ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1897 กระทบกระเทือน ตอนที่ 1898 ระดับที่สอง
ตอนที่ 1897 กระทบกระเทือน / ตอนที่ 1898 ระดับที่สอง
………………..
ตอนที่ 1897 กระทบกระเทือน
ชั่วครู่ร่างของฉู่หลิวเยว่พุ่งออกมาจากความว่างเปล่าที่ปกคลุมด้วยแสงสีทองอันเจิดจรัส!
ทุกคนต่างจ้องมองในทันที
สตรีผู้นั้น…สวมชุดแดงพริ้วไสว ผมดกดำและผิวขาวดุจหิมะ ดวงตาเปล่งประกายแวววาว
ดวงตาและหางคิ้วแสดงถึงความมุ่งมั่นอย่างแกร่งกล้า
ร่างของนางไม่เป็นอันใดเลย!
ในขณะเดียวกันทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์มีปฏิกิริยาที่ต่างออกไป
สิบสามผู้พิทักษ์เยว่ทุกคนทางด้านนี้ต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก
แต่สำนักกระบี่ทมิฬและคนของตระกูลหนานกลับมีใบหน้าที่ดำมืด
หรงซิวผู้นั้นฝืนชะตาเช่นนี้ก็มากพอแล้ว เหตุใดฉู่หลิวเยว่เป็นเพียงเทพขั้นสูงถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้!
แม้แต่เทพศักดิ์สิทธิ์มิอาจพุ่งออกมาจากความว่างเปล่าที่พังทลายและแตกสลายได้อย่างปลอดภัย เหตุใดนาง…
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อฉู่หลิวเยว่ถูกความว่างเปล่ากลืนกินและตำแหน่งที่พุ่งออกมาทั้งสองครั้งกลับไม่เหมือนกัน!
ตำแหน่งที่อยู่ระหว่างกลางคือหุบเขาลึก!
“นี่ นี่…เหตุใดหรงซิวเหมือนรู้ล่วงหน้าว่านางจะออกมาจากทางนั้น เขาตั้งใจไปที่นั่นก่อนเพื่อรอนางอย่างนั้นหรือ”
“เป็นไปไม่ได้หรอก สถานการณ์เช่นนี้ใครเดาได้แม่นยำ ผู้ใดมิรู้ว่าเมื่อเข้าไปในความว่างเปล่าต่อให้เป็นผู้ฝึกตนด้วยตนเองก็ไม่มีทางรู้ว่าจะถูกส่งตัวไปที่ใด ยิ่งไปกว่านั้นหรงซิว?”
“แต่สถานการณ์ในตอนนี้…ดูแล้วไม่ค่อยปกตินัก…”
ผู้อาววุโสหลายท่านของตระกูลหนานพูดคุยกันด้วยเสียงกระซิบกระซาบ
ลั่วเหยี่ยนไม่พูดอันใด แต่สีหน้ากลับดูแย่ขึ้นกว่าเดิม
หากฝ่ายตรงข้ามเป็นเช่นนี้ยิ่งรับมือยากอย่างเห็นได้ชัด…
ทางสำนักกระบี่ทมิฬนั่นมีคนทยอยมาสมทบกันอย่างต่อเนื่อง
สิ่งนี้ยิ่งส่งผลให้พลังแห่งการสังเวยเลือดยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ว่า
แม้ทัณฑ์สวรรค์ที่ระเบิดลงมาแทบจะทำลายภูเขาสูงทั้งหมดที่ปั่นปวนไปมาอย่างต่อเนื่อง แต่ฉู่หลิวเยว่ยังคงปลอดภัย!
สองสามีภรรยาคู่นี้ อีกคนว่าร้ายแล้วอีกคนกลับชั่วร้ายยิ่งกว่า!
เสียงร้องดังขึ้น!
