ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1888 ฆ่าคนปิดปาก!
ตอนที่ 1888 ฆ่าคนปิดปาก!
………………..
เส้นลมปราณของกลิ่นคาวเลือกที่รุนแรงลอยคละคลุ้งในอากาศ
พลังทั้งหมดมารวมกัน!
ทันใดนั้นท้องฟ้ากลับมืดลงในทันที!
เมฆครึ้มนับไม่ถ้วนต่างมารวมกันจากทั่วทุกทิศทาง!
เดิมที่ท้องฟังยังคงสว่างสดใส เพียงครู่เดียวกับมืดครึ้มในทันตา!
ลมพักกระโชกแรง เสียงหวีดหวิวไม่ขาดสาย
ตู้ม!
เสียงระเบิดที่ดังกึกก้องไปทั่วเกิดขึ้นหลังจากที่เมฆครื้มมารวมกัน!
ทัณฑ์สวรรค์ราวกับงูสีเงินปรากฏวับวาบและแวกว่ายหายไปอย่างรวดเร็ว!
หรงซิวเงยหน้าขึ้นไปมองและหรี่ตาเรียวบางลงเล็กน้อย
สามารถทำให้เกิดทัณฑ์สวรรค์ภายในเวลาอันสั้นนี้จนได้เห็นถึงพลังอันแกร่งกล้า…
จู่ๆ สิบสามกลับคิดอะไรบางอย่างออกมาได้ ดวงตาจึงเบิกโพลงขึ้นและหันหน้าไปมองทางเฉิงอี
“พี่ใหญ่ นี่ไม่ใช่…”
นี่คือลมปราณที่สัมผัสได้ในวันนั้นที่ข้ามผ่านทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ แทบจะเหมือนกันทุกอย่างมิใช่หรือ
ในขณะนั้นแม้ว่าเขาจะยุ่งอยู่กับบุกทะลวง แต่สถานการณ์รอบๆ ก็ยังคงให้ความสนใจอยู่
ในวันนั้นนอกจากตัวเขาเองที่ทำให้เกิดทัณฑ์สวรรค์ที่ข้างนอกอยู่หลายครั้ง สำนักกระบี่ทมิฬและคนอื่นที่อยู่ไม่ไกลก็ทำให้เกิดทัณฑ์สวรรค์อยู่หลายครั้งเช่นกัน จึงทำให้เกิดการเคลื่อนไหวอย่างใหญ่โต
ขณะนั้นเขารู้สึกได้ลางๆ ว่าทัณฑ์สวรรค์ที่ทั้งสองฝ่ายเรียกมานั้นไม่เหมือนกันอยู่บางส่วน แต่กลับไม่ทันแยกได้ว่าจริงๆ แล้วต่างกันที่ตรงส่วนไหน
ทว่าเมื่อเห็นสถานการณ์นี้อีกครั้ง เขายังจำได้ในทันที สถานการณ์นี้ช่างเหมือนกับการเผชิญหน้ากันในวันนั้นก็ไม่ปาน!
สำนักกระบี่ทมิฬทำให้เกิดฟ้าร้องเพื่อโจมตีนายท่าน หัวใจสังหารนี้ช่างรุนแรงยิ่งนักจนทำให้พวกเขาลงมืออย่างเปิดเผย!
…
มั่วอวิ๋นในเวลานี้ไม่ได้สนใจมากมายเช่นนั้นแล้วจริงๆ
ในช่วงเวลาสองปีมานี้ทุกๆ เดือนสำนักกระบี่ทมิฬล้วนต้องเข้าสอบประเมินทุกครั้ง
แต่ละครั้งพวกเขาจะเลือกสถานที่ลับตาผู้คนโดยเฉพาะ และต้องแน่ใจว่าไม่มีคนนอกแอบลอบมองถึงจะเริ่มพิธีได้
ยามท้องฟ้าสว่างไสวเช่นนี้ท่ามกลางสายตาหลายคู่ ทำให้ดึงดูดความสนใจผู้คนจำนวนมากในพิธีสังเวยเลือดอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่เช่นนี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
มองดูฉู่หลิวเยว่ยังคงคิดที่จะแยกภูเขาต่อไป มั่วอวิ๋นจึงไม่กล้ารับรองได้จริงๆ ว่าหากปล่อยให้นางทำตามอำเภอใจเช่นนี้ต่อไป สถานการณ์ของนางจะก้าวต่อไปเช่นไร
ดังนั้นบัดนี้ ทำได้เพียงเดิมพันเท่านั้น!
แค่จัดการฉู่หลิวเยว่ก่อน พวกนี้ที่เหลือ…ค่อยๆ จัดการก็ยังได้!
เมื่อคิดเช่นนี้มั่วอวิ๋นจึงปาดฝ่ามือซ้ายของตนเองโดยไม่ลังเล!
