ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1890 สังหารฉู่หลิวเยว่!
ตอนที่ 1890 สังหารฉู่หลิวเยว่!
………………..
เฉิงอีพยักหน้า
หลังจากหลายคนที่เหลือได้ยินข่าว ต่างสบตากันและมองไปทางนายท่านของตนเองอย่างควบคุมไม่ได้
ขณะที่นางแกว่งกระบี่ขึ้นอีกครั้ง!
ตู้ม!
เปลวไฟสีน้ำเงินบางๆ อีกดวงประทุออกมาจากใต้ภูเขาหินจนเปิดเป็นรอยแตก
เปลวไฟลุกโชนและปรากฏออกมายิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้ท้องฟ้าที่มืดมนเหมือนกับเพลิงพรายที่ลุกไหม้เป็นกลุ่มสลัวๆ บนเมฆดำหนาทึบที่ย้อมด้วยสีน้ำเงินเล็กน้อย
ทว่าร่างนั้นที่งดงามและเบาะบางกลับคล่องแคล่วอย่างมาก ราวกับภูตที่ผ่านเข้าไปในหุบเขา และลอยไปมาอย่างต่อเนื่อง
เปลวไฟเหล่านั้นเหมือนเชื่อฟังและเข้าใจความตั้งใจของนางเป็นอย่างดีจึงเต้นไปมาตามกัน!
“นายท่านยอดเยี่ยมจริงๆ!”
อวี๋จิ่วอดไม่ได้จึงกล่าวเชยชมขึ้น
“สำนักกระบี่ทมิฬเพียงเพื่อยอดเขาหลานชิงนั่นจึงไม่รู้ว่ามีคนบาดเจ็บล้มตายไปเท่าใด ทว่านายท่านไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้เลย…ข้าดูสถานการณ์ของนายท่านแล้วต้องการเปิดท่าเรือดอกท้อทั้งหมดขึ้นมาจริงๆ สินะ!”
“ฝีมือของนายท่าน เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่สามารถเทียบกับคนอื่นได้อย่างแน่นอน”
อู่เหยาลูบคางไปมาและมองดูทัณฑ์สวรรค์บนท้องฟ้าที่มารวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง
เดิมทีเขายังมีความกังวลอยู่บ้างเล็กน้อย แต่เห็นท่าทางของพวกพี่ใหญ่เหมือนไม่ได้สนใจอะไรมากนัก…ใจของเขาจึงสงบนิ่งลง
สือฟังมองดูคนมากมายและมองไปยังความว่างเปล่าบริเวณรอบๆ ที่พังทลายลงอย่างต่อเนื่อง เขาถูมือไปมาพลางเอ่ยด้วยเสียงกระซิบว่า
“ต่างพูดกันว่าท่าเรือดอกท้อทั้งวุ่นวายและว่างเปล่า บัดนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนี้เสียแล้ว…”
มีเพียงการต่อสู้ที่ดุเดือดขึ้นจึงทำให้มิติพลังทางด้านนี้เริ่มโกลาหลขึ้น ความผันผวนนับไม่ถ้วนต่างปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่ง…
หากสถานการณ์ยังเลวร้ายเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าจะไม่ดีเป็นแน่…
สิบสามมองที่ตาของเขาด้วยความประหลาดใจ
สือฟังบุ้ยปาก
“ความว่างเปล่าผืนนี้…เกรงว่าใกล้จะแตกสลายลงแล้ว…”
“ข้ารู้!”
สิบสามพยักหน้าด้วยความประหลาดใจ
แม้ว่าขั้นพลังปราณของเขาจะสู้พวกพี่ใหญ่มิได้ แต่เพราะติดตามพวกเขามาหลายปี ทั้งได้เห็นและได้ยินอะไรมามากมาย ดังนั้นโลกที่มองเห็นช่างต่างกันเป็นธรรมดา
เขาก็ชัดเจนอย่างมากว่าสิ่งนี้หมายถึงอะไร
แต่ว่า…
“ไม่ใช่เพราะมีนายท่านกับพี่ใหญ่อยู่หรอกหรือ”
สิบสามกลอกตาไปมาและกระแอมเสียงขึ้น
“อีกทั้ง…พลังที่เหลือยังแข็งแกร่งอย่างมาก…”
เหตุใดถึงมีคนอยู่มากมายเช่นนี้ อันที่จริงเข้าคิดว่าคงไม่มีอันใดต้องกังวลนัก
“ถ้าหากไม่มีความมั่นใจอย่างแท้จริงแล้ว นายท่านจะอยู่ที่นี่ต่อได้เช่นไร”
ว่ากันตามนิสัยของนายท่านแล้ว สถานที่ที่ไม่ปลอดภัย…นางไม่มีทางอยู่ได้นานหรอก!
สือฟังชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้งจึงคิดอย่างรอบคอบอีกครั้งและคิดว่าก็มีเหตุผลอยู่มากทีเดียว
“ก็ใช่นะสิ!”
ไม่ว่าอย่างไรนายท่านก็ผ่านศึกมานับร้อย ไม่มีทางไม่รู้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ในตอนนี้
สถานการณ์ในตอนนี้นางกลับเลือกอยู่ที่นี่…
สามารถพิสูจน์ได้ว่าที่แห่งนี้จะต้องมีสิ่งที่สำคัญอย่างมากกับนาง!
ตู้ม!
ฟาดลงไปตรงฉู่หลิวเยว่อย่างหนัก!
แทบในจะในเวลาเดียวกันที่ฉู่หลิวเยว่กระโดดขึ้นไปบนหลังของถวนจื่อพอดี!
นางหายใจอย่างโล่งอก!
ถวนจื่อกระพือปีกบินไปบนยอดเขาอีกลูกอย่างรวดเร็ว!
เปลวไฟลูกใหญ่เริ่มลุกไหม่อยู่บนยอดเขาด้านหลังพวกนาง!
มองจากไกลๆ เปลวไฟนั่นแทบเหมือนวิหคเพลิงที่เผาไหม้และกลับมาเกิดใหม่!
…
“สมควรตาย!”
มั่วอวิ๋นโมโหมอย่างดุเดือด
การปรากฏขึ้นของการสังเวยเลือดที่พวกเขาไม่ได้สนใจไยดี กลับทำให้ฉู่หลิวเยว่ไร้หนทาง!
ความเร็วของหงส์ทองคำตัวนั้น ช่างรวดเร็วยิ่งนักจริงๆ!
“ไปต่อ!”
มั่วอวิ๋นออกคำสั่งจนเสียงแหบแห้งราวกับคนบ้า
ฉู่หลิวเหยว่หลบหนีจากน้ำมือของเขาอยู่หลายครั้งหลายหน จนทำให้เขาโมโหอย่างมาก!
เขาโคจรพลังลมปราณเดิมได้อย่างรวดเร็ว และกระตุ้นด้วยการสังเวยเลือด!
เสาเทพยดาเต็มไปด้วยเลือดราวกับทะเลเลือดก็ไม่ปราณทอดยาวไปกว่าครึ่งแผ่นฟ้า
กลิ่นคาวเลือดอันรุนแรงแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วระหว่างโลกและสวรรค์ แทบหายใจไม่ออก!
เจตนาสังหารที่ดุเดือดพุ่งพล่านอย่างไร้เหตุผล!
เสียงฟ้าร้องอันทรงพลัง!
เสียงฟ้าร้องอึมครึมอย่างรุนแรง ฟาดผ่าลงมาจากเมฆก้อนหนาจนทุกคนได้ยินเสียงดังอย่างชัดเจน
ทำให้ผู้คนจิตใจสั่นไหว!
เสียงดังกึกก้องแผ่กระจายไปกว้างไกลทั่วทั้งฟ้าดิน!
ลมโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง!
มิติที่ผิดรูปยิ่งมากขึ้นกว่าเดิม!
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองอย่างฉับไว
สีดำขลับราวกับหมึกดำที่กดทับแสงสะท้อนของแสงไฟระยิบระยับนั่นของเขาเอาไว้
นางค่อยๆ ลูบหัวของถวนจื่อไปมา
ถวนจื่อเข้าใจความหมายและหยุดลงในทันที
ในขณะที่พวกนางหยุดลงที่ยอดเขาลูกหนึ่ง
ทัณฑ์สวรรค์เส้นนั้นก็มาถึงพอดี!
ระยะห่างของทั้งสองฝ่ายถูกดึงเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าเล็กน้อยและขยับข้อมือลง แต่ขาทั้งสองกลับขยับไม่ได้ ทำได้เพียงเงยหน้าขึ้นไปมองทัณฑ์สวรรค์ได้เท่านั้น
เส้นผมดำขลับของนางถูกสายลมพัดผ่านจนพลิ้วไหวไปตามลม!
