ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1908 อย่าเสียเวลาเยว่เออร์ของข้า
………………..
หลังจากปล่อยพลังขั้นสุดท้ายออกมา มั่วอวิ๋นไร้ความปราณีใดๆ เขากลืนกินพลังรอบตัวอย่างบ้าคลั่ง เพื่อเพิ่มพลังให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น!
สำนักกระบี่ทมิฬดูไม่น่าเชื่อถืออีกแล้ว เขาทำได้เพียงพึ่งพาตัวเองเท่านั้น!
แม้ก่อนหน้าทางสำนักคอยกำชับอยู่หลายครั้งว่า ให้ดำเนินการอย่างระมัดระวัง เมื่อเวลาไม่จำเป็นอย่าเปิดเผยตัวตน
แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!
เมื่อเป็นเช่นนี้ต่อไปคงมีเพียงหนทางตายเท่านั้นที่รอเขาอยู่!
วันนี้แม้ว่าเขาต้องตายก็จะเอาคนเหล่านี้ไปด้วย!
…
แต่ก่อนที่มั่วอวิ๋นจะพุ่งไปหาฉู่หลิวเยว่ก็ถูกใครบางคนหยุดเอาไว้
ร่างเรียวบางและสูงสง่าได้พุ่งมาแทบจะชั่วพริบตาเดียวที่เขาเข้ามาขวางมั่วอวิ๋นเอาไว้ได้
นั่นคือหรงซิว!
เมื่อเห็นใบหน้าสูงส่งอันชั่วร้ายนั่นมั่วอวิ๋นก็รู้สึกเคียดแค้นอยู่ในใจ
เมื่อเวลานี้มาถึงสีหน้าของบุรุษผู้นี้ยังคงสงบนิ่งได้เช่นนี้!
ดูเหมือนในใต้หล้านี้คงไม่มีเรื่องอันใดที่ทำให้เขาประหม่าหรือหวาดกลัวได้เลย!
ยิ่งเขาเป็นเช่นนี้อารมณ์ภายในของมั่วอวิ๋นก็ยิ่งระเบิดความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ!
มีสิทธิ์อันใด!
เหตุใดการต่อสู้ในครั้งนี้สำนักกระบี่ทมิฬของพวกเราถึงมีแต่คนตายและคนบาดเจ็บ แต่คนที่อยู่ตรงหน้าเหล่านี้แทบจะไม่ได้รับผลกระทบอันใดเลย
“หรงซิว! เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”
มั่วอวิ๋นตะโกนขึ้นด้วยเสียงรุนแรง
เรื่องที่เกิดขึ้นเช่นนี้มั่วอวิ๋นก็มองออกว่าท่าเรือดอกท้อต้องถูกทำลายให้สิ้น
ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเขาได้ใช้กำลังคนและกำลังทรัพยากรทั้งหมดไปมากมายนับไม่ถ้วน สุดท้ายกลายเป็นไม่เหลืออันใดเลยทั้งสิ้น!
แม้แต่ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนที่อยู่ที่นี่ต้องชดใช้ด้วยชีวิต!
แน่นอนว่ามั่วอวิ๋นไม่ได้สนใจความเป็นความตายของคนพวกนั้นเขาสนใจแต่ตนเอง!
ขณะนี้เขาได้ใช้วิชาลับไปแล้ว เพื่อฟื้นความแข็งแกร่งและเสริมพลังของตนเอง แต่เมื่อเผชิญกับมิติที่พังทลายรอบ ๆ นั่น เขายังรู้อ่อนกำลังเล็กน้อย
แต่เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของฉู่หลิวเยว่!
ถ้าหากนางไม่เรียกเปลวไฟมากมายเช่นนี้ออกมา ถ้าหากนางไม่บังคับควบคุมทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้น ถ้าหากไม่ใช่นาง…
มั่วอวิ๋นในเวลานี้กลับลืมไปว่าคนแรกที่ลงมือ แท้จริงแล้วคือตระกูลหนานและสำนักกระบี่ทมิฬของพวกเขา
ถ้าหากพวกเขาไม่ยืนกรานที่จะตามฆ่าพวกฉู่หลิวเยว่ และยอมแลกอะไรไปมากมายเพื่อมัน เรื่องราวต่างๆ คงไม่ดำเนินมาถึงตอนนี้
เพียงแต่เขาเป็นคนเช่นนี้ จะไม่มีวันทรยศตนเอง
ดังนั้นในตอนนี้เขายังคงเอาความแค้นทั้งหมดไปกล่าวโทษที่ตัวฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ!
