ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1887 สังเวยด้วยเลือด
ตอนที่ 1887 สังเวยด้วยเลือด
………………..
สีหน้าที่สงบนิ่งปรากฏบนใบหน้าที่งดงามของเขา ทั้งสุขุมเยือกเย็นราวกับไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้เลย
ระหว่างคิ้วและนัยน์ตา เคลื่อนไหวด้วยความสง่างาม เห็นได้เพียงแต่ความใส่ใจและเอาอกเอาใจของคนผู้นั้นแม้จะดูเหมือนนางทำให้ทุกอย่างที่นี่ดูวุ่นวายไปเสียหมดแต่เขาก็ยังคอยตามใจ
มั่วอวิ๋นโมโหจนพูดไม่ออกและร่างสั่นสะท้านไปทั้งตัว
สองคนนี้…สองคนนี้ บังอาจเกินไปแล้ว!
“หรงซิว! อย่าโกรธที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าเลย! ที่แห่งนี้คือท่าเรือดอกท้อ! ถ้าเกิดนางทำเรื่องอันใดที่ล้ำเส้นแล้วล่ะก็ ทุกคนที่ท่าเรือดอกท้อจะถูกฝังไปกับนางทั้งหมด!”
ทว่าความว่างเปล่าในบริเวณรอบๆ เริ่มพังทลายลงอย่างรวดเร็วจนมิอาจควบคุมเอาไว้ได้!
สถานการณ์เช่นนี้มั่วอวิ๋นเคยประสบมาก่อนแต่เขากลับไม่เคยมีประสบการณ์ที่รุนแรงเช่นนี้
หางคิ้วของหรงซิวยกขึ้นเล็กน้อย
“ดูไม่ออกเลยจริงๆ ว่ารองเจ้าสำนักมั่วยังมีจิตใจเช่นนี้ สองปีมานี้คนที่ตายแทนสำนักกระบี่ทมิฬดูเหมือนจะมีไม่น้อยใช่หรือไม่ หากรองเจ้าสำนักกระบี่ทมิฬจริงใจต่อใต้หล้าและใส่ใจทุกคนอย่างแท้จริง กลับไม่สู้ทำร้ายคนให้น้อยลง คิดเช่นนี้น่าจะทำให้ได้ประโยชน์มากกว่าไม่น้อย”
คำพูดของหรงซิวทำให้มั่วอวิ๋นเป็นใบ้จนอะไรพูดไม่ออก
แน่นอนว่าเจ้าไม่ได้สนใจความเป็นความตายของคนที่ท่าเรือดอกท้อเหล่านี้เลย
เจ้าแค่เป็นกังวลว่าของที่พวกฉู่หลิวเย่วตามหามานาน แต่ไม่สามารถครอบครองได้ จะได้มันไปครองไว้เพียงคนเดียว!
ทว่าเหตุผลเช่นนี้ แน่นอนว่าพูดออกมาไม่ได้
มั่วอวิ๋นทำได้เพียงมีท่าทีกังวลใจอยู่อย่างนั้น
ลั่วเหยียนที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้าเคร่งขรึม และครุ่นคิดไปมาอยู่ในใจ
เห็นได้ชัดว่าที่มั่วอวิ๋นกังวลเช่นนี้ต้องมีสาเหตุอื่นเป็นแน่
หรือว่า…จะเป็นเพราะเปลวไฟที่อยู่บนเขานั่น?
หนานอวี่สิงเป็นผู้แข่งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว เหตุใดถึงสู้ไม่ชนะฉู่หลิวเยว่ที่มีร่างเป็นแค่ระดับเทพขั้นสูง
หรือว่าในช่วงเวลาอันสั้นนี้พละกำลังของฉู่หลิวเยว่มีระดับที่แข็งแกร่งขึ้นอีกแล้วอย่างนั้นหรือ
ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายติดอยู่ในสถานการณ์อับจนหนทาง มีคนเข้ามาจากทางด้านหลัง
ลมปราณนี้รู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้าง จึงทำให้หัวใจของลั่วเหยี่ยนสั่นไหวพลางหันกลับไปมองและรู้สึกมีความสุขขึ้นมาในทันที
หลายคนที่ตามมาต้องเป็นคนตระกูลหนานที่มาพร้อมพวกเขาก่อนหน้านี้!