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้แล้ว ทุกคนแทบตื่นตกใจกันหมด
มั่วหลินขมวดคิ้วและบ่นพึมพำด้วยเสียงทุ้มต่ำอย่างอดไม่ได้ขึ้นว่า
“นางบ้าไปแล้วหรือ!”
ในเวลาเช่นนี้คงสายเกินไปที่จะหลบหนี จู่ๆ นางก็หยุดลงเช่นนั้นหรือ!
นี่มันเรื่องโง่สิ้นดีหรือว่านางรู้ตัวว่าหนีไม่พ้นแล้ว ดังนั้นจึงยอมแพ้ง่ายๆ เช่นนี้หรอกหรือ
แต่ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นแบบใด ตอนนี้พฤติกรรมเช่นนี้ล้วนรนหาที่ตายทั้งสิ้น!
มั่วอวิ๋นตกใจไปครู่หนึ่ง ต่อมาจึงยิ้มเยาะเสียงดังออกมาพลางกล่าวว่า
“ดูแล้วคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วจริงๆ สินะ…”
แต่ตอนนี้ตัวนางไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว…
จะโทษคนข้างๆ ก็ไม่ได้!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้มั่วอวิ๋นจึงหันไปมองหรงซิวและความสงสัยได้ผ่านเข้ามาในสายตาที่เย็นชาของอินอู้
ฉู่หลิวเยว่คือพระชายาของหรงซิว และยังได้ยินข่าวลือว่าเขาโปรดปรานเอาใจพระชายาองค์นี้ยิ่งกว่าอะไรดี
แม้แต่ท่านประมุขและผู้อาวุโสหลายท่านที่พระราชวังเมฆาสวรรค์เขายังล่วงเกินอย่างไม่ลังเล เพื่อให้ได้แต่งงานกับนางจนสำเร็จ
หากว่ากันตามเหตุผลแล้วเมื่อเห็นฉู่หลิวเยว่ตกอยู่ในอันตราย เขาควรจะเป็นห่วงและกังวลออย่างมาก
แต่ขณะที่เขามองขึ้นไป ดูเหมือนไม่ได้กังวลเลยหรือ
ยังมีเฉิงอีและคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านข้างเขา
นึกไม่ถึงว่าก็ตามเขาไปด้วยและยื่นอย่างนิ่งเฉย โดยไม่ทำอันใดเลยหรือ
พวกเขาช่างโง่เหมือนกันเช่นนี้หรือ
ทว่าความสงสัยและไม่เข้าใจเช่นนี้ ได้แวบผ่านเข้ามาในใจของมั่วอวิ๋น
ทัณฑ์สวรรค์ที่ฟาดลงมาเสียงดังสนั่น มันดึงความสนใจของเขาไปอย่างรวดเร็ว
เขาเบือนหน้าไปและมุ่งความสนใจไปที่ฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง
ทันใดนั้นเสียงคำรามของทัณฑ์สวรรค์ที่ดังกึกก้องและสายฟ้าที่สว่างวาบอย่างยิ่งตกลงมา! มันฟาดลงมาอย่างแม่นยำบนยอดเขาที่ฉู่หลิวเยว่อยู่พอดี!
เสียงแยกของภูเขาแตกหักลงมา!
บนภูเขาหลักปรากฏรอยแตกขนาดใหญ่!
ยอดเขาส่วนใหญ่เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้น!
ในขณะเดียวกันกับที่เปลวไฟสีน้ำเงินอีกลูกพวยพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วจากยอดเขา!
สายฟ้าและเปลวไฟผสานกับพลังของทั้งสองฝ่ายต่างต่อสู้กันอย่างดุเดือด!
เงาที่ยื่นตระหง่านราวกับต้นส้นเหล่านั้นก็ถูกกลืนกินหายไปในที่แห่งนี้!
มุมปากของมั่วอวิ๋นยิ้มเยาะขึ้น
ทัณฑ์สวรรค์ที่เกิดจากการสังเวยเลือดนั้นช่างแกร่งกล้าและทรงพลังอย่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!
แม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ล้วนต้องระวังการโจมตีกลับ นับประสาอะไรกับเทพขั้นสูงอย่างฉู่หลิวเยว่ผู้นี้กันเล่า
ครั้งนี้…นางต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
ครู่ต่อมามีร่างหนึ่งจู่ๆ ก็พุ่งออกมาจากเปลวไฟนั่น มุ่งตรงไปบนท้องฟ้า!
ในที่สุดรอยยิ้มของมั่วอวิ๋นก็แข็งค้างอยู่บนใบหน้า!
………………..