เมื่อถวนจื่อส่งเสียงดังสนั่น ขณะที่เกิดแสงสีทองเหนือท้องฟ้า มันจึงพุ่งตัวไปหาฉู่หลิวเยว่อย่างรวดเร็ว
ทุกคนรู้สึกสับสน
ตั้งแต่แรกเริ่มพวกเขารู้สึกว่าฉู่หลิวเยวสามารถหลบการโจมตีได้เช่นนี้ เป็นเพราะนางมีหงส์ทองคำคอยช่วยเหลือ
ทว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตอนนี้กลับตอกหน้าพวกเขาอย่างแรง
แม้ว่าฉู่หลิวเยว่จะอาศัยกำลังของตนเอง แต่ยังคงอยู่ที่นี่ได้ด้วยสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับนาง!
“หรงซิว! ”
เมื่อออกมาจากภายในมิติที่วุ่นวายนั่นและหลุดพ้นจากความมืดอันหนาทึบ ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในขณะนั้นใบหน้างดงามและดูสดใสบริสุทธิ์ก็เข้ามาในดวงตา หัวใจที่สั่นไหวของนางจึงสงบนิ่งลงในทันที
หรงซิวยื่นมือออกไปหานาง
“เยว่เออร์ มาทางนี้”
ฉู่หลิวเยว่เดินตรงไปข้างหน้า
กึก!
เสียงแตกละเอียดเล็กๆ ดังขึ้นมาอย่างกระทันหัน!
ฉู่หลิวเยว่สะดุ้งตัวและจ้องมองอย่างรวดเร็ว!
แต่ความว่างเปล่าที่ถูกหรงซิวแช่ค้างเอาไว้ ช่องว่างกลับเปิดออกมา!
แสงเจิดจรัสสีทองแตกละเอียดนับไม่ถ้วนกระจายไปทั่วทุกทิศทาง!
พลังที่น่าสะพรึงกลัวโจมตีไปรอบๆ
หรงซิวก้าวผิดจึงพาฉู่หลิวเยว่เคลื่อนย้ายไปยังตำแหน่งอื่น!
ถวนจื่อที่ตามหลังมาใกล้ๆ กระพือปีกด้วยควาตกใจ และยังมีเปลวไฟที่เหลือที่สกัดกั้นพลังไว้ด้านนอก!
แม้ว่าจะมิอาจหยุดยั้งพลังบ้าคลั่งเหล่านั้นเอาไว้ได้ทั้งหมด แต่สุดท้ายเพื่อให้ให้ฉู่หลิวเยว่และหรงซิวมีเวลาพอที่จะหนีออกไป
เสียงระเบิดดังลั่นเข้าไปในหู
ฉู่หลิวเยว่อยู่ในอ้อมแขนของหรงซิวตรงเหนือไหล่ของเขา และมองไปที่ด้านหลังพวกเขา
มิติที่พังทลายยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ!
หลุมดำมืดแผ่กระจายระหว่างสวรรค์และโลกมากขึ้นเรื่อยๆ!
ฉู่หลิวเยว่ตกใจขึ้นมาในทันที
พลังของหรงซิวสามารถสกัดกั้นพื้นที่เล็กๆ ได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น
แต่จากความเป็นไปได้ที่เห็นในตอนนี้ เกรงว่าท่าเรือดดอกท้อทั้งหมดถูกกระทบไปด้วย!
