ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1902 เกิดเรื่องแล้ว
ตอนที่ 1902 เกิดเรื่องแล้ว
………………..
พิธีสังเวยเลือดได้เปิดออกเป็นครั้งที่สองแล้ว นอกจากขยายขอบเขตการโจมตีที่กว้างขึ้นแล้ว ทัณฑ์สวรรค์ที่เรียกออกมายังแข็งแกร่งขึ้นอีก
สิ่งนี้คือเหตุผลเดิมที่พวกเขาเคยคิดที่จะลงมือ แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาก็เลือกที่จะอยู่ที่เดิมชั่วคราวเพื่อรอดู
… ใครเล่าจะรู้ว่าพวกฉู่หลิวเยว่จะถูกตัดสินด้วยทัณฑ์สวรรค์นี้หรือไม่
แต่วิธีการของฉู่หลิวเยว่ ก็เกินกว่าที่พวกเขาคาดคิดไว้จริงๆ
มือทั้งสองของลั่วเหยี่ยนวางไว้ด้านหลังและไม่พูดอันใด
เขาได้เห็นฉู่หลิวเยว่แสดงพลังการต่อสู้ที่สุสานเทพสังหารด้วยตาตนเอง
เขารู้ดีว่า สตรีผู้นี้…นางไม่มีทางทำเรื่องที่ไม่มีความมั่นใจอย่างเด็ดขาด
นางกล้าทำเช่นนี้เห็นได้ชัดว่านางมั่นใจอยู่มากทีเดียว
แต่ว่า…
สุดท้ายแล้วสำนักกระบี่ทมิฬตั้งใจที่จะสังหารนางในครั้งนี้และได้ใช้พลังไปทั้งหมดจนไม่มีพลังเหลือแล้ว!
แต่นางยังสามารถรับมือได้จริงๆ หรือ
นอกจากยังมีหรงซิว…
ลั่วเหยี่ยนหันมองไปยังร่างสูงขาวที่ยืนอยู่ข้างฉู่หลิวเยว่
หรงซิวไร้การเคลื่อนไหวใดๆ ดูเหมือนว่าเขาคิดที่จะปล่อยให้นางลงมือได้ตามต้องการ…
ลั่วเหยี่ยนรู้สึกไม่สบายใจขึ้นเล็กน้อยอย่างมิอาจอธิบายได้
แม้ในตอนนี้คนเหล่านี้ยังมีท่าทางสงบนิ่งได้เช่นนี้
มิน่าเล่า…พวกเขายังมีไม้ตายสุดท้ายอะไรบางอย่างที่ยังไม่เปิดเผยออก…
“ดูก่อนแล้วค่อยพูด”
ลั่วเหยี่ยนออกคำสั่ง
…
เปรี้ยง!
เสียงดังกึกก้องสนั่นไปทั่ว!
พลังปราณกระบี่และทัณฑ์สวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวโจมตีกันอย่างดุเดือด!
พลังสีเงินและสีขาวกระจัดกระจายออกไปรอบๆ!
แต่ร่างของฉู่หลิวเยว่กลับถูกแสงอันเจิดจ้านั่นกลืนกินจนหายไปนานแล้ว!
มั่วอวิ๋นยิ้มอย่างเยียบเย็นและกระอักเลือดออกมา
“ประเมินตนเองสูงเกินไป!”
เขารู้ว่าฉู่หลิวเยว่อาจมีความสามารถบางอย่าง แต่การสังเวยเลือดนี้ได้เปิดขึ้นในระดับที่สอง พลังอำนาจของมันก็น่าอัศจรรย์นัก!
นางคิดว่าตนมีความสามารถยิ่งใหญ่แต่ครั้งนี้คงยากที่จะหนีรอดไปได้!
ฆ่าฉู่หลิวเยว่ก่อน คนต่อไปก็คือหรงซิว!
ถ้าหากสามารถสังหารคนทั้งสองได้ในครั้งนี้ เช่นนั้นต่อจากนี้ไป เมื่ออยู่ที่สำนักนั่น ไม่เพียงสามารถมีความดีความชอบ แต่ยังคงได้รับรางวัลมากมายอีกด้วย!
ความคิดเช่นนี้ของมั่วอวิ๋นทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
เรื่องราวของยอดเขาหลานชิง เขาไม่อาจควบคุมให้ดีและยังทำให้ท่าเรือดอกท้อทั้งหมดเกิดความโกลาหล
สิ่งนี้แทบจะเป็นโทษประหารชีวิต!
