ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1885 ยังจะมาอีกหรือ?
ตอนที่ 1885 ยังจะมาอีกหรือ?
………………..
ในที่สุดหนานอวี่สิงก็ตระหนักได้แล้วว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง
เขาจึงรีบหันกลับไปมองด้วยความรวดเร็ว
ในช่วงเวลาสั้นๆ รอยแตกร้าวสีดำของความว่างเปล่าก็ปรากฏขึ้นเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
และในตอนนั้นเอง รอยแตกร้าวเหล่านั้นกำลังผสานและรวมตัวกันอย่างเชื่องช้า ความปั่นป่วนรุนแรงเกิดขึ้นภายในก็เริ่มมีปะทะกันอย่างดุเดือด
พลังจำนวนนับไม่ถ้วนที่โจมตีกันอย่างวุ่นวายทำให้สถานการณ์นั้นย่ำแย่มากขึ้น
ไม่ถูกต้อง…
หนานอวี่สิงขมวดคิ้วขึ้นมา
เขาเพิ่งจะลงมือ แล้วไม่ได้คงการเปลี่ยนแปลงอะไรเอาไว้
ต่อให้เป็นการโจมตีเต็มแรงของผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ ก็น่าจะไม่สามารถทำให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ได้…
ยิ่งไปกว่านั้นเขาเพิ่งทะลวงด่านมาเป็นระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่นาน
สถานการณ์เหล่านี้แปลกประหลาดอย่างมาก…
แต่ความคิดนี้เพิ่งปรากฏขึ้นได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถูกความแค้นเข้าครอบงำ
ในตอนนี้เขาคิดได้เพียงแค่จะต้องสังหารฉู่หลิวเยว่เพื่อแก้แค้นให้แก่หนานอีอี!
ส่วนเรื่องอื่นๆ รอให้จัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จสิ้นค่อยว่ากันก็ยังไม่สาย!
…
นิสัยของหนานอวี่สิงเย่อหยิ่งทรนงเป็นอย่างมาก
อีกทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ก็เป็นการกระตุ้นเขาอย่างหนัก
ดังนั้นอารมณ์ของเขาในตอนนี้จึงรุนแรงเป็นอย่างมาก
แต่ขอเพียงแค่เขาสงบสติอารมณ์และมองสถานการณ์โดยรอบให้ชัดเจน เขาก็จัดตระหนักได้ว่าสถานการณ์ที่น่าหวาดกลัวได้คืบคลานมาอย่างเงียบเชียบแล้ว
แม้กระทั่งมั่วหลินและคนอื่นๆ ก็ได้ถอยห่างไปไกลมากแล้ว เขาก็ยังไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย
เขาคิดเพียงแต่จะสังหารฉู่หลิวเยว่!
หลังจากม่านพลังของถวนจื่อแตกสลาย ลำแสงกระบี่ที่น่าหวาดกลัวก็พุ่งไปที่ด้านหน้าของฉู่หลิวเยว่!
ผมที่ปกหน้าผากของนางนั้นถูกลมพัดขึ้นไปหมดแล้ว
ร่างกายของถวนจื่อกำลังอยู่ในช่วงระวังภัย ภายในดวงตาของเขาเหมือนมีลูกไฟปรากฏขึ้น!
ในตอนที่มันกำลังจะลงมืออีกครั้ง มันกลับได้ยินเสียงฉู่หลิวเยว่ดังขึ้นจากด้านหลัง
“หาเจอแล้ว!”
ถวนจื่อหันกลับไปมอง
นางยกมือขึ้น ทันใดนั้นโล่สีดำอันหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่ตรงหน้าของนาง!
หัวใจของหนานอวี่สิงเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง
ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นความแข็งแกร่งของโล่อันนี้ของฉู่หลิวเยว่มาก่อน
ไม่รู้ว่าหลังจากที่เขาทะลวงด่านมาเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขาจะสามารถโจมตีโล่อันนี้ได้หรือไม่…
ในตอนที่เขาเหลือบสายตาไปมองโล่อันนั้น เขารู้สึกว่ามันแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้เล็กน้อย
เมื่อเขามองอย่างละเอียดแล้วก็พบว่า สนิมที่อยู่บนโล่นั้นได้หลุดลอกออกไปหลายแผ่นแล้ว
โล่อันเดิมมีพื้นราบเรียบเสมอกัน แต่ในครั้งนี้มันกลับขรุขระไม่สม่ำเสมอแลว
ดูแล้วมันมีสภาพทรุดโทรมเป็นอย่างมาก
หนานอวี่สิงเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาแล้ว
“ซั่งกวนเยว่! เราไม่ได้เจอกันเพียงชั่วครู่ แต่คาดไม่ถึงว่าของวิเศษของเจ้าจะพังจนกลายเป็นสภาพเช่นนี้แล้ว! หรือว่านอกจากของชิ้นนี้บนตัวของเจ้าไม่มีอาวุธโบราณชิ้นอื่นอีกแล้วหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่กำโล่สีดำเอาไว้ในมือแน่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง
สายตาของพวกเขาทั้งสองประสานกัน
ริมฝีปากสีแดงของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้น
“หากจะจัดการเจ้าแล้ว…ใช้เพียงแค่ของสิ่งนี้ก็เพียงพอแล้ว!”
ทันทีที่สิ้นเสียงลำแสงสายหนึ่งก็พุ่งตัวออกมาจากเปลวเพลิงที่อยู่ด้านหน้าของนางกะทันหัน ก่อนจะพุ่งตรงไปที่โล่อันนั้น!
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง สนิมที่เกาะอยู่ด้านบนก็หลุดร่วงลงมา
ลำแสงนั้นก็เข้าไปเติมเต็มอย่างรวดเร็ว!
หนานอวี่สิงยืนอยู่ในระยะใกล้มากแต่ก็ยังไม่ทันได้มองอย่างชัดเจนด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร
กว่าเขาจะได้สติกลับคืนมา ก็เห็นเพียงแสงสีดำที่อยู่บนโล่ พวกมันกระพริบไปมาอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะหม่นแสงลงอย่างรวดเร็ว
นั่นมัน…
ไม่รู้ว่าเหตุใด ภายในใจของเขาจึงบังเกิดความไม่สบายอกไม่สบายใจขึ้นมา
ฉู่หลิวเยว่พุ่งตัวขึ้นสูงแล้วนำโล่สีดำมาขวางที่ด้านหน้าของตนเอง
“ถวนจื่อ!”
เมื่อได้ยินเสียงเรียก ถวนจื่อก็กระพือปีกออกอย่างเชื่อฟัง แล้วบินไปที่ด้านหลังของนาง
หนึ่งมนุษย์หนึ่งสัตว์อสูร ได้ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของโล่สีดำ
หนานอวี่สิงหัวเราะขึ้นมาอย่างประชดประชัน
“ก็แค่ขยะกลุ่มหนึ่ง…”
ตู้ม!
เขายังพูดไม่ทันจบประโยค พลังทั้งสองฝ่ายก็ปะทะกันอย่างรุนแรง!
แรงสั่นสะเทือนฟ้าดิน!
หนานอวี่สิงรู้สึกได้ถึงเสียงคำรามที่ดังก้องอยู่ภายในโสตประสาท แม้กระทั่งหัวใจของเขาก็ยังชา
แต่ในวินาทีนั้นสิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากกว่านั้นก็คือภาพเหตุการณ์เหล่านี้
ลำแสงกระบี่สายหนึ่ง หลังจากที่มันปะทะเข้ากับโล่สีดำอันนั้น มันแทบจะจางหายไปในทันทีโดยไม่มีการหยุดชะงักเลย!
“อึก!”
ใบหน้าของเขาซีดขาวในทันที! ฝีเท้าก้าวถอยหลังลงไปอย่างไม่มั่นคง!
แม้จะก้าวลงไปแค่เพียงครึ่งก้าว แต่สำหรับหนานอวี่สิงแล้วมันคือความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง!
คาดไม่ถึงว่าเขาจะ…แพ้แล้ว?
พลังของระดับเทพศักดิ์สิทธิ์จะพ่ายแพ้ให้แก่ระดับเทพขั้นสูงคนหนึ่งน่ะหรือ!
เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกตะลึง จากนั้นเขาก็มองไปที่โล่สีดำของฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง
นี่มันคืออาวุธโบราณระดับใดกันแน่ คาดไม่ถึงว่าจะสามารถป้องกันการโจมตีของเขาได้อย่างสบายๆ
ในตอนนั้นมั่วหลินและคนอื่นๆ ที่เฝ้ามองจากในระยะไกล พวกเขาก็จมอยู่กับความตกตะลึง และพูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานานมาก
แม้กระทั่งหนานอวี่สิงที่เป็นระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมีจุดจบเช่นนี้
ถ้าหากเป็นพวกเขา…เกรงว่าจะต้องอนาถมากกว่านี้แน่นอน!
“…ใต้เท้ามั่วหลิน เมื่อครู่นี้…เหมือนว่าเมื่อครู่นี้มีอะไรบางอย่างลอยออกมาจากในเปลวเพลิงนะขอรับ?”
หลังจากผ่านไปสักพัก ในที่สุดคนที่อยู่ด้านหลังก็พูดขึ้นมา น้ำเสียงยังคงสั่นสะท้าน
มั่วหลินกลับนึกอะไรขึ้นมาได้ในทันที!
ใช่แล้ว!
เหมือนว่าเมื่อครู่นี้มีอะไรออกมาจากเปลวไฟแล้วตกลงไปในโล่ของนางจริงๆ
แล้วนั่นมันคืออะไรกันแน่?
พวกเขายังไม่ทันได้ขบคิดปัญหานี้อย่างชัดเจน แต่ฉู่หลิวเยว่ก็พุ่งตัวไปทางภูเขาลูกที่สามแล้ว!
ท่าร่างของนางคล่องแคล่วว่องไว กระโปรงสีแดงพริ้วไสว หากมองจากในระยะไกลก็เหมือนกับเปลวไฟสีชาดกลุ่มหนึ่งที่กระโดดโลดเต้นระหว่างหุบเขาและป่าไม้
จากนั้นนางก็ยกกระบี่ขึ้นเหนือศีรษะอีกครั้ง!
ทันใดนั้นเองมั่วหลินก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ
คาดไม่ถึงว่านางต้องการจะผ่าภูเขาจริงๆ