ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1907 ความสัมพันธ์
ตอนที่ 1907 ความสัมพันธ์
………………..
แสงสว่างเจิดจ้าออกมาจากภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยสีแดงนั้น
หลังจากนั้นแสงสว่างได้แผ่ออกมาอย่างเบาบางและเชื่องช้า
ทุกที่ที่ผ่านไปมิติถูกแช่แข็ง
แสงสว่างเหมือนคลื่นน้ำเงียบสงบ จนมิติอีกด้านหนึ่งทะลุออกมา
ระยะห่างที่เห็นราวกับประตูบานหนึ่ง คลื่นแสงแผ่กระจายและตั้งตระหง่าอย่างเงียบเชียบ
ลั่วเหยี่ยนแหงนหน้าขึ้นไปด้วยความมั่นใจ
เพียงสามารถใช้ภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยออกจากที่นี่ไปได้ เรื่องทั้งหมดล้วนง่ายทั้งนั้น!
ความเร็วของเขาว่องไวอย่างมาก เมื่อก้าวออกมาก็ตกลงไปในคลื่นใหญ่ที่สั่นไหวนั่น
มิติที่วุ่นวายบริเวณรอบๆ ในขณะนั้นเหมือนมันแยกตัวออกมา
ลั่วเหยี่ยนเม้มริมฝีปาก และรู้สึกสงบลงไม่น้อย
และผู้อาวุโสหลายท่านที่ยื่นอยู่ด้านหลังเขา สถานการณ์ในขณะนั้นทุกคนต่างตื่นตกใจขึ้นเล็กน้อย
ภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยช่างสมคำล่ำลือจริงๆ!
ดูเหมือนพวกเขาคงออกจากที่ไปได้แล้วด้วยของสิ่งนี้!
อย่างใดก็ตามในเวลานี้ปราณกระบี่จู่ๆ พุ่งออกมา!
ลั่วเหยี่ยนรู้สึกไม่ดีนัก ทำได้เพียงขยับหนีไป!
ขณะที่ก้าวเข้าไปในภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยได้เพียงครึ่งก้าวนั้น ก็ถูกบังคับให้ถอยออกไป
พรึบ!
ลมปราณเยือกเย็นแหลมคม แวบเขามาตรงหน้าอย่างรวดเร็ว!
แม้กระทั่งลั่วเหยี่ยนยังไม่ทันได้กางค่ายกล บนใบหน้าของเขาปรากฏบาดแผลลึกที่เปิดออกขี้น!
ความเจ็บปวดปะทุขึ้น
หัวใจของลั่วเหยี่ยนสั่นไหวอย่างรุนแรง แทบทะลุออกมาจากอก!
หากการตอบโต้ของเขาช้าเพียงครึ่งเดียว ปราณกระบี่เล่มนี้บางทีคงได้ตัดหัวเขาไปเสียแล้ว!
หลังจากตื่นตระหนกใจ ความโกรธแค้นก็ยิ่งโหมกระหน่ำมากขึ้น!
เขาเงยหน้ามองไปทางฉู่หลิวเยว่ด้วยความเคียดแค้นอย่างที่สุด
ตัวนางเองก็ยังเอาตัวไม่รอด แต่ยังมีใจมุ่งมั่นที่จะจัดการพวกเขา!
“ซั่งกวนเยว่! หากเจ้าตายก็ไม่มีใครรั้งเจ้า! อย่าลากคนทั้งหมดฝังไปพร้อมกันเจ้าเลย!”
ลั่วเหยี่ยนตะโกนขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ!
เสียงที่เยียบเย็นและทุ่มต่ำแผ่ขยายไปบนท้องฟ้า!
มุมปากของฉู่หลิวเยว่โค้งงอขึ้นอย่างเรียบเย็น
“ลั่วเหยี่ยน คำพูดเจ้านี้เข้าไม่อาจเห็นด้วยได้ ตั้งแต่ต้นจนจบ ข้าไม่เคยคิดที่จะตาย ข้าแค่…ไม่อยากเห็นคนที่ข้าเกลียดมีชีวิตที่ดีก็เท่านั้น”
“เจ้า!”
ลั่วเหยี่ยนหายใจถี่และกำลังคิดจะต่อต้าน จู่ๆ ในหูของเขามีเสียงประหลาดดังขึ้น
เขาหันไปมองและดวงตาเบิกโพลงอย่างหวาดกลัวในทันที!
บนภาพเมฆาเคลื่อนคล้อย ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีแดงทองชั้นหนึ่งที่กำลังลุกโชติช่วงในเวลานั้น
มันได้รับผลกระทบจากเปลวไฟ แสงที่แผ่ขยายออกมาหนึ่งชั้นนั้นก็ค่อยๆ มืดมนลง
…มิติที่ทอดยาวออกไปกำลังถูกปิดกั้นลง!
ลั่วเหยี่ยนแทบไม่หายใจออกมา
สตรีผู้นี้…ลงมือได้โหดร้ายนัก!
ภายใต้สถานการณ์ที่นางก่อขึ้น จึงไม่ยอมให้ใครหนีออกไปได้!
นางบ้าไปแล้วจริงๆ!
ภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยต้องเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋ออย่างแท้จริง!
ว่ากันตามเหตุผลแล้ว อาศัยพลังของฉู่หลิวเยว่เอง ไม่ว่าอย่างใดคงไม่สามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตได้…
“นั่นคืออันใด”
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่อยู่ด้านหลังจู่ๆ ก็เห็นบางสิ่งและพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ
หลั่วเหยี่ยนมองตามสายตาของเขา จนมองเห็นเปลวไฟสีแดงทองที่ลุกโชนนั่น เหมือนห่อหุ้มไปด้วยเปลวไฟที่โปรงใส!
ความกดดันหนักหนาขึ้นเป็นสองเท่า พลังเกินกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้!
“นี่คือ…เพลิงแห่งกรรมของหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์หรือ!”
ลั่วเหยี่ยนมีประสบการณ์มากมาย จึงแยกออกได้อย่างรวดเร็วถึงต้นทางของเปลวไฟทีโปร่งแสงนั่น
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ในใจของเขาก็ดิ่งลงลึกในทันที
ภาพเมฆาเคลื่อนคล้อย แท้จริงแล้วก็คือหนึ่งในสิบสมบัติศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่!
แต่เทียบกับหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์แล้ว กลับด้อยกว่าเล็กน้อย!
อันที่จริงมันไม่ได้ใช้เพื่อการต่อสู้
พูดกันตามตรงๆ มันคือไพ่ตายที่ไว้ใช้หลบหนีเพื่อรักษาชีวิต
แต่หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์นั้นต่างกัน
ในขณะนี้กองกำลังของทั้งสองฝ่ายพัวพันกันไปมา จนปรากฏช่องว่างหนึ่งออกมา!
“นางต้องการทำอันใดกันแน่!”
ลั่วเหยี่ยนพูดด้วยความรู้สึกรังเกียจอย่างที่สุด!
…
แต่ความสนใจของฉู่หลิวเยว่กลับแทบไม่ได้อยู่ที่นี่เลย
นางเก็บกระบี่ชื่อเซียวในมือ และเปลี่ยนเป็นจับโล่ดำในมือไว้แน่น
…สนิทด้านบนหลุดลอกออกมากว่าครึ่งหนึ่ง ความกดดันที่หนักอึ้งแทบทำให้นางหายใจไม่ทันอยู่เล็กน้อย
และปกคลุมไปด้วยแสงสว่างอันเจิดจ้า อักษรที่สลักไว้ด้านบนปรากฏวับวาบขึ้น
น้ำหนักของมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกิดความที่จินตนาการไว้ แม้ขนาดฉู่หลิวเยว่ในเวลานี้ ไม่สามารถถือโล่ได้มือเดียวและต้องใช้มือทั้งสองแทน
พลังปราณเดิมที่ทรงพลังพุ่งออกมาจากตันเถียนอย่างต่อเนื่อง และเข้าไปในร่ากายทุกส่วนของนาง
พลังเหล่านั้นกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง
เม็ดเหงื่อเล็กๆ มันซึมออกมาจากหน้าผากที่อวบอิ่นของนาง
ใบหน้าของนางยิ่งขาวซีดลงเรื่อยๆ ในดวงตาสีนิลทั้งคู่ราวกับมีเปลวไฟลุกโชน!
ท้องฟ้าแทบพังทลายอย่างสมบูรณ์ พื้นดินเต็มไปดูหุบเขาขว้างกั้นและเปลวไฟลุกโชนอย่างบ้าคลั่งไปทุกหนทุกแห่ง
มองแวบเดียวเหมือนกับนรก
ฉู่หลิวเยว่หายใจเข้าลึกๆ กำหนดลมหายใจและตั้งสมาธิ
เสียงหวีดร้องบนโล่ดยังคงก้องอยู่ในหูของนางไม่หยุด แทบจะทำให้ปราณเดิมในร่างนางเดือดพล่าน!
…
ทุกคนของสำนักกระบี่ทมิฬทางฝั่งตรงข้าม สถานการณ์ในตอนนี้ก็ย่ำแย่ยิ่งนัก
เมื่อครู่ฉู่หลิวเยว่ฝืนเคลื่อนย้ายทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นที่ระเบิดลงมาจนเกือบถึงแก่ชีวิต!
เดิมที่ทุกคนของสำนักกระบี่ทมิฬถูกพลังและจิตวิญญาณระบายออกด้วยการสังเวยเลือด มิรู้ว่าทนรับการโจมตีที่น่าหวาดกลัวนี้ได้เช่นใด
หลังจากการระเบิดนั่นสำนักกระบี่ทมิฬมีคนตายและบาดเจ็บกว่าครึ่ง!
การสังเวยเลือกที่ยิ่งใหญ่นั่นสั่นขึ้นอย่างรุนแรง! และเริ่มปะทุขึ้นอย่างรุนแรง!
มันถล่มลงทีละน้อยทีละน้อย!
มั่วอวิ๋นรู้ดีว่าสถานการณ์นี้มิอาจย้อนกลับได้อีกแล้ว ร่างกายสั่นเทาเต็มไปด้วยความไม่พอใจและความแค้น!
เปรี้ยง!
ในที่สุดการสังเวยเลือดก็พังทลายลง!
คนในสำนักกระบี่ทมิฬเหล่านั้นยืนอยู่ตรงริมขอบ เมื่อหนีไม่ทันพวกเขาจึงถูกกลืนกินหายไปด้วยพลังกับเลือดที่บ้าคลั่งนั่น!
มั่วอวิ๋นได้รับแรงกระแทกอย่างหนัก จนร่างกระเด็นลอยออกไป!
ในที่สุดดวงตาทั้งคู่ของเขาเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด!
ในณะที่ทุกคนคิดว่าเขาตายอย่างแน่นอนในครั้งนี้ จู่ๆ กลับเห็นเขาฝืนบังคับร่างให้มั่นคงขึ้น
ชั่วครู่ต่อมาเขามองไปทางฉู่หลิวเยว่!
“ชั่งกวนเยว่ ครั้งนี้เจ้าเป็นคนบีบบังคับข้า!”
เสียงของอินอู้ที่เยียบเย็น เผยให้เห็นเจตนาฆ่าที่รุนแรงบ้าคลั่ง!
ในขณะเดียวกันที่เสาเทพยดาได้แวบขึ้นมาในทันทีตรงระหว่างคิ้วของเขา!
เมื่อฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้น เกล็ดน้ำแข็งหนาๆ ได้ปกคลุมบนคิ้วและตาของนาง
เสาเทพยดานั่น นางไม่อาจคุ้นเคยไปได้มากกว่านี้!
…ถ้ำปีศาจทมิฬ!
ตามที่เรียกว่าสำนักกระบี่ทมิฬเห็นได้ชัดว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดอย่างมากกับถ้ำปีศาจทมิฬ!
“เป็นถ้ำปีศาจทมิฬที่ส่งเจ้ามาที่นี่หรือ!”
ประโยคหนึ่งเพิ่งเอ่ยถามขึ้นมา
มั่วอวิ๋นหัวเราะอย่างเรียบเย็น และไม่ตอบกลับอันใด เพียงแต่พุ่งตรงไปหาฉู่หลิวเยว่อย่างรวดเร็ว!
พลังสวรรค์และโลกในบริเวณรอบๆ จู่ๆ เขาก็รวมตัวกันอย่างบ้าคลั่ง!
เพียงหายใจในเวลาอันสั้น พลังของเขาได้ฟื้นคืนเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์