ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1900 ก่อแผนร้าย
“มาดูเร็ว! ดูเหมือนว่าไม่ใช่เป็นเพราะนาง แต่เป็นเพราะสำนักกระบี่ทมิฬ!”
เสียงโอดครวญดังมาจากในกลุ่มคนอีกครั้ง
คนจำนวนมากพุ่งขึ้นไปทีละคนและมองดูทางด้านนั้น
ในขณะนั้นท้องฟ้ากว่าครึ่งถูกปกคลุมไปด้วยเมฆดำหนาๆ จนระหว่างสวรรค์และโลกมืดครึ้มไปทั้งหมด
อีกทั้งเมฆเหล่านั้นยังแผ่กระจายอย่างรวดเร็วจากทิศทางในเมืองนั่น!
ทัณฑ์สวรรค์ที่พลุ่งพล่านไปมาท่ามกลางในหมู่เมฆอย่างบ้าคลั่ง
เสาเทพยดาสีเลือดที่สูงใหญ่ลอยอยู่กลางท้องฟ้า
“นั่นคือ…เสาเทพยดาของสำนักกระบี่ทมิฬอย่างนั้นหรือ!”
มีคนที่ดวงตาแหลมคนจำลักษณะของเสาเทพยดาได้จึงพูดพึมพำออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้…เห็นได้ชัดว่าเกิดจากพวกเขา!”
“นั่นคือพวกมัน!”
จู่ๆ บุรุษหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ
“สิ่งนี้คือวิธีการหนึ่งของสำนักกระบี่ทมิฬ! ในทุกเดือนพวกเขาจะเรียกว่าการทดสอบ แท้ที่จริงแล้วก็คือการใช้วิธีเช่นนี้! เพียงแค่ทุกคนร่วมมือกันด้วยรูปแบบที่แสดงออกเหมือนกันจึงจะทำให้เกิดทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างรวดเร็ว! พวกเขาใช้ทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้คัดกรองผู้ฝึกตนที่เข้าร่วมการทดสอบ จึงมีเพียงผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นและมีกำลังแข็งแกร่งเพียงพอเท่านั้น ถึงจะผ่านไปได้!
ทุกคนต่างรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
บนทางเงียบสงัดไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็เดือดพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว!
“เรื่องจริงหรือโกหก คนเหล่านั้นตายแล้วอย่างนั้นหรือ
“เป็นไปไม่ได้หรอกที่สำหนักกระบี่ทมิฬจะมีการทดสอบในทุกเดือน สามารถผ่านได้ไม่เกินสองในสิบ ถ้าหากคนที่เหลือเหล่านั้นล้วนตายกันหมด เช่นนั้น…ในสองปีนี้คนที่พวกเขาฆ่าก็มีจำนวนนับไม่ถ้วนเช่นนั้นหรือ”
“ได้ยินแล้วจะเป็นเช่นใด เรื่องนี้ข้าเห็นมากับตา ไม่ใช่เรื่องโกหกอย่างแน่นอน! อีกทั้งเวลานานเช่นนี้แล้ว ทุกท่านไม่เคยสงสัยมาก่อนเลยหรือว่าเพราะเหตุใดคนที่ไม่สามารถเข้าสำนักกระบี่ทมิฬถึงออกจากท่าเรือดอกท้อและไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย”
ทุกคนต่างเงียบลงในทันที
อันที่จริงไม่ใช่ว่าไม่มีใครไม่สงสัยเรื่องเหล่านี้ เพียงแต่สำนักกระบี่ทมิฬมีอิทธิพลอย่างมากในท่าเรือดอกท้อ แม้ว่าจะมีคนรู้สึกสงสัยอยู่ก็ตาม แต่มีไม่กี่คนที่กล้าไปตรวจสอบจริงๆ
ในขณะนั้นจู่ๆ มีคนพูดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา แน่นอนว่าทำให้คนไม่น้อยรู้สึกจิตใจสั่นไหว
“ทุกท่านยังมีเวลาสงสัยว่าจริงหรือไม่ที่นี่หรือไม่สู้ลองคิดดูว่าต่อไปควรทำอย่างใด! ในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าสำนักกระบี่ทมิฬตั้งใจจะฆ่าหรงซิวและซั่งกวนเยว่อย่างแน่วแน่ แม้กระทั่งราคาที่ต้องยอมจ่ายทั้งหมด! มั่วอวิ๋นจึงยอมลงมือด้วยตัวเอง! หากท่าเรือดอกท้อพังทลายลงทั้งหมดจริงๆ…เมื่อถึงเวลานั้นทุกคนคงไม่มีชีวิตรอดไปได้อย่างแน่นอน!”