บัดนี้ทำให้เขาสามารถหลีกหนีจากความสิ้นหวังได้แล้ว นั่นก็คือหรงซิวและฉู่หลิวเยว่!
ดังนั้นเขาจึงวางเดิมพันกับสำนักกระบี่ทมิฬทั้งหมด!
ไม่สนว่าจะมีคนบาดเจ็บล้มตายเพียงใด แค่บรรลุผลตามที่เขาต้องการ สิ่งอื่นล้วนไม่สำคัญ!
อย่างใดก็ตามในขณะที่มั่วอวิ๋นกำลังรอเวลาที่ฉู่หลิวเยว่ตายและวิญญาณดับสูญอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากแสงเจิดจ้าเต็มท้องฟ้านั่น!
รูปร่างสูงสง่า ผอมบางงดงาม…นั่นคือฉู่หลิวเยว่!
“เป็น…เป็นไปได้อย่างใด!”
มั่วอวิ๋นเบิกตาโพลงในทันที แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง!
ความภาคภูมิใจที่เพิ่งจะปีนขึ้นไปบนหางตาและปลายคิ้วของเขา เห็นได้ชัดว่ารู้สึกอับอายอย่างมาก
แต่ในขณะนี้เขาไม่ได้สนใจมากมายเช่นนั้น
ในหัวของเขาเหลือเพียงความคิดเดียวเท่านั้น
ฉู่หลิวเยว่เป็นคนแยกทัณฑ์สวรรค์นั่นออกจริงหรือ!
นางไม่ใช่เทพขั้นสูงหรอกหรือ
เหตุใดถึงมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้!
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเข้าใจ ก็เห็นร่างนั้นที่ต้านสายฟ้าขึ้นอีกครั้งและพุ่งตรงไปยังเมฆดำที่พลุ่งพล่านจนเกือบจะโค่นถล่มลงมากว่าครึ่งท้องฟ้าอันกว้างใหญ่
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างถอนหายใจด้วยความหวาดหวั่น
ยังมีทัณฑ์สวรรค์อีกจำนวนมากที่รวมตัวอยู่ในเมฆนั่น
นางพุ่งไปเช่นนี้เหมือนส่งตนเองไปตายอย่างนั้นหรือ
ในสายตาของคนปกติที่ฉู่หลิวเยว่ทำเช่นนี้ แน่นอนว่าตนเองคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว
เมื่อพุ่งเข้าไปในทะเลแสง ใครจะมีชีวิตรอดอยู่ได้
ขณะที่มั่วอวิ๋นจ้องมองร่างนั้นจากระยะไกลที่กำลังมุ่งตรงไปอย่างไม่ลังเล ในใจเขาแทนที่จะโล่งอก กลับตื่นตะหนกใจขึ้นมาแทน
ตั้งแต่พวกเขามุ่งมั่นที่จะสังหารสองคนนี้ พฤติกรรมหลายอย่างของฉู่หลิวเยว่ช่างเกินความคาดหมายของพวกเขาก่อนหน้านี้ไปมากทีเดียว จึงทําให้ผู้คนพากันตกตะลึง
แต่เมื่อทุกครั้งที่พวกเขาคิดว่านางตาย นางกลับรอดชีวิตกลับมาได้อย่างปลอดภัยเสมอ
ครั้งนี้จะเป็นไปได้หรือไม่ก็…
ขณะที่มั่วอวิ๋นกำลังคิดอยู่นั้น จู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างขึ้น
เสียงดังสนั่นแผ่ไปไกลจนแทบหูหนวก!
ทัณฑ์สวรรค์ฟาดลงมา เดิมที่ไม่มีเรื่องอันใดให้ประหลาดใจแต่ประเด็นสำคัญคือ…ทัณฑ์สวรรค์นี้ กำลังมุ่งไปทางมั่วอวิ๋นและคนอื่นๆ
ในครั้งแรกที่เห็น มั่วอวิ๋นยังคงไม่เชื่ออยู่เล็กน้อย
จนกระทั้งทัณฑ์สวรรค์เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว และความกดดันที่น่าสะพรึงกลัวได้บดขยี้มิติทีละนิดๆ จนในที่สุดสำนักกระบี่ทมิฬเพิ่งรับรู้ได้ถึงอันตรายที่เข้ามา
…มิรู้ว่าฉู่หลิวเยว่ใช้วิธีอันใด จึงทำให้ทัณฑ์สวรรค์นี้กลับไปโจมตีพวกเขาได้!
