ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1905 เปลวไฟที่เรียกขานนับหมื่น / ตอนที่ 1906 ภาพเมฆาเคลื่อนคล้อย
- Home
- ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
- ตอนที่ 1905 เปลวไฟที่เรียกขานนับหมื่น / ตอนที่ 1906 ภาพเมฆาเคลื่อนคล้อย
ตอนที่ 1905 เปลวไฟที่เรียกขานนับหมื่น / ตอนที่ 1906 ภาพเมฆาเคลื่อนคล้อย
………………..
ตอนที่ 1905 เปลวไฟที่เรียกขานนับหมื่น
ทุกคนต่างตกตะลึง
เปลวไฟนี้…มากเกินไปจนหลีกเลี่ยงไม่ได้!
บนเขา กลางป่าหรือหุบเขา!
แม้จากทุกซอกทุกแห่งภายในเมืองก็มีเปลวไฟพุ่งออกมาในทันที!
ท่าเรือดอกท้อทั้งหมดจมอยู่ในทะเลเพลิงอย่างรวดเร็ว!
เดิมที่ท้องฟ้าที่มืดมนมัวหมอง บัดนี้ส่องสว่างจากเปลวไฟนี้ไม่สิ้นสุด!
ไฟสีน้ำเงินเข้มที่โหนกระหน่ำได้แผดเผาหัวใจของผู้คนนับไม่ถ้วน!
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้…เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ได้”
“ยังมีอันตรายที่หลบซ่อนในท่าเรือดอกท้ออยู่อีกเช่นนี้หรือ”
“เปลวไฟนี้คืออันใดกันแน่”
คำถามมากมายยังคงอยู่ในใจของทุกคน จนทำให้ผู้คนตื่นตระหนก
ลมปราณเพลิงไฟแกร่งกล้าและทรงพลังอย่างมหาศาล!
ค่ายกลท่าเรือดอกท้อได้พังทลายลงจึงไม่มีวิธีเข้าไปได้
ชั่วครู่เปลวไฟได้ลุกลามจนหมดสิ้น พวกเขาเหล่านี้เกรงว่าคงไม่มีใครหนีรอดไปได้!
เสียงพูดคุยค่อยๆ เงียบลง
มีคนร้องเสียงสะอึกสะอื้น
ทุกคนในเมืองทุกที่แทบตกอยู่ในความสิ้นหวังอย่างที่สุด
บัดนี้พวกเขามีเพียงสิ่งเดียวที่ทำได้คือรอความตาย…
พรึบ!
แสงที่ส่องสว่างจากเปลวไฟที่พุ่งอกมาในทันใด!
ลำแสงทอดยาวเป็นเส้นตรงกลางท้องฟ้าและมุ่งตรงไปทางฉู่หลิวเยว่!
สถานการณ์นี้มีคนพบเห็นมากมาย
“นั่นคือสิ่งใด”
“ไม่รู้สิ…ข้ามองเห็นไม่ชัด…”
“สิ่งนี้ดูเหมือนไม่ใช่ครั้งแรกที่นางทำเช่นนี้ ก่อนหน้ามีเปลวไฟปะทุขึ้นบนยอดเขาหลายแห่งนอกเมือง บางทีอาจมีของสิ่งใดบางอย่างพุ่งผ่านไป…ดูเหมือนนางกำลังมองหาของสิ่งใดบางอย่างในกองไฟนั่นหรือไม่!”
“ข้าคิดออกแล้ว! ก่อนหน้าคนของสำนักกระบี่ทมิฬเฝ้าระวังยอดเขาหลานชิงทุกอย่างเหมือนว่ากำลังตามหาสิ่งใดบางอย่างเช่นเดียวกัน”
ในเวลานี้ที่เกิดเรื่องขึ้น ทุกคนที่ท่าเรือดดอกท้อส่วนใหญ่ต่างรู้ดี
ดังนั้นเมื่อมีคนผู้หนึ่งเตือนขึ้น หลายคนจึงโยงเรื่องเหล่านี้เข้าด้วยกันในทันที
เหตุใดจึงมีสายตาหลายคู่จ้องมองเช่นนี้ สิ่งที่คาดเดานี้แทบจะยืนยันได้เป็นอย่างดี!
แต่ว่า…เปลวไฟที่พุ่งออกมา คือสิ่งใดกันแน่
สายตาของคนนับไม่ถ้วนมองไปทางฉู่หลิวเยว่!
…
แน่นอนว่าฉู่หลิวเยว่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร
ขณะที่แสงสว่างพุ่งออกมาจากด้านล่าง นางจึงตั้งมั่นเพ่งสมาธิและกำโล่ดำเอาไว้ในมือแน่น
แกร๊ก!
เสียงแตกหักที่คุ้นชินดังขึ้น!
หลังจากนั้นชิ้นส่วนสนิทก็หลุดร่วงออกจากโล่!
มุมหนึ่งของอักษรหลับค่อยๆ เปิดเผยขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แสงสว่างทั้งสายพุ่งไปด้านหน้าของฉู่หลิวเยว่
ผลึกแก้วบางสีน้ำเงินค่อยๆ ปกคลุมตรงที่สนิทหลุดลอกออกไป
แสงสว่างส่องประกายและค่อยๆ ปกคลุมมันทั้งหมด
โล่ในมือกลับหนักขึ้นเรื่อยๆ!
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น!
เสียงเยาะเย้ย!
เสียงดังสั่นทั่วฟ้าแพร่กระจายมาจากทุกทิศทาง!
ฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่กลางท้องฟ้าและมองต่ำลงไป
ท่าเรือดอกท้อที่กว้างใหญ่ มีเปลวไฟนับไม่ถ้วนลุกโชนขึ้นมา!
ชิ้นส่วนของผลึกแก้วบางห่อหุ้มด้วงแสงประกายและพุ่งออกมา!
โล่ดำราวกับถูกเรียกจากพลังบางอย่างมันจึงเริ่มสั่นเบาๆ ขึ้น!
นิ้วมือของฉู่หลิวเยว่รู้สึกชาขึ้น เป็นเพราะใช้แรงจนทำให้นิ้วมือขาวซีด
ทว่านางยังดึงพลังออกมาทั้งหมด เพื่อจับโล่ดำเอาไว้ในมืออย่างมั่นคง!
เสียงแตกอันแหลมคมดังขึ้น
แผ่นสนิมหลุดลอกออกที่ละแผ่นๆ
ในขณะเดียวกันแรงดันหนาที่แข็งแกร่งจนน่าสะพรึงกลัวมันค่อยๆ กระจายออกไป!
พรวด!
เลือดภายในร่างกายของฉู่หลิวเยว่พลุ่งพล่านขึ้นในทันที พลังปราณเดิมแทบจะเดือดพล่าน!
ขณะนั้นนางกระอักเลือดออกมาและใบหน้าขาวซีดลงในทันที!
รอยเลือดที่มุมปากยิ่งทำให้นางดูซีดเซียวมากขึ้น
ร่างที่สั่นสะท้านเบาๆ นั่น เห็นได้ชัดว่านางตกในความกดดันมหาศาลในเวลานี้เช่นเดียวกัน!
อย่างไรก็ตามดวงตาสีนิลของนางกลับเย็นชาและปล่งประกายระยิบระยับ แต่กลับสงบเยือกเย็นยิ่งนัก!
ดวงตาที่ลุกโชนคือจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่บ้าคลั่ง!
ลำแสงนับไม่ถ้วนพุ่งมาจากทุกทิศทุกทางที่ท่าเรือดอกท้อ!
ปัง!
เกราะทองคำบนร่างของฉู่หลิวเยว่ จากการจู่โจมที่ปั่นป่วนในมิติอันน่าสะพรึงกลัวรอบๆ นั่น จึงระเบิดขึ้นจนแตกกระจาย!
ตอนที่ 1906 ภาพเมฆาเคลื่อนคล้อย
สีหน้าหรงซิวเรียบเฉย และความเยือนเย็นก็แวบเข้ามานัยน์ตา!
ขาเรียวยาวของเขากำลังคิดที่จะก้าวไปข้างหน้า กลับต้องหยุดฝีเท้าลงอีกครั้ง เมื่อเห็นโล่ดำด้านหน้าฉู่หลิวเยว่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงอันเจิดจ้า
ในเวลาเช่นนี้ไม่ว่าใครที่ผ่านมาล้วนเปล่าประโยชน์ทั้งสิ้น
ทั้งหมดนี้…สามารถพึ่งพาตนเองได้!
สิบสามผู้พิทักษ์เยว่และคนอื่นๆ ทุกคนล้วนเห็นเหตุการณ์ในครั้งนี้ จึงค่อยๆ เผยสีหน้ากังวลออกมา
“นายท่าน!”
เฉิงอียกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้ทุกคนใจเย็นลง
“พี่ใหญ่?”
ตอนนี้ไม่เพียงสิบสามทุกคนเท่านั้น แม้แต่ซานซานยังลังเลเล็กน้อยอีกด้วย
สถานการณ์ของนายท่านดูไม่ดีเลยจริงๆ…
สีหน้าของเฉิงอีสงบราบเรียบ และไม่มีความเห็นอันใด
ถึงแม้ว่าหลายคนดูร้อนรน เพียงแต่ยังตั้งตารอยคอยอยู่ที่เดิม
“เสียงเอ่ยแหบแห้ง…”
เดิมที่ซานซานต้องการจะพูดอันใดบางอย่าง แต่จู่ๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้น
“พี่สาม เป็นอันใดไป”
สิบสามเอ่ยถามในทันที
ซานซานโบกมือไปมาและบนใบหน้าปรากฏรอยย่นขึ้น
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แค่…ช่องว่างเล็กๆ นั่นกำลังจะพังแล้ว!”
เสียงหัวเราะลั่น!
ทันทีที่พูดจบแสงส่องสว่างก็พุ่งออกมาจากทิศทางของผาธารใส!
สีฟ้าแผ่นบางๆ นั่นถูกพันด้วยเปลวไฟที่ส่องสว่างและตกลงยังตำแหน่งตื้นที่สนิทหลุดลอกออกมาในตอนแรก
ตูม!
ดูเหมือนเป็นเพราะได้รับการบีบคั้นที่ปั่นป่วนจากมิติรอบๆ จึงทำให้ผาธารใสก็เริ่มพังทลายลง!
หินก้อนใหญ่กลิ้งตกลงมาจากภูเขา ส่งเสียงดังสนั่น!
เปลือกตาของซานซานกระตุกขึ้นอย่างแรง จนรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างมากพลางพูดขึ้นว่า
“ของ…ของรักของข้า!
ถ้าหากมิติเล็กๆ นั้นถูกทำลายลง ความสูญเสียคงมิอาจประเมินได้!
เพียงแค่คิดเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาจริงๆ!
อย่างใดก็ตามในเวลานี้ที่ฉู่หลิวเยว่ลอยอยู่กลางอากาศ จู่ๆ นางก็ยกมือขึ้น!
อาณาเขตเซียนเทพสีเงินแดงพุ่งออกไปราวกับแม่น้ำแห่งสวรรค์ที่โปรยปรายลงมา!
ในชั่วพริบตาผาธารใสก็ถูกปกคลุม
แสงรัศมีที่กระพริบระยิบระยับเบาๆ ดึงดูดความสนใจของผู้คนโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่วุ่นวายเช่นนี้
ดวงตาของซานซานพลันสว่างในพริบตา!
นายท่านได้ลงมือด้วยตนเอง เพื่อปกป้องมิติเล็กๆ ของเขา!
“นายท่านดียิ่งนัก ฮือออ!”
ซานซานแทบจะน้ำตาไหลออกมาด้วยความดีใจ
สิ้นหวังก่อน ถึงจะมีหวัง ความรู้สึกขึ้นๆ ลงๆ เช่นนี้ ช่างเจ็บแสบเกินไปจริงๆ
หัวใจดวงเล็กๆ ของเขาใกล้จะรับไม่ไหวแล้วใช่หรือไม่
เฉิงอีชำเลืองมาเขาเบาๆ พลางยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่พูดอันใด
ยอดเขาหลายแห่งที่ถูกทำลายลงไปก่อนหน้านี้ และทางฝั่งนายท่านก็ไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ
ทางฝั่งผาธารใสเพิ่งจะมีการเคลื่อนไหวขึ้น นางท่านจึงตัดสินใจลงมืออย่างไม่ลังเล
เพียงเท่านี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่านายท่านก็มิอาจเสียมิติเล็กๆ นั่นไปได้เช่นกัน
เมื่อเห็นซานซานตื่นเต้นเช่นนี้ สำหรับเฉิงอีก็ยากที่เขาจะไม่แสดงความใจดีมีเมตตาออกมา
“อาณาเขตเซียนเทพของนายท่าน…เหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้วอย่างนั้นหรือ”
อู่เหยาจ้องมออาณาเขตเซียนเทพที่ไหลช้า ๆ เหมือนน้ำตกพลางพึมพําเบา ๆ
“พี่ห้า ท่านก็สัมผัสได้หรือ”
อวี๋จิ่วพยักหน้าเห็นด้วย
“ข้าก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกัน…”
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างจากฉู่หลิวเยว่เล็กน้อย แต่ตอนที่ยืนอยู่ที่นี่กลับสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่น่าอัศจรรย์ที่แพร่กระจายไปทั่ว ตอนที่อาณาเขตเซียนเทพนั่นเอียงลงมา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาเห็นนายท่านของตนกางอาณาเขตเซียนเทพ แต่ครั้งนี้…ราวกับมีพลังปราณและการบีบคั้นที่แข็งแกร่งที่สุด!