เสียงของบุรุษคนนั้นทรงพลังและทุ้มต่ำ ทำให้คนมากมายตื่นตกใจ
พวกเขาล้วนไม่ได้โง่และรู้ว่าคำพูดเช่นนี้ไม่ได้สร้างความตื่นตระหนกใจแต่อย่างใด
ชั่วครู่คนจำนวนมากต่างรู้สึกไม่พอใจสำนักกระบี่ทมิฬ
เจ้าต้องการฆ่าคนก็ไม่เป็นไร หรือต่อให้เจ้าเองต้องการรนหาที่ตายก็ช่าง
แต่เจ้าไม่ควรให้คนจำนวนมากที่ท่าเรือดอกท้อถูกฝังไปพร้อมกับเจ้าใช่หรือไม่
หากสร้างความเคลื่อนไหวให้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเป็นแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการให้ทุกคนในเมืองทุกข์ทรมานไปพร้อมกับเขาด้วยหรอกหรือ
หากท่าเรือดอกท้อถูกทำลายลง คนที่นี่จะหนีออกไปไม่ได้แต่แต่คนเดียว!
“ถ้าเช่นนั้นตอนนี้จะให้พวกข้าทำอย่างใด”
มีคนถามขึ้นด้วยความหวาดหวั่น
บุรุษผู้นั้นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพลางเอ่ยขึ้น
“ตามที่ข้ารู้มาทั้งหมด ค่ายกลของพวกเขาแปลกประหลาดอย่างมาก เมื่อมีคนเข้าร่วมมากขึ้น พลังก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น! เมื่อครู่ข้าเห็นมั่วอวิ๋นปล่อยสัญญาณเรียกทุกคนของสำนักกระบี่ทมิฬแล้ว ข้าคิดว่าหรือไม่ปล่อยให้พวกเขาเพิ่มกำลังสนับสนุนไปก่อน! จากความเห็นของข้า… มิสู้พวกเราไปหยุดคนของสำนักกระบี่ทมิฬเอาไว้ก่อน! เมื่อคนที่ไปน้อยลงแล้ว ค่ายกลนี้ก็จะไม่มีกำลังสนับสนุนที่มากขึ้น แน่นอนว่าก็ไม่มีทางสำเร็จ!”
“แต่นั่นคือสำนักกระบี่ทมิฬเชียวนะ! คนของพวกเรามีเพียงไม่กี่คน…จะไปเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้อย่างนั้นหรือ”
“ใช่นะสิ! นับประสาอะไรถ้ามั่วอวิ๋นหันกลับมาและยกทัพมาเพื่อเอาความผิด…”
บุรุษผู้นั้นเลิกคิ้วขึ้น
“ทุกท่าน หากวันนี้ไม่หยุดสำนักกระบี่ทมิฬเอาไว้ พวกเราอาจะมีชีวิตไม่ถึงวันพรุ่งนี้ก็มิอาจรู้ได้! นับประสาอะไรกับสำนักกระบี่ทมิฬใช้กำลังรุนแรงที่ท่าเรือดอกท้อมานาน ก็ถึงเวลาที่จะให้พวกเขาได้บทเรียนแล้ว! ไม่ใช่หรือ”
“ไม่ว่าอย่างใด วันนี้ข้าต้วน…จะต้องต่อสู้กับคนของสำนักกระบี่ทมิฬอย่างถึงที่สุด! หากทุกท่านมีใจก็ตามไปพร้อมกับข้า! ถ้ามิกล้า…ข้าก็มิบังคับฝืนใจ! อย่างใดเสียเป็นหรือตายชะตาฟ้าลิขิต ทุกท่านเป็นผู้กำหนด!”
เมื่อพูดจบ เขายกเท้าขึ้นเล็กน้อยและตรงไปทางสำนักกระบี่ทมิฬจริงๆ!
“พี่ต้วน! ข้าจะไปกับท่าน!”
“ยังมีข้า!”
“พวกข้าก็จะไป! สำนักกระบี่ทมิฬฆ่าพี่น้องของข้าไปหลายคน ความแค้นนี้พวกข้าต้องแก้แค้นมานานแล้ว!”
…
ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้หลายคนต่างตัดสินใจทำอย่างอดทน และตามเขาขึ้นไปทีละคน
จริงๆ แล้วคำพูดของต้วนชิงเฉวียนนั่นถูกต้อง
แม้จะครั้งนี้พวกเขาต้องลงมือก็เพื่อตนเอง!
คนของสำนักกระบี่ทมิฬไม่สนใจความปลอดภัยของท่าเรือดอกท้อทั้งหมด เหตุใดพวกเขาจะต้องออมมือ
ผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ และมุ่งหน้าไปยังสำนักกระบี่ทมิฬ!
ในไม่ช้าพวกเขาก็พบทุกคนที่กําลังออกจากสำนักกระบี่ทมิฬและคิดที่จะไปอยู่ทางฝั่งมั่วอวิ๋น
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้เข้า ทุกคนยิ่งมั่นใจมากขึ้นถึงการคาดเดาก่อนหน้า
… สำนักกระบี่ทมิฬต้องการใช้พลังของทั้งสำนักเป็นเดิมพันจริงๆ!
“หยุดพวกเขาไว้!”
คนของสำนักกระบี่ทมิฬยังไม่ทันได้รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น การต่อสู้อย่างดุเดือนได้เริ่มขึ้นแล้ว!
ทั้งสองฝ่ายยืนเป็นกลุ่มอย่างรวดเร็ว!
ทั้งนี้พลังที่สูงสุดในสำนักกระบี่ทมิฬ ส่วนใหญ่ได้ส่งออกไปแล้วก่อนหน้านี้ อีกทั้งพวกเขาต่างเสียหายมาไม่น้อยจากเหตุการณ์ที่ยอดเขาหลานชิงเมื่อก่อนหน้านี้เช่นเดียวกัน
ดังนั้นการต่อสู้กับต้วนชิงเฉวียนและคนอื่น ๆ ในเวลานี้ ยังคงเสียเปรียบอยู่
ข่าวได้แพร่ไปอย่างรวดเร็ว หลายคนในท่าเรือดอกท้อทยอยมากันอย่างต่อเนื่อง
ดูเหมือนคนของสำนักกระบี่ทมิฬจะต้องจัดการให้สิ้นซาก!
เมื่อเห็นคนที่มายิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ สำนักกระบี่ทมิฬที่ไม่สนใจเรื่องนี้ในตอนแรกกลับตื่นตระหนกขึ้นมา
นี่มันเรื่องอะไรกัน!
ในเวลาอันสั้นเหตุใดถึงมีคนมามากมายเช่นนี้!
…
ลานที่ห่างไกลแห่งหนึ่งทางตะวันตกของเมือง
ร่างหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ
ในลานมีคนผู้หนึ่งกำลังยืนเอามือไพล่หลัง
“ใต้เท้า พวกต้วนชิงเฉวียนได้นำคนไปสังหารสำนักกระบี่ทมิฬแล้ว ข้าได้เคลื่อนย้ายฝ่ายต่างๆ ในเมืองให้ไปที่นั่นด้วยกัน สำนักกระบี่ทมิฬแข็งนอกอ่อนในคงใช้เวลาเพียงไม่นานก็น่าจะจัดการได้ทั้งหมด”
คนผู้นั้นหันกลับมา ใบหน้างดงาม นัยน์ตาสุกสดใจและเรียบเย็น
คนผู้นั้นคือ เยี่ยนชิง!
………………..