ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1909 ทัณฑ์ทลายเทพ
ตอนที่ 1909 ทัณฑ์ทลายเทพ
………………..
เสียงเย็นชาและทุ้มต่ำดังทั่วระหว่างสวรรค์และโลกแห่งนี้ เสียงที่คมชัดกระทบเข้าในหูของทุกคน!
เดิมทีคนของสำนักกระบี่ทมิฬได้ตายทั้งหมด แต่บางคนของตระกูลหนานหลังจากได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกฟังไม่เข้าหูยิ่งนัก!
คำพูดเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าพูดให้พวกเขาฟัง!
หรงซิวไม่ลงมือแต่อย่างใด หากลงมือเขาคงใช้วิธีสังหารโดยตรงเท่านั้น!
เขากำลังเชือดไก่ให้ลิงดู[1]!
ลั่วเหยี่นนเต็มไปด้วยความโกรธ และมองภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยที่กำลังลุกไหม้อยู่ตรงหน้า
ภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยคืออาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อจึงไม่เสียหายอย่างง่ายดาย ดังนั้นเขาถึงไม่ได้กังวลเปลวไฟของฉู่หลิวเย่วที่ตั้งใจทำลายมัน
ทว่าเขาเป็นคนชัดเจนอย่างมาก เมื่อถูกฉู่หลิวเยว่ก่อกวนเช่นนี้ แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางใช้ภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยหลบหนีออกไปได้อีก!
ความว่างเปล่าทุกทิศทุกทางล้วนถูกบีบเข้าตรงกลางอย่างบ้าคลั่ง
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานท่าเรือดอกท้อทั้งหมดนี้คงพังทลายลงทั้งหมด!
“พวกเราแค่กลัวว่าจะออกไม่ได้แล้ว…”
สีหน้าของผู้อาวุโสหลายท่านล้วนไม่น่ามองยิ่งนัก
ก่อนพวกเขาจะมา ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสถานการณ์จะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้!
หนาอวี่สิงตายแล้วมิอาจพูดอันใดได้ แม้แต่พวกเขาทั้งหมดเกรงว่าจะต้องถูกฝังที่นี่เช่นเดียวกัน!
“ต่อให้มั่วอวิ๋นไม่ใช่คู่ต่อสู้กับหรงซิว แต่พวกเขานั่น…”
คำพูดนี้หมายความว่าพลังของพวกเขาสู้มั่วอวิ๋นไม่ได้
เพียงแค่มั่วอวิ๋นลงมือเมื่อครู่นี้ พลังที่ปรากฏออกมาแข็งแกร่งอย่างมาก
อีกทั้งในเวลานี้เขาตัดสินใจอย่างมุ่งมั่น แทบจะทุบหม้อข้าวตนเองก็ไม่ปราณ!
หากเป็นเช่นนี้เขาก็เป็นได้แค่ลูกน้องของหรงซิวต่อไป!
สถานการณ์ของพวกเขาที่เหลือเหล่านี้สามารถดีกว่านี้ได้อย่างนั้นหรือ
“ข้าเห็นพลังของหรงซิว จึงเห็นได้ชัดอยู่ก่อนแล้วว่าพลังของเขาเหนือกว่าเทพศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาทั่วไปเสียอีก!
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งกัดฟันพูดขึ้นว่า
“…แต่ลมปราณของเขาคือเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน…”
ผู้อาวุโสอีกท่านรีบพูดขึ้นในทันที
“บางที…เขาอาจยืมพลังอันใดบางอย่างมาใช้จากข้างนอก”
ผู้อาวุโสหลายท่านมีความเห็นต่างกัน
แต่พวกเขารู้ว่า ในเวลานี้หากรู้เรื่องนี้แล้วล้วนไม่มีประโยชน์อันใด
จู่ๆ ลั่วเหยี่ยนแหงนหน้ามอบนท้องฟ้าอยู่ครู่หนึ่ง
เมื่อมันพังทลายลงทีละน้อยๆ จนหลุมดำได้แผ่กระจายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
เหมือนสัตว์อสูรที่อ้างปากกว้างเต็มไปด้วยเลือด เพื่อจะกลืนกินทุกสิ่ง!
