลิวเยว่มา!
…
หงส์ทองคำมีความเร็วสูงมาก แม้ว่าหนานอวี่สิงจะออกแรงเต็มกำลังแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถตามทัน อีกทั้งระยะห่างของทั้งสองฝ่ายก็เพิ่มมากขึ้น
นี่เป็นสาเหตุว่าเหตุใดฉู่หลิวเยว่ได้มาถึงสักพักแล้ว แต่ตัวเขานั้นเพิ่งมา
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง หนานอวี่สิงก็รู้สึกสับสนกับภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า
เขามองไปทางเปลวเพลิงที่ระเบิดขึ้นหลายกลุ่ม ใบหน้าของหนานอวี่สิงมีประกายความตกใจฉายออกมาครู่หนึ่ง
หากเมื่อครู่นี้เขาไม่ได้มองผิดละก็ เปลวเพลิงเหล่านั้น…เหมือนจะเกิดขึ้นเพราะฉู่หลิวเยว่?
นางเพียงแค่ยกมือขึ้น เปลวเพลิงที่อยู่บนยอดเขาก็โหมกระหน่ำ!
เห็นได้ชัดว่าเปลวเพลิงเหล่านั้นไม่ธรรมดา ฉู่หลิวเยว่ทำเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไรกันแน่?
หนานอวี่สิงเพิ่งมาถึงท่าเรือดอกท้อวันนี้
ดังนั้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนยอดเขาหลานชิงก่อนหน้านี้ เขาไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าคือ…”
มั่วหลินสังเกตเห็นการมาถึงของหนานอวี่สิงแล้ว เขาก็ระวังตัวขึ้นมาในทันที
“คนของสำนักกระบี่ทมิฬ?”
มั่วหลินรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาในทันที
น้ำเสียงของคนผู้นี้เย่อหยิ่งทรนง ราวกับว่าไม่เห็นสำนักกระบี่ทมิฬอยู่ในสายตาเลย
“ถูกต้อง ที่นี่คือฐานที่มั่นของพวกเรา ไม่ทราบว่าท่านเป็นใครและมาที่นี่มีธุระอันใด?”
หนานอวี่สิงหัวเราะเยาะเย้ย
“ฐานที่มั่นของพวกเจ้า? หากเป็นฐานที่มั่นของพวกเจ้าจริง เหตุใดถึงปล่อยให้ซั่งกวนเยว่ผู้นั้นทำตัวกำเริบเสิบสานอยู่ล่ะ!”
สีหน้าของมั่วหลินย่ำแย่ลงไปหลายส่วน
“ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม ข้าจะมาทำอันใดที่นี่นั้น พวกเจ้าก็มองกันไม่ออกหรือ?”
หนานอวี่สิงยกดาบขึ้นแล้วชี้ไปทางฉู่หลิวเยว่
“ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อสังหารนาง!”
ในตอนนี้ฉู่หลิวเยว่และถวนจื่อได้บินจากยอดเขาหลานชิงไปที่ยอดเขาถัดไปแล้ว
นางรู้ว่าหนานอวี่สิงตามมาทันแล้ว และนางก็รู้ว่าคนของสำนักกระบี่ทมิฬกำลังมองนางด้วยสายตาจ้องจะเขมือบ
แต่ว่านางนั้นไม่สนใจ
เพราะว่าตอนนี้นางมีสิ่งที่สำคัญกว่าจะต้องทำ
นางกระโดดลงจากหลังของถวนจื่อ
ในตอนนี้นางกำลังยืนอยู่บนรอยแตกร้าวที่เพิ่งแตกออกมา
ตำแหน่งไม่ไกลกันนั้นมีเปลวเพลิงที่ลุกโชนขึ้นมา
ถวนจื่อยืนเฝ้าอยู่ด้านข้าง นางกำลังใช้สายตาสำรวจสถานการณ์โดยรอบด้วยความระมัดระวัง
…
หลังจากที่ได้ยินหนานอวี่สิงพูดว่าเขามาที่นี่เพื่อสังหารฉู่หลิวเยว่ สีหน้าของมั่วหลินก็อ่อนลงหลายส่วน
แต่หากมีการช่วยเหลือจากคนผู้นี้ พวกเขาจะต้องเบาแรงลงอย่างไม่ต้องสงสัย
ท้ายที่สุดแล้วอีกฝ่ายก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ ฝีมือในการต่อสู้นั้นไม่อาจดูเบาได้เลย
หากปล่อยให้นกกระยางสู้กับหอยกาบ…
“นางกำลังจะทำอันใดน่ะ?”