“อาณาเขตเซียนเทพยังแข็งแกร่งขึ้นอีกหรือ”
สิบสามมีสีหน้าสับสนงุนงง
อาณาเขตของผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูง ไม่ใช่หลังจากที่เลื่อนขั้นเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว ถึงจะมีโอกาสเพิ่มระดับได้ไม่ใช่หรอกหรือ“
ตอนนี้เขาเป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นที่เจ็ดที่ยังหนทางอีกห่างไกลจากเทพขั้นสูง ดังนั้นความรู้มากมายที่เกี่ยวกับเทพขั้นสูงล้วนได้ยินมาจากเฉิงอีและคนอื่นๆ
“แน่นอนว่าคนธรรมดาเป็นเช่นนี้ แต่นายท่านของพวกเราไม่ใช่คนธรรมดานะสิ!”
สือฟังถอนหายใจ หลังจากนั้นก็แสดงความคับข้องใจออกมา
“เพียงน่าเสียดายที่สวนผักของข้า…เกรงว่าต่อไปจะถูกทำลายอีกแล้ว…”
วันแรกที่มาถึงท่าเรือดอกท้อ เขาก็ปลูกผักในสวนหลังจวนอย่างเพลิดเพลินใจ
คิดว่าครานี้คงราบรื่นเป็นอย่างดีไปทั้งหมด ใครจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ขึ้นอีก!
นี่เป็นสิ่งที่ดีมาก
ผักที่เขาปลูกโตขึ้นมาได้ช่างไม่ง่ายเลย จนกินไม่ทันเสียแล้ว!
เมื่อนึกถึงเรื่องที่พบเจอมาในช่วงหลายวันมานี้ทำให้สือฟังรู้สึกปวดใจยิ่งนัก
หากคำนวณดูแล้วเป็นเวลาหลายวันแล้วที่เขายังไม่ได้กินอาหารอย่างจริงจังเลยสักมื้อเดียว…
ทุกคนชำเลืองมอง
เรื่องนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใดแล้ว ในท่าเรือดอกท้อทั้งอันตรายและไม่ปลอดภัยผู้คนต่างกลัวตายอยู่ที่นี่
ก็คงมีเพียงแต่สือฟังเท่านั้น ที่ยังคิดถึงอาหารเหล่านี้…
ทว่ามีบางคนที่ดึงสายตากลับไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
สือฟังเป็นเช่นนี้มาตลอด พวกเขาคุ้นเคยจนเห็นเป็นเรื่องปกติมานานแล้ว
หลังจากนั้นพวกเขาจึงมองไปทางฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง
ก็มิรู้ว่าครั้งนี้นายท่านจะสามารถรับมือคนเดียวกับสถาณการณ์ตรงหน้าได้จริงๆ หรือไม่…
…
“ซั่งกวนเยว่ผู้นี้ เป็นปัญหาจริงๆ!”
ผู้อาวุโสหลายท่านของตระกูลหนานตื่นตกใจมากขึ้น เมื่อเห็นเปลวไฟที่ลุกไหม้สร้างความวุ่นวายไปทุกหกทุกแห่ง
“หากท่าเรือดอกท้อถูกทำลายจนสิ้น นางคิดว่านางจะอยู่คนเดียวอย่างที่พูดได้หรือ!”
เดิมที่คิดว่าคนของสำนักกระบี่ทมิฬก็บ้าพอแล้ว คิดไม่ถึงว่านางจะยิ่งกว่า!
ที่พวกเขาต้องการลากคนทั้งหมดไปตายด้วยกัน!
