ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1892 เบาะแส
ตอนที่ 1892 เบาะแส
………………..
เปรี้ยง!
ยอดเขาสูงหลายลูกได้รับแรงกระแทกอย่างหนัก ภูเขาสั่นสะเทือน ก้อนหินร่วงหล่น!
รอยแตกขนาดกว้างใหญ่บนภูเขาเชื่อมต่อกันเป็นแนวยาว!
หลังจากนั้นกองเปลวไฟพวยพุ่งออกมาจากรอยแตกเหล่านั้น!
อุณหภูมิภายในสวรรค์และโลกเพิ่มสูงขึ้นในชั่วพริบตา!
ในไม่ช้าแสงสว่างหลายสายพุ่งออกมาจากในเปลวไฟที่ลุกโชนอย่างดุเดือดนั่น! การผสานกันระหว่างทัณฑ์สวรรค์และแสงไฟที่มุ่งตรงไปหาฉู่หลิวเยว่!
ปัง!
โล่ดำขึ้นกำบังด้านหน้าร่างของนาง เพื่อสกัดกั้นพลังที่บ้าคลั่งเหล่านั้นทั้งหมด ขณะเดียวกับที่รอยสนิมเริ่มหลุดลอกออกมามากขึ้นเรื่อยๆ!
แสงเรือนรองบางๆ หายวับไปอย่างรวดเร็ว!
ในที่สุดตัวอักษรลับด้านบนเริ่มค่อยๆ ปรากฏให้เห็นลักษณะแท้จริงของมัน!
พลังโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวทำให้แขนของฉู่หลิวเยว่ชาขึ้นอย่างรวดเร็ว
อีกทั้งโล่ดำยิ่งพยายามต้านอย่างสุดกำลังจึงทำให้แบกภาระของนางกลายเป็นยิ่งหนักมากขึ้นเรื่อยๆ
โชคดีที่มีถวนจื่ออยู่ จึงไม่ทำให้ความเร็วของนางลดลงมากเกินไป
หนึ่งคนกับหนึ่งอสูรจึงทะยานไปรอบๆ ในเขาหลินได้เช่นนี้
ในเวลาไม่นานยอดเขาทั้งหมดถูกทัณฑ์สวรรค์ทำลายจนแตกกระจาย
เมื่อมองออกไปไกลเห็นถึงความยุ่งเหยิงวุ่นวายไปทั่ว
เปลวไฟสีน้ำเงินนับไม่ถ้วนกำลังเผาไหม้อยู่บนยอดเขาแทบสะท้อนเกือบครึ่งท้องฟ้า!
ลมปราณที่เผาไหม้อย่างเดือดพล่านปะทะเข้าที่หน้า!
แม้จะอยู่ห่างจากเปลวไฟดวงใหญ่ระยะหนึ่ง แต่ทุกคนยังรู้สึกถึงไฟแผดเผาที่ขึ้นมาบนหน้า!
หนานอวี่สิงยังติดอยู่ในเปลวไฟกลุ่มนั้นจวบจนถึงตอนนี้ก็ยังออกมาไม่ได้เลย และไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง…
เขาตั้งมั่นในใจหากก้าวเท้าออกไปแล้วก็ต้องมุ่งไปข้างหน้า
ผู้อาวุโสหลายท่านที่อยู่ด้านหลังรั้งเขาไว้ในทันที
“ลั่วเหยี่ยน! เจ้าจะทำอันใด!”
ลั่วเหยี่ยนขมวดคิ้วพลางเอ่ยขึ้น
“คุณชายใหญ่ยังติดอยู่ตรงนั้น! หากให้ข้ารอโดยไม่ทำอันใด กลัวว่าคุณชายใหญ่มิอาจรอดกลับมาได้!”
ผู้อาวุโสหลายท่านมองหน้ากันไปมา
จริงๆ แล้วเรื่องเช่นนี้พวกเขาไม่รู้อย่างนั้นหรือ
แต่ว่า…
“แท้จริงแล้วสถานการณ์ในตอนนี้ช่างอันตรายยิ่งนัก หากท่านไปโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน เกรงว่าไม่เพียงแต่จะช่วยเขาไม่ได้แล้ว ยังทำให้ตนเองตกอยู่ในอันตรายอีกด้วย! ข้าว่าพวกเราควรคิดหาทางอื่น…”
“ทางอื่นอย่างนั้นหรือ ตอนนี้พวกเจ้ายังมีวิธีอื่นที่ได้ผลอยู่อีกอย่างนั้นหรือ”
ลั่วเหยี่ยนถามกลับไป
ผู้อาวุโสที่กำลังห้ามปรามเข้าพลันหยุดพูดลงในทันที
ผู้อาวุโสหลายท่านที่เหลือต่างลำบากใจ
ลั่วเหยี่ยนกวาดตามองทุกคนด้วยสายตาไม่แยแส
“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะไปเอง!”