เลือดไหลกระเซ็นออกมา!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวโหมกระหน่ำ!
ทุกคนของสำนักกระบี่ทมิฬที่อยู่ด้านหลังเขา แน่นอนว่าเริ่มลงมือที่ละคน!
ค่ายกลสีทองทั้งสองข้างมีเลือดนับไม่ถ้วนมารวมกัน แต่ละเส้นที่มารวมกันกลายเป็นลวดลายอักขระแปลกประหลาด
เป็นรูปแบบขอกระบี่โค้งจันทราทั้งคู่นั่นของสำนักกระบี่ทมิฬ!
มองดูจากระยะไกล เหมือนกับค่ายกลของหรงซิวกำลังแบ่งสีเลือดขนาดใหญ่นี้ออกเป็นสองส่วนจากจุดตรงกลาง!
พลังของทั้งสองด้านเข้ามาขนาบ ยิ่งทำให้ค่ายกลสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงกว่าเดิม!
ตู้ม!
ในที่สุดทัณฑ์สวรรค์เส้นแรกก็ฟาดผ่าลงมา!
ปัง!
ในขณะนั้นแสงสว่างก็กระจัดกระจายไปทั่วทุกทาง!
พลังอันบ้าคลั่งเข้าโจมจีทุกทาง!
รูปแบบสีเลือดของทั้งสองด้าน เริ่มมาร่วมกันที่ตรงกลาง!
…
ฉู่หลิวเยว่เพิ่งมาถึงยอดเขาอีกลูกจึงรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหว
นางเงยหน้ามองพลางขมวดคิ้วเล็กน้อยปรากฏความไม่พอใจขึ้นในแววตา
“คงหมดสิ้นแล้วจริงๆ…”
ในที่สุดคนของสำนักกระบี่ทมิฬมีปฏิกิริยากลับมาเช่นนี้ เพื่อวางแผนตัดสัมพันธ์กับนางอย่างสิ้นเชิงหรอกหรือ
“ซั่งกวนเยว่ บัดนี้ทุกคนล้วนต้องการขีวิตเจ้า! ข้าอยากดูว่าเจ้าจะหยิ่งผยองไปถึงเมื่อใด!”
หนานอวี่สิงเงยหน้ามอง และตระหนักได้ว่าที่สำนักกระบี่ทมิฬจัดฉากได้ใหญ่โตเช่นนี้ ก็เพื่อถึงเวลาที่จะฆ่าฉู่หลิวเยว่ เขาจึงอดไม่ได้ที่ได้แก้แค้นอย่างสาสม
ฉู่หลิวเย่วเหลือบมองเขาครู่หนึ่ง
“ลูกน้องพ่ายแพ้ ยังมีอารมณ์มาโห่ร้องอยู่ที่นี่อีกหรือ หากข้าเป็นเจ้าคงจะอับอายจนตายที่แพ้ให้กับผู้ฝึกตนขั้นหนึ่งที่ระดับกว่าตนเอง”
ทันใดนั้นสีหน้าของหนานอวี่สิงก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง
“เจ้า!”
“ก่อนหน้าที่ชีพจรเดิมของเจ้าถูกทำลายไปจนสิ้น หากว่ากันตามตรงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฟื้นคืนพลังกลับมาได้ทั้งหมด แต่กับเจ้า ไม่เพียงรักษาได้ทั้งหมดในเวลาอันสั้น และยังเลื่อนขั้นเป็นระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ได้…หนานอวี่สิง จริงๆ แล้วเจ้าไม่เคยคิดเลยหรือว่าสถานการณ์เช่นนี้ช่างน่าประหลาดเพียงใด”
คำถามของฉู่หลิวเยว่เหมือนเรื่องน่าขันเมื่อหนานอวี่สิงได้ยินเข้า
“ฮ่า! ที่ข้าฟื้นตัวได้แน่นอนว่าเป็นเพราะความโชคดีอย่างยิ่งใหญ่! อีกทั้งยังมีผู้สูงศักดิ์คอยช่วยเหลือ! แน่นอนว่าคนที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อยเช่นเจ้า คงไม่มีคุณสมบัติพอได้พบเจอหรือแม้แต่ได้ยินคงไม่เคยมีมาก่อนอย่างแน่นอน!”
“เป็นความจริงที่ข้าไม่เคยพบคนสูงศักดิ์เช่นนี้ แต่ว่า…ฐานะเป็นเซียนหมอ ข้าเคยได้ยินวิธีหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนคนพิการให้กลายเป็นคนมีพรสวรรค์ได้อย่างรวดเร็ว มิรู้ว่าเจ้าสนใจฟังหรือไม่”
เดิมทีหนานอวี่สิงไม่ต้องการพูดเรื่องไร้สาระมากมายเช่นนั้นกับชูหลิวเยว่
แต่รอยยิ้มที่อธิบายไม่ได้บนหน้าของหน้านั้นกลับทำให้ใจของเขาสั่นระรัวอย่างบอกไม่ถูก
“ใครอยากฟังเจ้าพูดไร้สาระ!”
เขาพูดด้วยเสียงเย็นชา
ฉู่หลิวเยว่กลับสนใจท่าทีของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ นางเลิกคิ้วและพูดขึ้นในทันที
“หนาอวี่สิง ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า ตั้งแต่ที่เจ้ากับข้าเริ่มต่อสู้กัน ข้าก็สัมผัสได้ว่าลมปราณบนร่างกายของเจ้า…ช่างคุ้ยเคยยิ่งนัก”
หนานอวี่สิงหัวเราะอย่างเรียบเย็น
“เจ้ากับข้าต่างเคยรู้จักกันในอาณาจักรเสิ่นซวี่มาก่อน เจ้าย่อมคุ้นเคยดีว่าสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องปกติอย่างที่ผ่านมาแล้วใช่หรือไม่”
ฉู่หลิวเย่วหัวเราะเยาะและพูดขึ้น
“ความคุ้นเคยที่ข้าพูดถึงไม่ใช่ลมปราณของท่านอย่างแน่นอน”
หัวใจของหนานอวี่สิงเต้นแรง!
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยถามต่อว่า
“หนานอวี่สิง เจ้าไม่ได้รู้สึกอันใดเลยแม้แต่น้อยจริงๆ หรือชีพจรเดิมของเจ้า…ช่างแตกต่างกับชีพจรเดิมของเจ้าเมื่อก่อนนี้ ข้าไม่เชื่อว่าแม้แต่สิ่งนี้เจ้าจะไม่รู้สึกตัวเลยจริงๆ?”
จู่ๆ ขาทั้งคู่ของหนานอวี่สิงก็อ่อนลงพลางถอยกลับไปอย่างควบคุมไม่ได้
สีหน้าของเขาซีดขาว
“จะ…เจ้ากำลังพูดถึงสิ่งใด! ข้าไม่เข้าใจ! เจ้าอย่ามาสร้างเรื่องโกหกที่นี่นะ! ซั่งกวนเยว่! เจ้า…”
“เป็นข้าที่สร้างเรื่องโกหก หรือเป็นเจ้าไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง…เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดรู้ดีไปกว่าเจ้าแล้วกระมัง?”
ขณะที่ฉู่หลิวเยว่ขัดจังหวะคำพูดของเขา ทุกๆ คำล้วนเหมือนมีดแหลมคมแทงเข้าไปในใจของเขาอย่างแรง!
“หากว่าจำไม่ผิด แม้ว่าหนานอีอีจะถูกตัดลิ้นขาด แต่ชีพจรเดิมในร่างยังคงสมบูรณ์…ถ้าหากนำมันออกมาและใส่เข้าไปในร่างอื่น เมื่อเข้าไปหลอมรวมกันก็นับว่าไม่สูญเปล่า…”
คำพูดทุกคำที่ฉู่หลิวเยว่พูดออกมามากมาย ทำให้ใบหน้าของหนานอวี่สิงซีดขาวลงไปหนึ่งส่วน
ริมฝีปากของเขาสั่นระรัว พลางปฏิเสธพึมพำอยู่ในปาก
แต่ทว่าในใจของเขากลับมีการดาดเดามากมายนับไม่ถ้วนที่ท่วมท้นออกมาจนมิอาจควบคุมได้
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนเองจะฟื้นคืนชีพจรเดิมได้อย่างไร
แต่ท่านพ่อบอกแต่เพียงว่าได้ขอความช่วยเหลือจากผู้วิเศษท่านหนึ่ง เขาจึงเชื่อมั่นโดยไม่ลังเล
อันที่จริง…
ในใจของเขาไม่มีข้อสงสัยแม้แต่น้อยเลยจริงๆ หรือ
แน่นอนว่าต้องมี!
เพียงแต่การคาดเดาเช่นนั้นช่างน่ากลัวเกินไป เขาจึงไม่กล้าคิดไปทางนั้นเสียทั้งหมด!
เขาเอาแต่พูดถึงการแก้แค้นเพื่อหนานอีอี ราวกับว่ามีเพียงแค่วิธีนี้เท่านั้นที่สามารถทำให้หัวใจที่กระสับกระส่ายสงบลงได้บ้าง
ทว่าในขณะนั้นคำพูดของฉู่หลิวเยว่ จนสุดท้ายฟางเส้นสุดท้ายก็ถูกเผยออกมา!
“หนานอวี่สิง ชีพจรเดิมของน้องสาวตนเอง จะใช้อย่างราบรื่นได้อย่างใด”