ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1889 ช่วงเวลาแห่งความสนุก
ตอนที่ 1889 ช่วงเวลาแห่งความสนุก
………………..
ประโยคอันบางเบาของฉู่หลิวเยว่ ราวกับลูกศรอาบยาพิษที่ทิ่มแทงเข้าไปในจิตใจของหนานอวี่สิง!
เขาก้าวถอยไปด้านหลังสองสามก้าวอย่างไร้ความหมายจนแทบจะล้มทั้งยืน!
“จะ…เจ้าพูดบ้าอันใด!”
เขาตะโกนกลับด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม!
“เจ้าจะไปรู้อันใด เจ้าน่ะ ไม่รู้อันใดเลย! มีสิทธิ์อันใดถึงมาพูดเรื่องไร้สาระที่นี่!”
เพราะเขาตื่นตกใจจนทำให้เสียงที่เปล่งออกมาทั้งแหบแห้งและแหลมคม สายตาดุดันจ้องมองฉู่หลิวเยว่ด้วยความโกรธ เหมือนมีเปลงไฟลุกโชนอยู่ในตาของเขา!
ดูเหมือนเขาแทบจะทนไม่ไหวที่จะฆ่าฉู่หลิวเยว่ ทั้งอยากเฉือนเนื้อและอยากเลาะกระดูกของนางออกมา!
มุมปากของฉู่หลิวเยว่ยกขึ้น แต่หางตาและปลายคิ้วกับไม่เผยรอยยิ้มอยู่เลย มีเพียงความเย็นชาเท่านั้น
“ข้าก็เพียงแต่ถามเจ้าเท่านั้น ยังไม่ได้พูดอันใดเลย หากเป็นเรื่องโกหก เจ้าจะตื่นตกใจอันใดขนาดนี้ หนานอวี่สิง น้องแท้ๆ ของเจ้า หนานอีอี แท้จริงแล้วนางตายด้วยน้ำมือของใครกันแน่น มิเช่นนั้นเจ้าลองถามตัวเจ้าเองดู หรือ…ลองถามท่านพ่อคนดีของเจ้าดูสิ!”
หนานอวี่สิงทรุดลงทันที
เขาคิดที่จะเพิกเฉยต่อคำพูดเหล่านั้นของฉู่หลิวเยว่ แต่ทว่าคำพูดเหล่านั้นกลับเหมือนเรื่องบ้าๆ ที่ดังก้องอยู่ในหัวของไม่หยุด
ในขณะนั้นคำถามมากมายนับไม่ถ้วนผุดเข้าในใจ
ไม่ใช่ว่าไม่มีสงสัย…ไม่ใช่ว่าไม่อยากถาม…
แต่เขาจะกล้าไปถามจริงๆ ได้อย่างไรกัน
เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าตนเองฟื้นฟูชีพจรเดิมได้อย่างไร!
ตู้ม!
ขณะที่หนานอวี่สิงกำลังสับสนอยู่นั้น เปลวไฟสีน้ำเงินสลัวขึ้นผุดขึ้นมาจากใต้ร่างของเขาได้ ทันใดนั้นมันเปลี่ยนเป็นแส้ยาวและมุ่งตรงเข้าไปมัดตัวเขาไว้แน่น!
ประกายไฟแตกกระจายไปทั่วทุกทางในชั่วพริบตา!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวและเพลิงไหม้ระเบิดโจมตีเข้าที่ร่างของหนานอวี่สิงอย่างต่อเนื่อง!
เงาร่างของเขาถูกล้อมไปด้วยเปลวไฟที่ระเบิดขึ้นในทันที!
“คุณชายใหญ่!”
ลั่วเหยี่ยนและคนอื่นๆ เห็นเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ต่างตื่นตกใจจนพูดไม่ออก!
เพราะระยะห่างจึงทำให้พวกเขาไม่ได้ยินไม่ค่อยชัดว่าฉู่หลิวเยว่และหนานอวี่สิงพูดอะไรกันบ้าง
จากที่พวกเขาเห็นคือทั้งสองคนคุยกันอยู่สองสามประโยค หลังจากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ลงมือทันที!
นี่คือการลอบโจมตี!
แต่หนานอวี่สิงคือเทพศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็สามารถหลบออกไปได้อย่างแน่นอน!
เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกับเขา
“เร็ว! รีบพานายน้อยกลับมา!”
ลั่วเหยี่ยนรีบออกคำสั่ง ร่างทั้งหมดขยับตัวในเวลาเดียวกันและมุ่งตรงไปทางหนานอวี่สิง
ผู้อาวุโสทั้งสี่ที่อยู่ด้านหลังเขาต่างตามขึ้นไปอย่างรีบร้อน
แต่ยังทันรอรอให้พวกเขามาถึง แสงวาบของทัณฑ์สวรรค์ก็ฟาดลงมาจากบนฟ้า!
โดยที่เป้าหมาย…พุ่งไปทางฉู่หลิวเยว่!
ผลกระจากการได้รับพลังจากทัณฑ์สวรรค์ในวันนั้น ทำให้ลั่วเหยี่ยนและหลายๆ คนถูกบังคับให้หยุดลงในชั่วขณะ
เมื่อเห็นได้ตำแหน่งของทัณฑ์สวรรค์ที่ตกลงมาได้อย่างชัดเจน ดวงตาของลั่วเหยี่ยนเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจในทันที
หนานอวี่อยู่ตรงที่ระยะห่างจากฉู่หลิวเยว่อย่างไม่เต็มใจ หากทัณฑ์สวรรค์โจมตีต่อไปเช่นนี้ หนานอวี่สิงจะถูกโจมตีอย่างหนักเป็นแน่!