หนานอวี่สิงเป็นทายาทคนเดียวของตระกูล ก่อนที่เขาออกมาในครั้งนี้ท่านประมุขได้กำชับเขาอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าอย่างไรต้องปกป้องเขาให้ได้
บัดนี้หนานอวี่สิงกำลังลำบากและเผชิญกับความเป็นความตาย ลั่วเหยี่ยนจะเพิกเฉยไม่สนใจได้เช่นไร
แม้รู้ว่าเส้นทางนี้อันตราย เขาก็ต้องไปอย่างแน่นอน!
ในเวลานี้อันที่จริงไม่จำเป็นต้องสงสัยในเหตุการณ์เช่นนี้
ต่อให้รู้ว่าทางข้างหน้าอันตราย ความพยายามของพวกเขาจะต้องเป็นประโยชน์อย่างมากที่สุด สิ่งที่สมควรทำก็ไม่สามารถผ่อนปรนได้อย่างเด็ดขาด!
ไม่เช่นนั้นหากเกิดอะไรจริงๆ กับหนานอวี่สิง เมื่อพวกเขากลับมาสถานการณ์ที่ต้องเผชิญอาจะไม่ได้ดีขึ้นมาก
“ใช่! พวกเราไปด้วยกัน! แบบนี้โอกาสที่จะชนะก็มากขึ้นอย่างแน่นอน!”
หลายคนที่เหลือพยักหน้าอย่างรีบร้อน
ลั่วเหยี่ยนมองหลายคนอยู่ครู่หนึ่ง เขาพยักหน้ารับแล้วหมุนตัวมุ่งตรงไปยังทิศทางที่หนานอวี่สิงติดกับดักอยู่!
ผู้อาวุโสหลายท่านสบตากันด้วยสีหน้าสับสน
แต่สุดท้ายทุกคนล้วนไม่พูดอันใดและเลือกติดตามไป
…
ขณะนี้ขอบเขตของการเผาไหม้บนยอดเขาได้แผ่ขยายไปกว้างกว่าเดิม
ทุกครั้งที่เข้าไปใกล้ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงการเผาไหม้และความปวดแสบปวดร้อนที่น่าสะพรึงกลัว
กลุ่มเปลวไฟสีน้ำเงินที่กำลังเผาไหม้อยู่นั้น กำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งราวกับต้องการเผาไหม้สวรรค์และโลกนี้ไปจนหมดสิ้น
แม้ว่าร่างเดิมจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม ในเวลานี้ลั่วเหยี่ยนยังสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามอันยิ่งใหญ่
ค่ายกลธรรมดาจึงไม่อาจสกัดกั้นพลังความร้อนนี้เอาไว้ได้ แม้กระทั่งความว่างเปล่ารอบๆ ที่เริ่มพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง มิติที่สั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่งจนเสียหายไปทุกหนทุกแห่ง แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรักษาค่ายกลรอบตัวให้อยู่เอาไว้ได้นาน
หลังจากนั้นไม่นานลั่วเหยี่ยนก็เลือกที่จะละทิ้งค่ายกลและมุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี
เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปยังทิศทางของฉู่หลิวเยว่
สตรีนางนั้นยืนอยู่บนหลังของหงส์ทองคำ ชุดพริ้วไสว ดวงตาเปล่งประกาย
ใบหน้าของนางไม่ปรากฏความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย มีเพียงจิตวิญญาณต่อสู้อันแรงกล้าเท่านั้น!