ตอนที่ 1898 ระดับที่สอง
“เป็นอย่างใดบ้าง”
หรงซิวเอ่ยถามคนที่อยู่ในอ้อมแขนด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ฉู่หลิ่วเยว่หันกลับไปสบตาเขา
ทั้งสองคนสบสายตาสื่อความนัยต่อกัน
นางพยักหน้าเบาๆ
ริมฝีปากหนาของหรงซิวยกขึ้นเล็กน้อย
แม้ว่านางจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก่อนหน้าได้ผ่านการโจมตีด้วยระเบิดอย่างบ้าคลั่งอยู่หลายครั้ง คิดว่านางคงใช้พลังไปไม่น้อยทีเดียว
หากต้องผ่านความลำบากเช่นนี้ แต่สุดท้ายไม่ได้อันใดกลับมา คงไม่ทำให้สบายใจลงได้จริงๆ
โชคดีที่ไม่ว่านางทำเรื่องอันใดก็ตาม มักรู้ใจตัวเองมาโดยตลอดและในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน
“ยังต้องการทำต่อหรือไม่”
หรงซิวถามขึ้น ดวงตาหลบลงเล็กน้อยและมองโล่ดำที่อยู่ในมือของนางครู่หนึ่ง
สนิมที่อยู่ด้านบนได้หลุดลอกกระจายออกเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ
มองเห็นแสงรัศมีบางๆ เปล่งประกายรอบๆ
และอักษรลับที่แกะสลักด้านบนนั่น มันกำลังค่อยๆ ปรากฏรูปร่างเดิมออกมา
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แต่ที่นี่ไม่มีแล้ว ต้องเปลี่ยนที่”
แม้โอกาสช่างยากนัก แต่ต้องดำเนินการต่อไป
แต่นางได้ทดสอบที่นี่ไปทั้งหมดแล้ว
ภายใต้ยอดเขาที่เหลือเหล่านั้นไม่มีของที่นางต้องการแล้ว
ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้ยังสู้กันต่อไปแต่ต้องเปลี่ยนสนามรบ
หรงซิวพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยและสงบนิ่ง อย่างไม่น่าแปลกใจ
“เช่นนั้นก็เปลี่ยน”
ท่าเรือดอกท้อเป็นพื้นที่อันกว้างใหญ่แต่ที่นี่เป็นเพียงมุมหนึ่งเท่านั้น
ฉู่หลิวเยว่เคยพูดก่อนหน้านี้ว่าเมื่อต้องการท่าเรือดอกท้อก็ต้องพลิกทั้งหมด เขาจึงคาดการณ์ว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าและมองดูโล่ดำในมืออีกครั้ง
นางเริ่มโคจรชีพจรเดิมในร่างกายเพื่อบรรเทาความรู้สึกอันหนักหน่วงนี้
แต่การเคลื่อนไหวนี้ทำให้ลดพลังในร่างเดิมไปมากเช่นเดียวกัน
โชคดีที่พลังปราณเดิมในจุดตันเถียนของนางมีเพียงพอเอาไว้อย่างมากมาโดยตลอด คงรับมือได้ชั่วคราว
ไม่มีปัญหาอันใด
เพียงแต่มิรู้ว่าเมื่อรอจนท้ายที่สุดแล้วสถานการณ์จะเป็นเช่นใด…
ฉู่หลิวเยว่รีบหยุดความคิดเหล่านี้
นางเดินออกมาจากอ้อมแขนของหรงซิว
“พวกแราแยกกัน”
หรงซิวรู้ว่านางมีแผนการอื่น จึงไม่ได้ถามอะไรมาก เพียงแค่บีบมือนางไว้เท่านั้น
“ระวังตัวด้วย ข้าจะตามเจ้าไป”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกอบอุ่นใจ จึงเอื้อมมือมาจับมือของเขาไว้
ฝ่ามือที่แห้งกร้านอบอุ่น ความอบอุ่นที่เข้ามาทำให้รู้สึกสบายใจอย่างมาก
นางไม่ได้พูดอันใด เพียงมองหรงซิวด้วยแววตาลึกซึ้งอยู่ครู่หนึ่ง นัยน์ตาสดใสงดงาม
มีหรงซิวอยู่นางถึงรู้สึกวางใจ
ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง
จากนั้นฉู่หลิวเยว่จึงหันกลับไป นางเขย่งปลายเท้าเล็กน้อยและพุ่งตรงไปข้างหน้า!
