ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1903 จุดจบ
ตอนที่ 1903 จุดจบ
………………..
สำนักกระบี่ทมิฬมีกฏที่เข็มงวดมาโดยตลอด หลังจากที่ได้รับคำสั่งแล้ว พวกเขาจะไม่มีวันฝ่าฝืนกฏโดยไม่มีเหตุผลอันใด
เช่นเดียวกับตอนนี้จนผ่านมานานเช่นนี้ แม้แต่คนเดียวก็ยังไม่มา จึงแน่ใจได้ว่าภายในเมืองต้องเกิดเหตุอันใดที่ไม่คาดคิดขึ้น!
บนหน้าอกของมั่วอวิ๋นราวกับมีเปลวไฟกำลังเผาไหม้อย่างรุนแรง!
เขากํามือทั้งสองไว้แน่นและเกือบจะกัดฟันเหล็กจนหัก
ในเวลาเช่นนี้คนที่ลงมือกับสำนักกระบี่ทมิฬ…หากลองคิดดูก็รู้ว่าเป็นใคร!
เขาหันกลับในทันทีและมองไปยังหรงซิวกับฉู่หลิวเยว่!
เหมือนกับมองเห็นสายตาของเขา ขณะที่หรงซิ่วมองดูฉู่หลิวเยว่อยู่ตลอด จู่ๆ เขาก็เบือนสายตาหันมามอง
ด้วยระยะห่างที่ทั้งสองอยู่ไกลกัน จึงสบตากันไปมา
เพียงแวบเดียวที่มั่วอวิ๋นมองเห็นความประชดประชันและความเฉยเมยที่แสดงออกอย่างเปิดเผยในสายตาเรียวบางที่สุขุมล้ำลึกคู่นั้นจากหรงซิว
ในใจของมั่วอวิ๋นราวกับถูกบางสิ่งชนเข้าอย่างแรง!
ที่แท้คือพวกมัน!
ในขณะนั้นความคิดที่วุ่นวายนับไม่ถ้วนก็แวบเข้ามาในหัวของเขา
ผู้คนจำนวนมากของสำนักกระบี่ทมิฬ อีกทั้งพลังก็ไม่นับว่าอ่อนแอ
แม้เมื่อก่อนจะมีคนบาดเจ็บล้มตายไปบางส่วน แต่สิ่งที่เหลือจะมีพลังมากขึ้นหากได้ร่วมพลังต่อสู้กัน
ไม่ว่าจะพูดอย่างใดก็ล้วนไม่มีใครมาได้!
เพียงเท่านี้ก็พิสูจน์ได้ชัดเจน…
ทั้งหมดของสำนักกระบี่ทมิฬ เกรงว่าครั้งนี้จะตกอยู่ในที่นั่งลำบาก!
แต่…หรงซิงทำได้อย่างใด
ท่าเรือดอกท้อทั้งหมดนี้คือครอบครัวเดียวของสำนักกระบี่ทมิฬ
มั่วอวิ๋นครุ่นคิดไปมาอยู่หลายครั้ง
เขาคิดมาตลอดว่าสำนักกระบี่ทมิฬสามารถควบคุมท่าเรือดอกท้อไว้ในมือได้มากว่าครึ่ง
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้จะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น!
ถ้าหากหลังจากนี้ยังไร้คนมาสนับสนุน เช่นนั้นการสังเวยเลือดนี้คงรักษาไว้ได้ไม่นาน!
“อ่า!”
ในขณะที่มั่วอวิ๋นกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องเหล่านี้ มีองค์รักษ์หนึ่งคนถูกดึงเข้าไปในการสังเวยเลือดเพราะพลังที่มากล้นเกิดไปและมิอาจควบคุมเอาไว้ได้!
ในชั่วพริบตาก็กลายเป็นโครงกระดูก!
พลังบนการสังเวยเลือด เริ่มผิดปกติขึ้นเล็กน้อย
มั่วอวิ๋นเริ่มเป็นกังวลขึ้นมา
หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าฉู่หลิวเยว่ยังไม่ถูกฆ่าตาย ฝั่งพวกเขานี้ก็จะอยู่ไม่ได้แล้ว!
ขณะนี้ในใจเขารู้สึกจงเกลียดจงชังหรงซิวกับฉู่หลิวเยว่ยิ่งนัก
สองคนนี้แท้จริงแล้วใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ้าเลห์อย่างที่สุด!
เรื่องมากมายเมื่อก่อนนี้ เมื่อคิดย้อนกลับไปในตอนนี้จึงพบว่ามีบางอย่างผิดปกติไป
แม้แต่การเริ่มหลบหนีออกจากเมืองของฉู่หลิวเยว่ ล้วนถูกวางแผนไว้เป็นอย่างดี
แต่ตอนนี้คิดถึงเรื่องเหล่านี้ ก็สายไปเสียแล้วอย่างเห็นได้ชัด!
ตูม!
ทัณฑ์สวรรค์ได้ฟาดลงมาอย่างรุนแรงอีกครั้งที่มุ่งไปทางทุกคนของสำนักกระบี่ทมิฬที่เข้ามา!
…
“ฉู่หลิวเยว่นั่นช่างเป็นตัวอัปมงคลจริงๆ เช่นนั้นหรือ”
ผู้อาวุโสหลายท่านของตระกูลหนานเห็นสถานการณ์ในเวลานี้ สีหน้ากลับประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ ก็ทำไม่ได้!
ลั่วเหยียนขมวดคิ้วขึ้น
เขาเดาได้นานแล้วว่าฉู่หลิวเยว่ย่อมไม่ยอมแพ้อันใดง่ายๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นตรงหน้าทั้งหมดกลับเกินกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้มากนัก
การต่อสู้ในศึกครั้งนี้กับสำนักกระบี่ทมิฬ ใครแพ้ใครชนะ เกรงว่าคงยากที่จะบอกได้…
ในเวลานั้นเสียงโครมครามที่ยิ่งใหญ่ จู่ก็ออกมาจากเส้นขอบฟ้า!
ระหว่างสวรรค์และโลก จู่ๆ พลังงานที่ไม่สิ้นสุดก็เดือนพล่านออกเป็นธรรมดา พลังพลุ่งพล่านอย่างบ้างคลั่ง
“แย่แล้ว! ค่ายกลที่ท่าเรือดอกท้อพังทลายแล้ว!”
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ!
เห็นเพียงรัศมีของค่ายกลบางๆ ที่ย้อยลงมาจากท้องฟ้าในระยะไกล ทันใดนั้นก็รู้สึกแตกเป็นเสี่ยง ๆ
มิติเริ่มบีบคั้น!
สวรรค์และโลกเกิดความวุ่นวาย!
ลั่วเหยี่ยนตัดสินใจในทันทีพลางพูดขึ้น
“ถอยเร็ว!”
ยังมีโอกาสอีกมากที่ต้องได้ฆ่าฉู่หลิวเยว่ หากวันนี้ต้องมาถูกฝังช่นนี้ คงไม่เหลืออันใดอีกแล้ว!
แทบจะในเวลาเดียวกันกับที่บนท้องฟ้าจู่ๆ ก็ปรากฏสีดำกว้างใหญ่ขึ้น…นั่นคือหลุมดําที่เกิดจากการพังทลายของมิติ!
พื้นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง!
ยอดเขาที่ทอดยาวต่อเนื่องกันเริ่มถล่มลงมา!
รอยแยกแตกแพร่กระจายนับไม่ถ้วน บนพื้นโลก
ในเวลานั้นท้องฟ้าถล่มแผ่นดินพังทลายราวกับเป็นวันสุดท้าย!