จึงสัมผัสได้ถึงแววตามุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวของนาง ในใจลั่วเหยี่ยนเหมือนถูกอะไรบางอย่างชนเข้าเต็มแรง
นอกจากนี้แล้วในใจของลั่วเหยี่ยนยังมีข้อสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง
แต่ตอนนี้เขายังอยู่ในตำแหน่งที่ถูกขนาบรอบด้าน และยังรู้สึกเหมือนถูกแผดเผาจนทรมานอย่างมาก
อีกทั้งฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ท่ามกลางเปลวไฟนับไม้ถ้วนนั่น จะทนได้เช่นไรกัน
ความคิดนี้เพียงแวบเข้ามาในใจเข้าเท่านั้นและถูดกดเอาไว้อย่างรวดเร็ว
เพราะในตอนนี้เขาไม่ได้มีเวลามากนักที่จะเอาแรงมาใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้
ในแววตาของเขาคิดเพียงช่วยหนานอวี่ส่งออกมาให้เร็วที่สุด!
ขณะที่เข้าไปใกล้อีกระยะหนึ่ง ในที่สุดลั่วเหยี่ยนก็ได้ยินเสียงเรียกให้ช่วยที่บางเบาและดูเจ็บปวด
ใจของเขา…สั่นระรัว…เสียงนี้คือหนานอวี่สิง!
“อวี่สิงเจ้าอยู่ที่ไหน อวี่สิงล่ะ!”
ลั่วเหยี่ยนรีบออกไปอย่างรีบร้อนตามทิศทางของเสียงนั่น
เขามีตำแหน่งที่เหนือชั้นในตระกูลหนาน จึงมักเรียกชื่อหนานอีอีและหนานอวี่สิงโดยตรงเป็นการส่วนตัว
แม้ว่าเขารักและเอ็นดูหนานอีอีมากที่สุด แต่สำหรับหนานอวี่สิงแล้วเขาก็ห่วงใยไม่แพ้กัน
บัดนี้หนานอีอีตายไปแล้ว หนานอวี่สิงสำหรับเขาแล้วยิ่งต้องสนใจเขามากขึ้น
หากมีอะไรเกิดขึ้นกับหนานอวี่สิงจริงๆ…
ลั่วเหยี่ยนสูดหายใจเขาลึกๆ
รอยแตกยาวที่แยกออกบนเขาลูกนี้อยู่ใต้เท้าพวกเขา
เปลวไฟกำลังเผาไหม้อย่างรุนแรง
ในช่วงเวลาที่เลือนลางจึงมองเห็นเงาร่างหนึ่งกำลังต่อสู้ดินรนอยู่ท่ามกลางเปลวไฟ
ใจของลั่วเหยี่ยนเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย
“อวี่สิง!”
ปัง!
เสียงดังก้องทะลุฟ้าอย่างสุดขีด!
ชั่วครู่ต่อมาเแส้ยาวเส้นนั้นได้พุ่งเข้าไปในเปลวไฟและรัดเข้าที่ร่างของหนานอวี่สิงจนแน่น!
ลั่วเหยี่ยนพยายามใช้แรงดึง!
ร่างที่ถูกเปลวไฟปกคลุมพุ่งออกมาในทันที!
หนานอวี่สิงในเวลานี้ทั้งร่างมีรอยบาดแผลที่ถูกเผาไหม้จนบาดเจ็บอย่างสาหัส!
เขาขดตัวอยู่บนพื้นตัวสั่นอย่างรุนแรงและส่งเสียงร้องครวญครางทุ้มต่ำอย่างเจ็บปวดอยู่ในลำคอ
ดูเหมือนว่าเขาคงไม่มีพลังต่อสู้ได้อีกแล้ว
หัวใจของลั่วเหยี่ยนถูกบีบรัดจนแน่น
การบาดเจ็บจนกลายเป็นเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะฝืนรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่ต่อไปเกรงว่าจะ…
“คุณชายใหญ่!”
เมื่อผู้อาวุโสอีกหลายท่านเห็นสถานการณ์ตรงหน้าล้วนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปกันหมด
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยคิดว่าหนานอวี่สิงจะมิอาจหลบหนีจากสถานการณ์เช่นนี้ได้ แต่จากสถานการณ์ที่เห็นก่อนนี้ยังคงอยู่เหนือความความหมายของพวกเขา…
ลั่วเหยี่ยนสงบใจลงพลางเอ่ยขึ้น
“ดับไฟที่อยู่บนร่างของคุณชายใหญ่ก่อน…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบหนานอวี่สิงที่นอนอยู่บนพื้น จู่ๆ ก็มีรอยเลือดเปิดออกที่บนแขนของเขา!
………………..