ลั่วเหยี่ยนมีสีหน้ามืดมน จู่ๆ เขาก็หยิบม้วนภาพสีแดงเล่มหนึ่งออกมา
บนม้วนภาพนั้นถูกปกคลุมไปด้วยแสงบางๆ ชั้นหนึ่ง
มีแรงบีบคั้นที่หนักหนาจนเกิดเป็นประกายไฟพุ่งออกมา
คนที่อยู่ด้านข้างมองเห็นม้วนภาพนี้ต่างตกใจกันทั้งหมด
“ภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยหรือ”
ภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยนี้เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อและยังเป็นสิ่งล้ำค่าของตระกูลหนาน!
ซึ่งแตกต่างจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ที่ดูน่าเกรงขามและใช้สำหรับต่อสู้รบราฆ่าฟัน ของล้ำค่านี้มีเพียงหน้าที่เดียวไม่ว่าเจ้าของเป็นใครก็ตาม
และสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้โดยการบังคับเปิดมิติภายในเวลาอันสั้นและส่งผู้ที่ครอบครองมันไปยังที่อื่น!
โดยปกติไปแล้ว สิ่งนี้คือค่ายกลเคลื่อนย้ายที่พกติดตัวไปได้
เมื่อได้ยินเข้าบางทีคนส่วนใหญ่คิดว่าสิ่งนี้เป็นของธรรมดา ไม่ได้พิเศษอันใด
แต่มีเพียงคนที่เข้าใจพลังของมันจริงๆ เท่านั้น ถึงจะรู้ว่าของสิ่งนี้ทรงพลังมากเพียงใด!
ในเวลาปกติที่ต่อสู้เข่นฆ่ากัน ภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยนี้อาจจะไร้ประโยชน์ แต่ในช่วงเวลาวิกฤตมันกลับสามารถช่วยรักษาชีวิตเอาไว้ได้!
เช่นเดียวกับในเวลานี้!
ลั่วเหยี่ยนและคนอื่นๆ พยายามหนีออกไปก่อนหน้านี้ แต่ล้วนจบลงด้วยความล้มเหลว
ความหวังเดียวในตอนนี้ก็คือภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยนี้แล้ว!
“แต่ของสิ่งนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่าใหญ่หรือเล็กตั้งแต่แรก….”
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย พูดได้เพียงครึ่ง จู่ๆ ก็ตื่นตกใจและรู้สึกเสียมารยาท เมื่อเห็นลั่วเหยี่ยนมองมาอย่างน่าหวาดกลัว เขาจึงรีบหยุดพูดลงในทันที
ใบหน้าของลั่วเหยี่ยนไม่ได้แสดงความรู้สึกอันใด
“การออกเดินทาง คุณชายใหญ่ได้มอบของสิ่งนี้ให้ข้าเป็นพิเศษเพื่อเก็บรักษาเอาไว้ เดิมทีคิดว่าจะรอหลังจากฆ่าหรงซิวกับซั่งกวนเยว่แล้ว จึงค่อยกลับตระกูลหนาน…”
ผู้อาวุโสหลายท่านต่างเงียบเสียงลง
ก้มหน้าอย่างละอายใจ
จริงๆ แล้วพวกเขาล้วนไม่เชื่อคำพูดเช่นนี้ของลั่วเหยี่ยน
ภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยมีสถานะสูงสุดของตระกูลหนาน และผู้นำตระกูลเป็นผู้เก็บรักษามาโดยตลอด
ในครั้งนี้คาดว่าเป็นผู้นำตระกูลที่แอบขโมยของมาให้คุณชายใหญ่ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้เขาได้ใช้มัน…
ต่อให้สู้ไม่ได้ หนีก็ยังได้!
หนานอวี่สิงไม่ใช่ไม่รู้ถึงความสำคัญของของล้ำค่านี้ เหตุใดถึงมอบให้ลั่วเหยี่ยนได้เล่า
แน่นอนว่าเขาพกติดตัวมาเองก็สามารถใช้ได้ อีกทั้งยังสามารถปกป้องชีวิตตัวเขาไว้ได้อีก!
แต่ในเวลานี้กับปัญหาเหล่านี้ที่แก้ไขไม่ได้อย่างเห็นได้ชัด
พรึบ!
ลั่วเหยี่ยนหมุนข้อมือและเปิดภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยออกในทันที!