ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1901 ไม่ต้องการชีวิตแล้ว!
ตอนที่ 1901 ไม่ต้องการชีวิตแล้ว!
………………..
เขาพยักหน้าเบาๆ พลางเอ่ยขึ้น
“คนในสำนักกระบี่ทมิฬ ต้องกำจัดทิ้งทั้งหมดไม่เหลือไว้ให้เป็นภัยพิบัติ”
เสียงของเขาเย็นชาและไร้ความรู้สึก
“ขอรับ!”
เสียงคนผู้นั้นตอบกลับ
“ข้ารออยู่ที่นี่มานาน เพียงรอมาถึงวันนี้คงไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
เยี่ยนชิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“แรกเริ่มที่ฝ่าบาทแต่งตั้งพวกเจ้า แน่นอนว่าทรงเคยเชื่อใจพวกเจ้า”
คนผู้นั้นหัวเราะขึ้น
“ข้าคิดว่ายังต้องรออีกสักหน่อย คิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทและพระชายารีบมาถึงเพียงนี้ ข้าคิดว่าต้องยกความดีให้หัวหน้าซาน”
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาที่เริ่มทำการค้าที่นี่ และเป็นฝ่ายเริ่มเขียนจดหมายให้กับเฉิงอีและคนอื่นๆ เกรงว่าคงจะรอต่อไปอีก
เยี่ยนชิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น
“คนของจวนเยว่รู้จักพวกเจ้าหรือไม่”
“น่าจะไม่รู้จัก ในวันปกติช่วงเวลาส่วนใหญ่ข้ามักกระจายไปทุกที่ในท่าเรือดอกท้อ แม้ครั้งนี้จะลงมือกับสำนักกระบี่ทมิฬ ก็แยกกันเคลื่อนไหวแต่ละคนภายในกลุ่ม ถึงแม้คนของสำนักกระบี่ทมิฬล้วนมิอาจล่วงรู้ จึงเป็นธรรมดาที่จวนเยว่ก็มิอาจรู้ได้เช่นกัน”
คนผู้นั้นยิ้มเขินๆ เล็กน้อย
“ท่านวางใจได้ ก่อนมาที่นี่ฝ่าบาทได้กำชับไว้ว่าหากคนของพระชายามาถึง ข้าก็ไม่ต้องออกหน้า หลังจากที่หัวหน้าซานมาและเริ่มการค้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ข้าก็ไม่อาจเข้าร่วมได้”
ถ้าหากไม่ใช่เพราะครั้งนี้ต้องจัดการสำนักกระบี่ทมิฬ แม้กระทั่งเยี่ยนชิงพวกเขาคงไม่ได้พบเจอ
“เดิมทีพวกข้ายังคิดอยู่ว่า หัวหน้าซานจะมาที่นี่โดยลำพัง กลัวว่าจะโดดเดี่ยว หากคิดที่จะคอยช่วยอย่างลับๆ แต่คิดไม่ถึงว่าหัวหน้าซานจะมีความสามารถสูงส่ง เช่นนี้คงไม่ต้องการพวกข้าแล้ว อีกทั้งยังสร้างจวนเยว่ขึ้นมาได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้
เมื่อเยี่ยนชิงได้ยินเข้าจึงหรี่ตาลง รูปร่างที่สง่างามยั่วยวนจู่ๆ ก็แวบเข้ามาในหัวของเขา
เขาเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ พลางเอ่ยขึ้น
“สิบสามผู้พิทักษ์เยว่…ไม่ธรรมดาจริงๆ”
คนผู้นั้นไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในสายตาของเขาจึงเอ่ยถามต่อว่า
“ใต้เท้า ทางด้านสำนักกระบี่ทมิฬนั่น พวกเราเกือบควบคุมเอาไว้ได้แล้ว เช่นนั้นทางฝ่าบาทและพระชายา ท่านคิดว่าต้องส่งคนไป…”
“ไม่ต้อง”
ยังไม่ทันรอเขาพูดจบ เยี่ยนชิงเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมาและปฏิเสธข้อเสนอของเขา
“เฉิงอีและคนอื่นๆ ล้วนไปที่นั่นแล้ว อีกทั้งฝ่าบาทกับพระชายาทรงมีจุดประสงค์ในครั้งนี้ มิต้องกังวลไปหรอก”
คนผู้นั้นเงยหน้าขึ้นด้วยความลังเลเล็กน้อย
“แต่ว่า…ใต้เท้า ท่านเห็นความเคลื่อนไหวทางด้านนั้น ใกล้ลุกลามเข้ามาถึงในเมืองแล้ว…”
เช่นนี้ไม่จำเป็นต้องช่วยพวกพวกเขาจัดการจริงๆ หรือ”
เยี่ยนชิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองไปยังขอบฟ้า
ภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมนด้วยทัณฑ์สวรรค์ที่สว่างวาบและเสียงลมหวีดหวิว
มิตินับไม่ถ้วนที่กำลังพังทลาย และผืนสีดำขนาดใหญ่ได้กระจายออกไปราวกับอสูรที่จะกลืนกินทุกอย่างให้หมดสิ้น
ค่ายกลที่ท่าเรือดอกท้อกำลังสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เหมือนจะพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ!
อาณาเขตเซียนเทพอิ๋นหงส่องสว่างพร่างพราว ราวกับแม่น้ำชิงที่เชี่ยวกราด!
สตรีผู้หนึ่งนางยืดหลังตรงและลอยอยู่กลางท้องฟ้า!
นางถือโล่ในมือซ้าย และจับกระบี่ในมือขวา ราวกับเทพสงครามมาจุติ!
ในใจของเยี่ยนชิงสั่นไหวเล็กน้อยพลางกระซิบด้วยเสียงทุ้มต่ำขึ้นว่า
“ใครต้องการกำลังสนับสนุนกันแน่ ยังมิอาจรู้ได้เลย…”
…
ทัณฑ์สวรรค์ที่สว่างเจิดจ้าได้ฟาดลงมา!
ฉู่หลิวเยว่แหงนศีรษะขึ้นไปมองด้วยสายตาเรียบเย็น!
นางได้เคลื่อนย้ายตำแหน่งให้มีระยะห่างที่ไกลออกมากจากยอดเขาหลานชิง
แต่สำนักกระบี่ทมิฬกลับไล่ตามอย่างไม่ยอมแพ้ และควบคุมการสังเวยเลือดนั่น จนทำให้เกิดทัณฑ์สวรรค์ขึ้นที่นี่!
เสียงลมหวีดหวิวผ่านเข้าหู
ทุกทิศทางพื้นที่ไม่สิ้นสุดยังคงพังทลายลงอย่างเงียบๆ
จากที่ไกลออกไปค่ายกลของท่าเรืองดอกท้อได้พังทลายลง!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเหมือนมีพลังมหาศาลอยู่รอบๆ กำลังดึงรั้งนางอย่างบ้าคลั่ง
ราวกับต้องการฉีกนางเป็นชิ้นๆ!
เมื่อนางคิดอยู่ครู่หนึ่ง เกาะทองคำก็ปกคลุมร่างของนางในทันที!
“สนุกพอหรือยัง!”
สายตาของนางเย็นชาและเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเข้ม
แม้ว่ามั่วอวิ๋นและคนอื่นๆ จะไม่น่ารำคาญ แต่นางกลับหมดความอดทนแล้ว!
เมื่อได้ยินเสียงของนาง มั่วอวิ๋นชะงักไปครู่หนึ่งในตอนแรก แต่ต่อมาสีหน้าเขากลับเรียบเฉยพลางยิ้มเยาะและเอ่ยขึ้นว่า
“เหตุใด ไม่คิดหนีแล้วหรือ”
แม้ว่าจะหนีก็ต้องใช้ความแข็งแกร่งและพลังจำนวนมากมายทีเดียว
ฉู่หลิวเยว่เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่นี้ยังต้องการอยู่เป็นเพื่อนจนถึงที่สุด สายตาพลันหยุดลงในทันทีและถามคำถามนี้ออกมา เพราะส่วนใหญ่ก็มิอาจทนได้แล้ว
ระยะห่างที่แยกทั้งสองฝ่ายออกครู่หนึ่ง
แต่ฉู่หลิวเยว่ยังได้ยินความอวดดีในน้ำเสียงของมั่วอวิ๋น
นางหัวเราะเยาะในใจอย่างอดไม่ได้
ดังนั้นจึงมิอาจเสียเวลากับคนเหล่านี้ได้อีกต่อไปแล้ว
มั่วอวิ๋นขึ้นเสียง
“สายไปแล้ว! ซั่งกวยเยว่! หรงซิว! ถ้าหากในตอนแรกพวกเจ้าแค่ยอมคุกเข่ายอมรับความพ่ายแพ้ บางทีพวกข้าอาจไว้ชีวิตพวกเจ้า! แต่ตอนนี้…เป็นไปไม่ได้แล้ว!”
เพื่อไล่ตามฆ่าสองคนนี้ สำนักกระบี่ทมิฬต้องยอมจ่ายในราคาที่สูงมาก
ถึงแม้ว่ามั่วอวิ๋นจะไม่ได้สนใจความเป็นความตายของคนเหล่านั้น แต่กลับสนใจเพียงหน้าตาของสำนักกระบี่ทมิฬ
ความแค้นที่ถูกตบหน้าเช่นนี้ จะต้องเอาคืนจากสองคนนั่น!
จู่ๆ มุมปากของฉู่หลิวเยว่ก็ยิ้มขึ้น
รอยยิ้มเยือกเย็นที่สุดแต่กลับไปไม่ถึงดวงตา
“ดีมาก ข้าก็คิดเช่นนี้”
ขณะที่พูดนางค่อยๆ จับกระบี่ชื่อเซียวในมือไว้แน่น
หรงซิวที่ตามมาไม่ไกลมาตลอดเห็นสีหน้าของนางเข้า ก็รู้สึกขึ้นมาในใจทันที
สิบสามถามขึ้นอย่างเป็นกังวล
“พี่ใหญ่ เหตุใดข้าคิดว่านายท่านวางแผนจะทำอันใดบางอย่าง…”
อวี๋จิ่วพยักหน้า และพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ข้าก็คิดเหมือนกัน…”
พวกเข้าติดตามฉู่หลิวเยว่มาหลายปี ด้วยอารมณ์ของนางแล้วพวกเขาเข้าใจอย่างมาก
นายท่านไม่ค่อยแสดงสีหน้าออกมาเช่นนี้
เฉิงอีเอ่ยขึ้นในทันที
“เตรียมตัวให้พร้อม ต้องปลอดภัย หากจำเป็นต้องถอยกลับทุกเวลา”
เนื้อบนแก้มของซานซานสั่นเบาๆ ขึ้นเล็กน้อย
เฉินอีเหลือมองเขาครู่หนึ่งพลางเอ่ยขึ้น
“เกือบลืมไป เพราะเจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจ อีกทั้งเจ้ายังมีมิติเล็กๆ หากทางนายท่านไม่ว่าต้องการสิ่งใดก็ตาม เจ้าห้ามถ่วงเวลาเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่”
นี่ไม่ใช่คำถาม แต่เป็นคำสั่ง!
สีหน้าของซานซานหมองลงครู่หนึ่ง
เขาไม่ลืม!
เขาจำได้มาตลอด
“อ่อ”
สิบสามดั้นด้นถามขึ้นว่า
“พี่ใหญ่ ความหมายของท่าน…จริงๆ ต้องการให้นายท่านลงมือด้วยตนเองใช่หรือไม่ แต่ข้าเห็นคนเหล่านั้นของสำนักกระบี่ทมิฬยากที่จะรับมือ…”
สือฟังตบไหล่เขาไปมาด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
“เจ้าเด็กคนนี้ อายยังน้อยนัก อีกหน่อยเจ้าก็จะเข้าใจ คนที่รับมือยากจริงๆ ไม่ใช่สำนักกระบี่ทมิฬนั่นหรอก แต่เป็นนายท่านของพวกเราต่างหาก!”
เวลาที่นายท่านต้องการระบายอารมณ์ขึ้นมา อย่างสงสัย อย่างลังเลที่จะถอยออกมา
ยิ่งถอยออกมาได้เร็วก็ยิ่งปลอดภัย
สิบสามพยักหน้าเหมือนเข้าใจ
แม้แต่พี่สิบก็ยังพูดเช่นนี้ เช่นนั้น…
บางทีสามารถวางใจได้?
ในขณะนี้ทัณฑ์สวรรค์นั่นได้ฟาดลงมาอย่างหนักหน่วง!
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงเล็กน้อย หลังจากนั้นนางยกเท้าขึ้น และพุ่งตรงไปที่ทัณฑ์สวรรค์นั่น!
ขณะเดียวกันกับที่ปราณกระบี่เล่มหนึ่งตัดกันเป็นแนวทาง!
“กระบี่ชื่อเซียว!”
แสงพร่างพราวเปล่งประกาย พร้อมขจัดอุปสรรคมุ่งสู่ความสำเร็จ’
ลั่วเหยี่ยนและคนอื่นๆ ที่กำลังมองดูจากที่ห่างไกล เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้กลับมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย
“นางทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายอย่างนั้นหรือ ทัณฑ์สวรรค์นั่นแม้แต่เทพศักดิ์สิทธิ์ยังต้องรับมืออย่างระมัดระวัง เจ้าไม่ต้องการชีวิตแล้วหรือ!”
………………..