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้น
“โอ้ว ดูแล้วบทเรียนจากถ้ำปีศาจทมิฬเมื่อก่อนนี้คงยังเรียนรู้ไม่พออย่างนั้นหรือ”
น้ำเสียงของเขานุ่มนวลและแผ่วเบา และปรากฏรอยยิ้มเบาๆ ที่มุมปากของเขา คนที่เหลือต่างมองดูความบริสุทธิ์และอ่อนโยนของผู้สูงส่งและสง่างามผู้นั้น
เมื่อมั่วอวิ๋นมองดวงตาที่ลึกลับเหมือนบึงน้ำลึกคู่นั้น จู่ๆ เขากลับสะดุ้งขึ้นมา
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงข่าวลือเมื่อหลายปีก่อน
หากพูดว่าเป็นข่าวลือก็ไม่ค่อยถูกต้องนัก เพราะเรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
เพียงแต่เขาไม่ได้ประสบมาด้วยตนเอง ล้วนแต่ได้ยินมาจากคนข้างๆ ตัวเท่านั้น
ข่าวลือเมื่อหลายปีก่อนหรงซิวเคยไปที่ถ้ำปีศาจทมิฬเพียงลำพัง เพื่อจัดการที่หลบซ่อนของพวกเขา!
ศึกครั้งนั้นถ้ำปีศาจทมิฬเพ่ายแพ้อย่างหนัก แม้หลังจากเหตุการณ์นี้ไม่นาน พวกเขาจึงเลือกเร้นกายจากโลกภายนอก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…ในเวลานั้นที่หรงซิวได้ฆ่าคนของถ้ำปีศาจทมิฬไปไม่น้อย
ในนั้นมีทั้งผู้มีอำนาจระดับสูงมากมาย!
โชคดีที่มั่วอวิ๋นออกไปข้างนอกในเวลานั้น จึงเลี่ยงการต่อสู้ที่รุนแรงนี้ได้พอดี
ดังนั้นสถานการณ์และรายละเอียดมากมายในศึกนั้น ล้วนเป็นเขาที่ได้ยินมาจากคนในสำนักเดียวกัน
เรื่องนี้เมื่ออยู่ในถ้ำปีศาจทมิฬแทบจะเป็นเรื่องต้องห้าม
หลายคนต่างพูดถึงเหตุกาณ์ที่บุรุษผู้นั้นเข้าไปฆ่าคนในถ้ำปีศาจทมิฬเพียงลำพังยังรู้สึกหวาดกลัวมาโดยตลอด
มั่วอวิ๋นยังไม่เคยเห็นหรงซิวมาก่อนจึงไม่รู้ตัวตนของเขา แต่หลังจากที่คนตระกูลหนามาเยี่ยมเขาและได้เค้นถาม เขาถึงได้รู้สถานะของหรงซิวและฉู่หลิวเยว่
เพราะไม่เคยมีประสบการณ์ด้วยตนเองมาก่อน ดังนั้นเขาจึงสงสัยในคำพูดเหล่านี้มาโดยตลอด
แม้หลังจากที่ได้รู้สถานะของหรงซิว ความคิดแรกของเขาคือการสังหาร!
จนกระทั่งในตอนนี้…
เมื่อเขากับหรงซิวมาเผชิญหน้ากันและเห็นสายตาที่เมินเฉยเย็นชาของบุรุษผู้นั้น จู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เคยได้ยินมา
หรงซิวเขา… มีพลังที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแท้จริง!
เขารู้สึกแน่นหน้าอกเล็กน้อย
เขาไม่ได้โง่
ในทางกลับกันในสถานการณ์ส่วนใหญ่เขาล้วนฉลาดหลักแหลมอย่างมาก
มิเช่นนั้นด้านบนคงไม่อาจส่งเขามาถึงที่นี่ เมื่อสำนักกระบี่ทมิฬก่อตั้งขึ้นจึงรับผิดชอบจัดการหลายอย่างที่นี่
เขารู้สึกมาโดยตลอดถึงสัญญาณอันตรายแก่ชีวิต!
และอันตรายนี้มาจาก…หรงซิว!
ฟู่!
หรงซิวยกข้อมือขึ้นเล็กน้อย กลุ่มเปลวไฟสีทองก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา! ลุกโชนสว่างวาบ!