ความประหลาดใจและความไม่เชื่อของมั่วอวิ๋น แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธและหวาดกลัวในทันที
บ้าเอ้ย ไปตายสะ!
ทัณฑ์สวรรค์นี้เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกเขาที่เรียกมา เหตุใดมันถึงกลับไปเริ่มโจมตีพวกเขาแทน
ฉู่หลิวเยว่ต้องการทำอันใดกันแน่!
“เร็วเข้า! รีบป้องกันการสังเวยเลือด!”
มั่วอวิ๋นพูดขึ้นอย่างร้อนรน
พลังทัณฑ์สวรรค์นี้ยอดเยี่ยมจริงๆ ถ้าเขาอยู่ในช่วงเวลาที่รุ่งเรืองคงสบายยิ่งนัก
การสังเวยเลือดทำให้สูญเสียจิตวิญญาณและชีพจรเดิมไปอย่างมาก!
ก่อนหน้านี้ที่พยายามอยู่หลายครั้ง แต่เขาในตอนนี้ไม่สามารถใช้พลังทั้งหมดได้อีกต่อไป
วิธีเดียวคือใช้การสังเวยเลือด!
แต่ทันทีที่เขาพูดจบก็ส่งเสียงร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด
“อ้าาา”
เสียงร้องอย่างร้อนรนปรากฏออกมาเพียงชั่วครู่ และหายไปอย่างรวดเร็ว
มั่วอวิ๋นใจเต้นรัวพลางหันกลับไปมองในทันที
ด้านข้างการสังเวยเลือดมีองค์รักษ์คนหนึ่งในสำนักกระบี่ทมิฬ เพราะเขามีพลังในกายที่มากล้นจนเกินไป จึงกระอักเลือดออกมาและล้มลงไป
แต่ขณะนี้พลังทั้งหมดภายในร่างของเขาได้สูญสิ้นไปจนหมด กำลังที่จะยกแขนขึ้นยังแทบจะไม่มี เช่นนี้จะหลบหนีจากการสังเวยเลือดได้อย่างใด
ในช่วงพริบตาเดียวร่างของเขาก็หายไปในทันที!
ทุกคนนิ่งเงียบลง ในแววตาเผยให้เห็นความตื่นตระหนกอยู่ไม่น้อย
พวกเขาต่างรู้ดีว่าจุดจบของคนผู้นี้คงเหมือนกับมั่วหลินอย่างแน่นอน!
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นบนพิธีการสังเวยเลือด จู่ๆ กลับมีเสียงแตกบางเบาดึงขึ้น
เมื่อมั่วอวิ๋นรีบหันไปมองกลับเห็นการสังเวยเลือดบนเสาเทพยดานั่นปรากฏรอยแตกขึ้นมาในทันที!
ขณะที่เขาจมดิ่งอยู่ภายในใจ…พลังของการสังเวยเลือดก็ไม่เพียงพอ!
การโคจรพลังปราณเพื่อรักษาการสังเวยเลือดจำเป็นต้องหล่อเลี้ยงพลังอย่างต่อเนื่อง
คนเหล่านี้ที่อยู่ในเหตุกาณ์เป็นความทรมานในช่วงเวลาอันสั้นนี้ พลังภายในร่างเดิมตอนนี้แค่พยายามฝืนรักษาไปเท่านั้น
ตอนนี้มีคนตายอย่างกระทันหัน การสังเวยเลือดทั้งหมดล้วนได้รับผลกระทบ!
“เหตุใดคนถึงยังไม่มา!”
มั่วอวิ๋นอดไม่ได้จึงตะคอกเสียงขึ้นด้วยความโมโห!
ก่อนที่เขาจะมาได้ส่งสารออกไปแล้ว
ว่ากันตามเหตุผลแล้วคนที่รับผิดชอบช่วยเหลือภายในสำนักกระบี่ทมิฬในเวลานี้น่าจะมาถึงแล้ว!
แต่ว่า…
แม้แต่คนเดียวก็ไม่มี!
มั่วอวิ๋นมองไปยังทิศททางภายในเมือง
มีแต่ความว่าเปล่าไร้การเคลื่อนไหว
ทันใดนั้นแสงสีขาวแวบผ่านเข้ามาในหัวของเขา
ม่านตาของพลังหดตัวลงด้วยความตกตะลึง
สำนักกระบี่ทมิฬ…เกิดเรื่องแล้ว!