ในตอนที่มั่วหลินกำลังครุ่นคิดถึงผลประโยชน์ของคนกลาง น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกก็ดังขึ้นที่ข้างหูของเขา
เขาหันไปมองตามเสียงนั้นในทันที คาดไม่ถึงว่าจะเห็นฉู่หลิวเยว่ยืนนิ่งอยู่บนยอดเขา อีกทั้งดวงตาทั้งสองข้างก็ยังปิดสนิท
เหมือนกับกำลังรออะไรบางอย่างอยู่…
มั่วหลินขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม
ในเวลาแบบนี้ สถานที่เช่นนี้ ที่นางทำแบบนั้นหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
หรือว่า…เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเปลวเพลิงสีน้ำเงินด้วย?
เขาคิดวกวนไปมา แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ
อีกด้านหนึ่งหนานอวี่สิงกลับไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
เปลวเพลิงเหล่านั้นอันตรายก็จริง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาตื่นตระหนกหวาดกลัว
ดูจากท่าทางของนางแล้ว เห็นได้ชัดว่านางกำลังจะทำอะไรบางอย่าง
ถ้าหากไม่ลงมือตอนนี้ แล้วจะลงมือเมื่อใด?
หนานอวี่สิงสะกิดปลายเท้าพุ่งตัวออกไปทางฉู่หลิวเยว่อย่างไม่ลังเล!
“เป็นอันใดไป ในที่สุดเจ้าก็เลิกหนีแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ภายในน้ำเสียงของเขาแฝงคำพูดประชดประชันอย่างไม่ปิดบัง
สำหรับเขาแล้วที่ฉู่หลิวเยว่ดั้นด้นมาถึงที่นี่ เพียงเพื่อต้องการควบคุมเปลวเพลิงเหล่านั้น
หากนางคิดว่าอาศัยเพียงเปลวเพลิงเหล่านี้จะสามารถขวางทางเขาได้ นางก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!
น่าจะมี…
มันต้องมีสิ!
เมื่อครู่นี้นางสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าใต้ยอดเขาแห่งนี้…
“ไปตายซะ!”
หนานอวี่สิงพุ่งตัวมาอยู่ตรงหน้าฉู่หลิวเยว่แล้ว!
พลังแห่งสวรรค์และโลกที่อยู่รอบข้างถ่ายเทเข้ามาในดาบเล่มยาวของเขาอย่างบ้าคลั่ง!
วินาทีต่อมาเขาก็ฟันดาบเล่มนั้นลงมาอย่างรุนแรง!
ไม่ว่าลำแสงกระบี่นั้นจะผ่านไปที่ใด ความว่างเปล่าก็แตกสลายอย่างรวดเร็ว!
ระลอกคลื่นจากความว่างเปล่าแผ่กระจายออกมาโดยมีพวกเขาทั้งสองคนเป็นจุดศูนย์กลาง จากนั้นก็แผ่กระจายออกไปจนทั่ว!
ในขณะเดียวกันนั้นเองลมปราณที่อันตรายก็พวยพุ่งเข้ามา!
มั่วหลินและคนอื่นๆ หน้าเปลี่ยนสีไปในทันที!
“หนีเร็ว!”
ความว่างเปล่าแห่งนี้กำลังจะพังทลายลงแล้ว!
ในตอนนั้นเองหนานอวี่สิงไม่ได้ตระหนักเลยว่ามันจะเกิดอะไรเรื่องอะไรขึ้น
สายตาของเขามีเพียงแต่ฉู่หลิวเยว่คนเดียวเท่านั้น!
ภายในใจของเขาคิดเพียงแค่ว่าเขาจะต้องสังหารนางให้ได้!
ถวนจื่อบินขึ้นในทันที! ปีกทั้งสองข้างสั่นสะเทือน!
พรึ่บ!
เปลวเพลิงสีทองคำชาดปะทุขึ้นอย่างรุนแรงแล้วก่อตัวเป็นม่านพลังขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าของฉู่หลิวเยว่อย่างรวดเร็ว!
โครม!
พลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรง!
หนานอวี่สิงออกแรงเต็มกำลัง หลังจากที่เขาชะงักค้างไปเล็กน้อย บนม่านพลังก็มีรอยแตกร้าวสายหนึ่งบังเกิดขึ้น!
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ความว่างเปล่ารอบข้างจำนวนนับไม่ถ้วนก็เริ่มปั่นป่วน ความว่างเปล่าที่กำลังจะพังทลาย พลอยทำให้ม่านพลังนั้นแตกสลายไปด้วย!