ถวนจื่อตามหลังนางทันที
เงาร่างของทั้งคนและสัตว์อสูร ไม่นานก็ออกไปไกล
ถ้าหากหรงซิวเลือกทิศทางอื่น เพื่อเว้นระยะห่างจากพวกนางและตามไปอย่างไม่เร่งรีบ
…
ทุกคนต่างตื่นตกใจ
ในเมื่อหรงซิวเคยพาคนออกมาแล้ว เช่นนั้นจะปล่อยให้ฉู่หลิวเยว่จากไปคนเดียวได้อย่างใด
ความวุ่นวายที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงไปทั่วทุกทิศทาง หรือว่าเขาไม่ได้กังวลเลยแม้แต่น้อย
สำนักกระบี่ทมิฬและคนตระกูลหนานล้วนสับสนงุนงงไปหมด
ไม่ว่าอย่างใดพวกเขาก็คิดไม่ตก ทั้งหรงซิวและฉู่หลิวเยว่ทำเช่นนี้ แท้จริงแล้วมีเป้าหมายอันใด!
ในตอนแรกสิบสามผู้พิทักษ์เยวาต่างประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่นานพวกเขาก็เลือกที่จะยอมรับอย่างเข้าใจ
…ดูจากสถานการณ์แล้วหรือว่าการเคลื่อนไหวของนายท่านต้องการที่จะทำเช่นนี้
เช่นนั้นก็ไม่มีอันใดต้องกังวลมากนัก
เฉิงอีขยับร่างพล่างเอ่ยขึ้น
“ตามมา”
“ขอรับ!”
เมื่อเขาออกคำสั่ง ซานซานและคนอื่นๆ รีบตอบรับและไล่ตามเขาไปในทันที
พวกเราแค่ไม่สนว่านายท่านต้องการทำอันใด
พวกเขารู้แค่เพียงว่า ไม่ว่าอย่างใดก็ตามแค่ได้ติดตามนายท่านก็พอ!
…
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วยิ่งนัก
เมื่อคนทั้งหมดมีปฏิกิริยาเกิดขึ้น รวมทั้งหลายคนที่อยู่ในสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ จึงได้ติดตามฉู่หลิวเยว่และหรงซิวไปด้วยกันอย่างห่างๆ
ร่างที่พวกเขาเห็นยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ ในที่สุดมั่วอวิ๋นและคนอื่นๆ มีสติกลับมาได้
“รองเจ้าสำนัก พวกเราต้องหนี!”
มีคนพูดขึ้นอย่างร้อนรน
ใบหน้าของมั่วอวิ๋น เหมือนถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งบางๆ ที่แข็งค้างเยียบเย็น
ดวงตาแดงก่ำทั้งคู่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่กำลังจะล้นออกมา!
เมื่อครู่สองคนนั่นเหมือนพูดอันใดกัน โชคดีที่เขาและทางด้านนั้นกลับไม่ค่อยได้ยินนัก
แต่จากปฏิกิริยาที่เห็นนั้นเดาได้ง่ายๆ เลยว่า ที่แต่ละคนแยกไปเช่นนี้…เป็นความตั้งใจของฉู่หลิวเยว่
และยังต้องการหนีไปที่ห่างไกลกว่าเดิมอีกอย่างนั้นหรือ
“เปิดการสังเวยเลือดครั้งที่สอง!”
มั่วอวิ๋นแทบไม่สงสัยอันใด และออกคำสั่งด้วยเสียงราบเรียบ!
ไม่ว่าอย่างใดวันนี้ คนผู้นี้…เขา…ต้องฆ่าให้ได้อย่างแน่นอน!