ทางด้านหลังพวกเขายังมีคนของสำนักกระบี่ทมิฬ
แต่ทว่าในไม่ช้าลั่วเหยี่ยนก็พบว่าจำนวนคนผิดแปลกไป
เดิมทีมีผู้อาวุโสทั้งหมดมีแปดท่าน แต่ขณะนี้เหลือเพียงสี่ท่านเท่านั้น
ลั่วเหยี่ยนรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างมาก
เขาก้าวขึ้นมาด้านหน้าในทันที
เมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้จึงมองเห็นร่างของทุกคนเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดที่ไหลออกมา
ดูเหมือนพวกเขาได้ผ่านการต่อสู้กันมาอย่างดุเดือด
“เหตุใดถึงเหลือเพียงพวกท่านสี่คน คนที่เหลือล่ะ?”
ลั่วเหยี่ยนถามขึ้นด้วยความร้อนใจ
ผู้อาวุโสทุกท่านสบตากันด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“เช่นนั้นคนที่เหลือ ทั้ง…”
ลั่วเหยียนรู้สึกหวาดหวั่นใจขึ้นมา
อีกทั้งสี่คนที่ยังมีชีวิตอยู่ล้วนเป็นผู้แข่งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น
คิดไม่ถึงว่าแม้แต่พวกเขาก็มิอาจช่วยชีวิตใครไว้ได้…
เขาทนไม่ไหวจึงพูดขึ้นว่า
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ หากดูจากพลังของพวกเขาแล้ว แน่นอนว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเจ้า!”
ก่อนหน้าเขากับมั่วอวิ๋นไล่ตามาทางด้านนี้ หลังจากนั้นหรงซิวกับเฉิงอีก็ตามไปอย่างรวดเร็ว
แต่ซานซานและคนอื่นๆ กลับแยกกันไปสักพักหนึ่งถึงตามมา
ในเวลานั้นเขาคิดว่าคงเป็นเพราะพวกเขาใช้วิธีอะไรบางอย่างถึงได้รั้งคนของตระกูลหนานกับสำนักกระบี่ทมิฬเอาไว้ได้
ใครจะรู้…ว่าได้เอาชีวิตคนไปมากมายขนาดนั้น!
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความลำบากใจ
“ลั่วเหยี่ยน ท่านคงยังไม่ทราบทั้งหมด พวกเขาเป็นคนของสกุลเยว่ อีกทั้งมีวิถีค่ายกลที่แข็งแกร่งนัก!”
เมื่อลากคนเหล่านี้ของจวนเยว่ออกมาทีละคน แน่นอนว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจำนวนเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างพวกเขา
ใครเล่าจะรู้ว่าคนกลุ่มนั้นได้คิดกลอุบายเอาไว้ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว!
หลังจากหรงซิวและคนอื่นๆ จากไป พวกเขาไม่พูดอะไรกันสักคำเอาแต่กางค่ายกล!
วิถีค่ายกลนั่นช่างแปลกประหลาดนัก แม้ว่าพวกเขาและคนของสำนักกระบี่ทมิฬได้ร่วมมือกัน เพียงแต่ไม่ง่ายที่จะตีแตกได้
แต่ในทางกลับกันพวกเขาก็จ่ายในราคาสูงที่มากมายนัก
สำนักกระบี่ทมิฬก็เป็นเช่นนี้ แม้ว่าเป็นเพราะจำนวนผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขามีไม่มากนัก อาการบาดเจ็บของแต่ละคนก็ยิ่งร้ายแรงมากขึ้น
แต่ที่น่ารักเกียจที่สุดคือเมื่อพวกเขาติดกับอยู่ภายในวิถีค่ายกล อีกทั้งซานซานและคนอื่นๆ ที่จัดตั้งค่ายกลได้นำค่ายกลมอบให้ลูกน้องเหล่านั้นของจวนเย่ว จากนั้นพวกเขาก็จากไปในทันที!
นี่คือเหตุผลว่าทำไมซันซานและคนอื่นๆ ถึงได้มาเร็วกว่าพวกเขามาก
พูดได้ว่าพวกซานซานแทบจะไม่ออกแรงอันใดก็ทำให้พวกเขาถูกทำลายไปกว่าครึ่ง!
เมื่อลั่วเหยี่ยนได้ยินทั้งหมด เขาทั้งตกใจและโมโห ขณะเดียวกันยังรู้สึกหวาดกลัวในส่วนลึกที่มิอาจควบคุมได้
เขาอดไม่ได้จึงหันกลับไป
ขณะเดียวกันที่ซานซานและคนอื่นๆ ยืนอยู่ด้านข้างของเฉิงอีด้วยท่าทางเชื่อฟังแต่โดยดี
หลังจากเห็นคนเหล่านี้ที่ตามมาติดๆ ซานซานอดไม่ได้จึงส่งเสียงเบาๆ ขึ้น
ความเร็วที่ไหนกัน?