ในเวลาเดียวกันแต่เดิมที่พลังรอบๆ เหิมเกริมรุนแรงเหล่านั้น ก็เริ่มเชื่อฟังและเปลวไฟนั่นก็พุ่งตรงไปทางเขา!
รวมทั้งพลังเหล่านั้นที่พุ่งตรงไปทางมั่วอวิ๋น ก็ถูกสกัดออกไปตั้งแต่ครึ่งทาง!
มั่วอวิ๋นหน้าซีดลง ในใจกลับยิ่งกระสับกระส่ายขึ้นเล็กน้อย
การเคลื่อนไหวปกติธรรมดานี้จึงมองออกได้ว่าพลังของหรงซิว ไม่เพียงแต่เทียบกับเขาไม่ได้แล้ว พลังยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าเขาเสียอีก!
…จึงมิอาจเผชิญหน้าต่อกรกับหรงซิวได้!
เมื่อมั่วอวิ๋นตัดสินใจอย่างรวดเร็วแต่ก้าวพลาด จึงคิดวางแผนอ้อมหรงซิวและลงมือกับชูหลิวเยว่ก่อน!
แต่หรงซิวจะให้โอกาสเขาได้อย่างใด
พรึบ!
นิ้วเรียวยาวเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบา
เปลวไฟสีทองที่ส่องสว่างงดงามได้กลายเป็นแส้ยาวและมุ่งไปหามั่วอวิ๋น!
มั่วอวิ๋นยังไม่ทันได้หลบหนีก็รู้สึกเห็นแสงสีทองวาบขึ้นมา
ต่อจากนั้นก็ถูกเผาด้วยความเจ็บปวดจากข้อเท้าขึ้นมา!
เขาตกใจจนหันไปมอง จึงเห็นขาเล็กๆ ของตนเองได้ถูกเปลวไฟนั่นควบคุมเอาไว้อย่างแน่นหนา!
เปลวไฟลุกโชนเผาไหม้อย่างรุนแรง ในชั่วพริบตาชายชุดของเขาก็กลายเป็นขึ้เถ้าปลิวลอยไป
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว!
สีหน้าของมั่วอวิ๋นขาวซีด!
เขาคือผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ เปลวไฟธรรมดามิอาจเข้าใกล้เขาได้
แต่ว่าไฟนี้ของหรงซิวช่างรุนแรงยิ่งนัก!
แม้มันจะรัดข้อเท้าเขาเอาไว้แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาตกใจเท่าใดนัก สิ่งที่ทำให้มั่วอวิ๋นหวาดกลัวที่สุด คือหลังจากที่เปลวไฟนี้บีบรัดเขา จนพลังปราณเดิมในร่างของเขาเหมือนถูกพลังอันใดบางอย่างกดทับเอาไว้! และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก!
เมื่อไม่สามารถใช้พลังได้ ไม่ว่าผู้ฝึกตนจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่สามารถแสดงพลังของตนเองออกมาได้เช่นกัน
มั่วอวิ๋นทั้งตกใจและโกรธ
หรงซิวก็เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์เหมือนกันกับเขาไม่ใช่หรือ
แต่พลังของสองคน เหตุใดถึงแตกต่างกันมากเช่นนี้
หากเทียบกันแล้วนั้นหรงซิวแทบสามารถบดขยี้เขาได้อย่างง่ายดาย!
ในขณะที่มั่วอวิ๋นกำลังครุ่นคิดกับปัญหานี้ หรงซิวจึงเหวี่ยงเข้าออกไป!
ตุบ!
ร่างกายของมั่วอวิ๋นพุ่งออกไปอย่างควบคุมไม่ได้! และหล่นกระแทกบนยอดเขาสูงอย่างแรง!
ปัง!
ตูม!
เมื่อเสียงทั้งสองดังขึ้นพร้อมกัน ยอดเขานั่นก็พังทลายลงในทันทีหลังจากได้รับแรงกระแทกอันทรงพลังเช่นนี้!
ก้อนหินนับไม่ถ้วนกลิ้งตกลงมา!
ร่างของมั่วอวิ๋นจมลงไปอย่างรวดเร็ว!
หรงซิวสีหน้าเรียบเฉยพลางเอ่ยขึ้น
“อย่าเสียเวลาเลย เยว่เออร์ของข้า ผู้ฝ่าฝืน…ต้องมีจุดจบเช่นนี้!”