เขาหันกลับมาในทันทีและตะโกนใส่มั่วอวิ๋นว่า
“รองเจ้าสำนักมั่ว! ข้าคุณชายใหญ่ตระกูลหนานยังอยู่ทางด้านนั้น เหตุใดท่านถึงลงมือบุ่มบ่ามเช่นนี้!”
ถูกเปลวไฟนั่นกลืนกินก็ยุ่งยากพออยู่แล้ว
สุดท้ายผลที่ตามมามิอาจจินตานาการได้เลย!
เมื่อมั่วอวิ๋นได้ยินเข้าจึงขมวดคิ้วขึ้นอย่างเรียบเย็น
คนที่ผู้เราต้องการฆ่าคือ ซั่งกวนเยว! ตัวเขาเองต้องการจะไปตรงนั้นให้ได้ แล้วจะโทษใครได้เล่า? ในเมื่อรู้ตัวว่าไม่มีความสามารถ ก็ควรรีบออกไปให้พ้นสะ!
ก่อนหน้านี้หนานอวี่สิงไล่ตามฆ่าฉู่หลิวเยว่มานานแล้ว สุดท้ายไม่เพียงแต่ไม่สามารถหยุดนางไว้ได้ กลับปล่อยให้นางเปิดยอดเขาหลายลูกนี้อีก
มั่วอวิ๋นไม่พอใจกับสิ่งนี้อย่างมาก!
จริงๆ แล้วเขาไม่ได้สนใจคุณชายน้อยตระกูลหนานที่ไร้ประโยชน์ผู้นี้เลย
เห็นว่าเขาเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์มีพลังต่อสู้ที่แท้จริง แม้แต่ฉู่หลิวเยว่ที่เป็นแค่เทพชั้นสูงก็ยังสู้ไม่ได้!
ที่เขารอตรงนั้น แท้จริงแล้วก็เป็นเรื่องพลังแห่งสวรรค์ของทุกคนก็เท่านั้น!
มั่วอวิ๋นในเวลานี้มีสภาพอารมณ์ที่อ่อนไหวอย่างมาก จึงเป็นธรรมดาที่คำพูดดูไม่เกรงใจนัก
อันที่จริงหากหนานอวี่สิงตายด้วยเหตุนี้ เขาก็ไม่ได้สนใจเลยสักนิดเดียว
ขณะที่พูดออกมาสีหน้าของผู้อาวุโสหลายท่านของตระกูลหนานก็เปลี่ยนไปทั้งหมด
พันธมิตรที่ทุกคนพูดเอาไว้อย่างดี สุดท้ายตอนนี้เจ้ากลับพูดถ้อยคำเช่นนี้ออกมา!
พันธมิตรเช่นนี้ ยังมีความหมายอันใด!
หนานอวี่สิงเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหนาน จึงเป็นผู้สืบทอดตระกูลเพียงคนเดียวของหนานอีฝานในตอนนี้
ก่อนหน้านี้ร่างกายของเขาบาดเจ็บสาหัส เกือบจะไร้ประโยชน์เสียแล้ว
มิรู้ว่าหนานอีฝานใช้ความพยายามไปมากเพียงใด ถึงทำให้เขาฟื้นคืนพลังกลับมาได้ใหม่ อีกทั้งยังได้เลื่อนขั้นเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์อีก
ถ้าหากวันนี้มีการสูญเสียขึ้นที่นี่ เมื่อพวกลั่วเหยี่ยนกลับไปคงไม่มีทางอธิบายได้แน่!
“มั่วอวิ๋น! เจ้าอย่าเกินไปหน่อยเลย! พวกเราก็ต้องการฆ่าซั่งกวนเยว่เช่นเดียวกัน แต่ถ้าเจ้ายังทำเช่นนี้ต่อไป อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
ลั่วเหยี่ยนไม่ได้ต้องการเปิดศึกกับมั่วอวิ๋นในตอนนี้ ทว่าฝ่ายตรงข้ามกลับทำเกินไปแล้วจริงๆ!
นับประสาอะไร…แค่หนานอวี่สิงคนเดียว?
การสู้กันในครั้งนี้ ในสายตาของซานซานและคนอื่นๆ กลับมองเป็นเรื่องที่น่าขันยิ่งนัก
“วันนี้ได้ความรู้เพิ่มจริงๆ ก่อนหน้าเมื่อครู่นี้ยังพูดว่าต้องการร่วมมือกัน แต่ชั่วครู่ต่อมาก็กลับเผชิญหน้ากลายเป็นศัตรูกัน…ช่างเป็นเรื่องที่น่าสนใจจริงๆ!”
อู่เหยาทอดถอนใจขึ้นมาอย่างจริงจัง
พวกเขาทางด้านนี้ยังไม่ทันได้ลงมือ สำนักกระบี่ทมิฬและตระกูลหนานก็ลุกขึ้นมาด้วยตนเอง
น่าขันเสียงจริง
ซานซานโบกมืออย่างไม่เห็นด้วย
“เรื่องปกติ ไม่ต้องสนใจ”
สองตระกูลนี้เดิมทีล้วนไม่ได้มีเจตนาดีอันใด ที่กลายเป็นเช่นนี้ได้ก็เป็นความคาดหวัง
“พี่ใหญ่ พวกเราจะลงมือดีหรือไม่”
เขามองไปทางเฉิงอี
เฉิงอีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและมองไปทางหรงซิว
“ฝ่าบาทคิดว่า…”
หรงซิวเงยหน้ามองฉู่หลิวเยว่ครู่หนึ่ง ริมฝีปากบางยกขึ้นเล็กน้อย
“ไม่รีบ นางยังเล่นสนุกไม่พอ”
รอสักพักปล่อยให้นางมีความสุขไปก่อนแล้วค่อยลงมือก็ไม่สาย
………………..