ในสถานการณ์ที่มีคนตายมากเช่นนั้น เขาพยายามพุ่งออกมาจากค่ายกลจนตามมาถึงที่นี่ได้ มิอาจกล่าวได้ว่าไม่เจ็บแค้น!
คำพูดนี้ของซานซานไม่ต่างไปจากการโรยเกลือลงบนปากแผลของพวกเขา
หน้าอกของลั่วเหยี่ยนสั่นไหวอย่างรุนแรง แต่ในขณะเดียวกันความคิดนับไม่ถ้วนกำลังพลุ่งพล่านอยู่ในใจของเขา
เมื่อเห็นท่าทางของคนเหล่านี้ แท้จริงแล้วพวกเขาไม่ได้สนใจผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เลย
ลั่วเหยี่ยนคิดแต่จะด่าสาดเสียเทเสีย ทว่ากลิ่นคาวเลือดรุนแรงทั่วทั้งร่างของคนที่อยู่ด้านข้าง แทบจะทำให้เขายากที่จะหายใจ
ไม่ได้หมายความว่าคนเหล่านี้มาจากนอกอาณาจักรเสิ่นซวี่ใช่หรือไม่?
เหตุใดถึงได้เก่งกาจเช่นนี้!
ลั่วเหยี่ยนคิดไม่ตก
หรงซิวไม่พูดอะไร แท้จริงแล้วการเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์และเกิดมาในฐานะโอรสของพระราชวังเมฆาสวรรค์ พรสวรรค์ทางสายเลือดบนตัวเขาเป็นที่เลื่องลือมานานถึงความแข็งแกร่ง
แต่…
ฉู่หลิวเยว่ล่ะ?
นางก็เป็นเทพขั้นสูงมิใช่หรือ!
ยังมีเหล่าผู้ติดตามของนางที่…นึกไม่ถึงว่าจะมีพลังที่เกินกว่าร่างตน!
เหตุใดคนที่เกี่ยวข้องกับนางล้วนไม่ธรรมดาเช่นนี้!
อีกด้านหนึ่งมั่วอวิ๋นกลับไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
เมื่อเห็นคนของสำนักกระบี่ทมิฬไล่ตามมา เขาจึงออกคำสั่งโดยไม่ลังเล
“สำนักกระบี่ทมิฬทุกคนจงฟัง! ตั้งค่ายกล!”
“ขอรับ!”
เมื่อมั่วอวิ๋นออกคำสั่ง ทำให้ทุกคนมิกล้าขัดจึงรีบทำตามในทันที
หากฉู่หลิวเยว่แยกภูเขาและดึงเปลวเพลิงสีน้ำเงินจากใต้เขามาได้ เช่นนั้นพลังของนางก็เป็นที่ประจักษ์อย่างน่าทึ่งกว่าข่าวลือที่แพร่ออกไปเสียอีก!
“มั่วหลิน!”
มั่วอวิ๋นเงยหน้าและตะโกนเสียงดังลั่น!
ใจของมั่วหลินสั่นระรัวจึงตอบกลับในทันที
“ขอรับ!”
มั่วอวิ๋นไม่ต้องออกคำสั่งอะไร เขาก็รู้ว่าต้องทำอย่างไร
“ทุกคน ตามมา!”
มั่วหลินยกมือขึ้นและนำทุกคนที่อยู่ด้านหลังมุ่งตรงไปหามั่วอวิ๋นและคนอื่นๆ ในทันที!
ค่ายกลของหรงซิวได้สกัดกั้นพวกเขาที่เข้ามา
เมื่อมองไปที่ม่านกั้นสีทองอ่อนๆ บนใบหน้าของมั่วหลินก็เผยร่อยรอยความลังเลขึ้นและพลันหายไปอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปชั่วครู่ เขาดึงกระบี่ออกมาและปาดลงบนฝ่ามือของตนเอง
ฟึบ!
เลือดสาดกระเซ็น!
จากนั้นทำให้พลังปราณที่พลุ่งพล่านผสมกับเลือดที่ไหลทะลักออกมา!
“สังเวยเลือด!”
ในขณะเดียวกันทุกคนที่อยู่ด้านหลังเขาจึงทำตามเขาพร้อมกัน!
………………..