ทุกคนของสำนักกระบี่ทมิฬได้ยินเข้ากลับแสดงความลังเลออกมาในทันที
มั่วหลินลังอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า
“รองเจ้าสำนัก การสังเวยเลือดด้วยพลังมหาศาล และยังลดพลังของทุกคนจนน่าประหลาดใจอย่างมาก หากเริ่มพิธีเป็นครั้งที่สองนี้ ย่อมก่อความวุ่นวายที่มากขึ้นกว่าเดิม และเมื่อถึงเวลานั้นข้าเกรงว่าสถานการณ์จะยิ่งแย่กว่าเดิมที่จะต้องตามจับพวกเขากลับมา…”
“มั่วหลิน ตอนนี้เจ้าช่างกล้าเกินไปแล้ว แม้แต่คำสั่งของข้าก็ไม่ฟังแล้วอย่างนั้นหรือ”
มั่วหลินสีหน้าขาวซีดและรีบอธิบายขึ้นในทันที
“รองเจ้าสำนัก ข้าน้อยเหลืออยู่คนเดียว! ข้าน้อยแค่คิดว่า ว่าการสังเวยเลือดเช่นนี้…แทบไม่มีผลมากนักต่อชั่งกวนเยว่นั่นเลย…”
ในสำนักกระบี่ทมิฬทั้งเก้าสิบคนที่ตามมาที่นี่ บัดนี้ล้วนลงมือไปทั้งหมดแล้ว
ทัณฑ์สวรรค์ที่เรียกมานั้น เรียกได้ว่าไม่น่ากลัวอันใด
มิเช่นนั้นไม่อาจเป็นไปได้ที่จะทำลายยอดเขาให้กลายเป็นสภาพเช่นนี้ในเวลาอันสั้นได้
ฉู่หลิวเยว่ล่ะ?
ปลอดภัยทุกประการ!
เห็นชัดๆ ว่างนาง มีไพ่ตายที่แข็งแกร่งอย่างมาก จึงทำให้นางสามารถอยู่ภายใต้การจู่โจมที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้ และนางยังคงรับมือได้อย่างง่ายดาย!
หากเริ่มพิธีสังเวยเลือดเป็นครั้งที่สอง จำเป็นต้องใช้พลังหนุนอย่างมาก!
วิธีเช่นนี้ ไม่อาจทำอันใดฉู่หลิวเยว่ได้ แต่คนเหล่านี้ของสำนักกระบี่ทมิฬ เกรงกลัวแค่ว่าท่าจะไม่ดีนัก!
ทว่าคนข้างๆ อาจไม่รู้แน่ชัดนัก แต่มั่วหลินอยู่ที่สำนักกระบี่ทมิฬกลับรู้เรื่องเหล่านี้ทั้งหมด!
ดังนั้นการสังเวยเลือดที่ทรงพลังเช่นนี้ สามารถระเบิดพลังที่แข็งแกร่งกว่าพลังของหลายคนรวมกันได้ จึงเป็นเพราะการเริ่มเปิดค่ายกลเมื่อครู่นี้ จึงทำให้มันเริ่มปล้นพลังอย่างบ้าคลั่งและกลืนกินพลังวิญญาณและเลือดลมปราณของคนในค่ายกลนั่น!
หากบาดเจ็บอาจทำลายอนาคตและอายุขัย หนักที่สุดก็ถึงแก่ชีวิตได้!
รอยยิ้มที่เยียบเย็นบนหน้าของมั่วอวิ๋นค่อยๆ จางหายไป
กลับเผยให้เห็นความโมโหและเจตนาฆ่าแทน!
“เช่นนั้น…เจ้ามีวิธีที่ดีกว่านี้อีกหรือ”
เขาถามขึ้นด้วยเสียงเยือกเย็น
เมื่อสัมผัสได้ถึงลมปราณบนตัวเขาที่ผิดแปลกไป เลือดบนตัวของมั่วหลินเหมือนกับหยุดไหลทั้งหมด
“ไม่…ข้าน้อย…มิบังอาจ….”
เสียงหัวเราะดังขึ้น!
ยังไม่ทันสิ้นเสียง มั่วอวิ๋นจึงเงยหน้าขึ้น!
พลังผสานทั้งสีแดงดำพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา! มันกลายเป็นแส้ยาวและพุ่งไปรัดคอของมั่วหลินไว้แน่น!
หลังจากนั้นเขาสะบัดข้อมือและร่างของมั่วหลินก็พุ่งออกไปยังพิธีสังเวยเลือดอันยิ่งใหญ่นั่นอย่างมิอาจควบคุมได้!
เพียงชั่วพริบตาเดียว ร่างนั้นก็ถูกลมปราณเลือดที่พลุ่งพล่านกลืนกินหายไป!