เมฆดำที่ผันผวนนับไม่ถ้วนได้ถูกลืนกินไปในเวลานี้
ทัณฑ์สวรรค์จำนวนที่เหลือทั้งหมด ยังคงกวัดแกว่งไปมาทุกทิศทาง
นั่นคือทัณฑ์สวรรค์ที่ถูกพิธีสังเวยเลือดเรียกมาก่อนหน้านี้
เมื่อยังไม่ร่วงลงมาทั้งหมด แต่การสังเวยเลือดได้พังทลายลงแล้วเหลือเพียงทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้เท่านั้นที่ยังฟาดฟันไปทั่วทุกทิศทาง
ในเวลานี้ดูเหมือนได้รับผลกระทบจากแรงกดดันแห่งความว่างเปล่า ทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้จึงเริ่มมาบรรจบกันตรงกลาง
สิ่งที่ทำให้คนประหลาดใจยิ่งกว่าเมื่อพวกมันเหมือนกำลังหลอมหลวมเข้าด้วยกัน
ประเด็นสำคัญที่สุดคือตำแหน่งที่พวกมันรวมตัว…กำลังอยู่บนท้องฟ้าเหนือศีรษะของฉู่หลิวเยว่!
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ลั่วเหยี่ยวพูดกระซิบกระซาบขึ้นมาในทันที
“…ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์แล้วอย่างใด เขาสามารถขัดต่อสวรรค์ได้อย่างนั้นหรือ”
สวรรค์หรือ
คำพูดนี้เจ้าหมายความว่าอันใด
หลายคนสบตากันและมองตามสายตาของลั่วเหยี่ยนโดยไม่รู้ตัว
เสียงลมกระโชกรุนแรง โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง
ทุกสิ่งดูไม่มีอันใดต่างกันเลย
แต่…ทัณฑ์สวรรค์บนฟ้าที่กำลังรวมตัวอยู่นั้น
แสงเจิดจ้างดงามได้พุ่งออกมาจากตรงกลางในทันที!
ผู้อาวุโสหลายท่านอ้างปากค้างด้วยความตกใจ
นั่นคือ…
“ทัณฑ์ทลายเทพอย่างนั้นหรือ”
…
ตามที่เรียกกันว่า ทัณฑ์ทลายเทพ เป็นชื่อที่บอกความหมายได้อย่างชัดเจน เพราะเป็นพลังที่ทำลายล้างผู้แข็งแกร่งระดับเทพ
ในข่าวลือกล่าวว่า ทัณฑ์ทลายเทพมีสีสันสดใส ก่อกำเนิดจากสวรรค์และมีพลังอำนาจไม่สิ้นสุด!
แต่เมื่อมันมาถึงโลกก็จะยิ่งเป็นภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่ของสวรรค์และโลก!
ทว่าทัณฑ์ทลายเทพยากนักที่จะได้พบเห็น ในอาณาจักรเสิ่นซวี่ตลอดพันปีที่ผ่านมาไม่มีผู้ใดเรียกมันออกมาได้เลย
ดังนั้นคนส่วนใหญ่เพียงแค่ได้ยินเมาไม่กี่คำเท่านั้นจากข่าวลือ แต่ไม่ได้รู้เรื่องอย่างลึกซึ้ง
ในความเห็นของพวกเขาสิ่งนี้คือนิมิตสวรรค์โลกาที่มีอยู่ในหนังสือโบราณเท่านั้น
ดังนั้นหลังจากทัณฑ์ทลายเทพปรากฏขึ้น แม้แต่ลั่วเหยี่ยนยังใช้เวลามองอยู่นาน ถึงจะกล้ายืนยันได้จริงๆ
สิ่งนี้คือทัณฑ์ทลายเทพในตำนาน!
อีกทั้ง… คนที่ฆ่าเห็นได้ชัดว่าคือฉู่หลิวเยว่!
“นึกไม่ถึงว่าเป็นทัณฑ์ทลายเทพจริงๆ!”
ผู้อาวุโสหลายท่านถูกล่อลวง ใบหน้าปรากฏความประหลาดใจขึ้น
“แต่ว่า…ไม่ถูกนะ! ทัณฑ์ทลายเทพมีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นถึงเรียกมาได้ไม่ใช่หรอกหรือ ซั่งกวนเยว่เป็นแค่เทพขั้นสูง ทำไมถึง…”
“หรงซิวเรียกสิ่งนี้มาอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ แต่เป็นซั่งกวนเยว่! พวกเจ้าไม่เห็นทัณฑ์ทลายเทพนั่นกำลังรวบตัวอยู่เหนือศีรษะนางในตอนนี้หรือ!”
“สวรรค์…ทัณฑ์ทลายเทพพุ่งไปหานางจริงๆ หรือ เทพขั้นสูงต่ำต้อยนั่น เหตุใด…”
“เป็นเพราะภูเขาไฟที่ระเบิดเหล่านั้นหรือไม่”
…
ไม่เพียงคนของตระกูลหนานเท่านั้นที่งุนงงสงสัย
ขณะนี้ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนในท่าเรือดอกท้อกำลังให้ความสนใจสถานการณ์ทางนี้ ซึ่งพวกเขาทั้งหมดล้วนถูกหลอกเสียแล้ว!
ในกลุ่มพวกเขามีผู้ที่สายตาแหลมคมเฉียบขาด มองครู่เดียวก็รู้ว่าสิ่งนั้นก็คือทัณฑ์ทลายเทพ!
ข่าวได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วในหมู่ผู้คน
ทุกคนต่างตกตะลึงอยู่ที่เดิม
พวกเขาคิดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ฉู่หลิวเยว่ยังทำให้เกิดทัณฑ์ทลายเทพได้อีก!
ช่างเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ!
“แย่แล้ว…ครั้งนี้จบสิ้นแล้วจริงๆ…
ผู้คนนับไม่ถ้วนเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและยอมแพ้อย่างเงียบๆ
…
มั่วอวิ๋นพยายามดิ้นรนออกมาจากหินกองใหญ่นั่น บนตัวของเขามีรอยแผลเต็มไปหมด
เขาไม่มีเวลาแสดงความไม่พอใจอันใด จึงแหงนหน้ามองบนท้องฟ้าที่ทัณฑ์ทลายเทพกำลังรวมตัวและวนเวียนไปมาอยู่บนนั้น!
ทันใดนั้นเขาเบิกตาโพลงและสั่นสะท้านไปทั้งตัว
ชั่วครู่ที่ทัณฑ์ทลายเทพร่วงหล่นลงมา เกรงว่าพวกเขาทั้งหมดล้วนร่างแหลกวิญญาณแตกสลาย!
เขากัดฟันแน่น แววตาเด็ดขาดปรากฏในดวงตาของเขา
หลังจากนั้นหมอกหนาทึบกลุ่มหนึ่งจู่ๆ แผ่กระจายออกมาจากบนตัวเขา!
เสาเทพยดาที่อยู่ตรงหน้ายิ่งมีสีสดใดและแปลกตามาขึ้นเรื่อยๆ!
…
แรงกดดันมากมายมหาศาลได้ตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างกระทันหัน!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมอง
ทัณฑ์สวรรค์ที่งดงามนั่นพลังยังคงรวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง และสามารถฟาดลงมา เพื่อลงทัณฑ์นางได้ทุกเวลา!
นางจับโล่สีดำในมือไว้แน่น
นี่มันอันใดกัน เรียกทัณฑ์ทลายเทพมาอย่างนั้นหรือ!
เปรี้ยง!
ความคิดนี้ได้แวบเข้ามาในหัวของนางเมื่อครู่ ทัณฑ์ทลายเทพนั่นระเบิดลงมา!
ลมปราณเหน็บหนาวได้ตัดปากเลือดจำนวนนับไปทั่วทั้งร่างของฉู่หลิวเยว่ในทันที!
แต่ขณะนั้นบทเพลงฉินได้ดังขึ้นจากภายในร่างของนาง!
[1] เชือดไก่ให้ลิงดู คือ สำนวนหมายถึง ทำโทษคนหนึ่ง เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง