ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1911 ก้อนหินหนึ่งก้อน
ตอนที่ 1911 ก้อนหินหนึ่งก้อน
………………..
ทันใดนั้นรอบกายของฉู่หลิวเยว่ก็มีประกายเพลิงสีทองคำชาดปรากฏขึ้น!
ทัณฑ์ทลายเทพจะมีความเร็วสูง ในตอนนั้นเงาร่างของฉู่หลิวเยว่ก็ถูกกลืนกินไปในทันที!
เปรี้ยง!
ลำแสงงดงามสุดไร้ขอบเขต โจมตีกระจายออกไปสี่ทิศแปดทาง!
แม้กระทั่งอาณาเขตเทพเซียนสีเงินแดงของฉู่หลิวเยว่ที่ปล่อยออกมาในตอนแรก ตอนนี้มันก็ได้รับความเสียหาย ภายในชั่วพริบตาก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ แล้ว!
เดิมทีภูเขาด้านล่างที่สั่นสะเทือน ก็เริ่มพังทลายอีกครั้งอย่างรวดเร็วจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ!
ภายในชั่วพริบตาเดียวมันก็กลายเป็นที่ราบ!
เฉินอีวางค่ายกลสีเขียวที่ตรงหน้าด้วยความรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็ตะโกนออกมาว่า
“ถอย!”
เมื่อได้ยินคำสั่งของเขา สิบสามผู้พิทักษ์เยว่ก็แยกย้ายกันไปในทันที!
แต่อย่างใดก็ตาม พวกเขาก็ได้รับการโจมตีที่รุนแรงที่สุด!
ลำแสงหลากสีนั้นพุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็ว และได้ชนกับค่ายกลที่เฉินอีวางเอาไว้ จากนั้นมันก็กลืนกินอย่างเงียบๆ และปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง!
เฉินอีได้รับการโจมตีอย่างหนัก หน้าอกของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง มุมปากมีเลือดไหลออกมา!
“พี่ใหญ่!”
ซานซานและคนอื่นตกใจมาก
ในความทรงจำของพวกเขา พี่ใหญ่นั้นแทบจะเป็นผู้ชนะสิบทิศ ไม่เคยพ่ายแพ้ และไม่เคยจนตรอกอย่างนี้เลย
ทว่านี่เป็นเพียงแค่ลูกหลงของทัณฑ์ทลายเทพเท่านั้น!
พลังโจมตีทั้งหมดของทัณฑ์ทลายเทพโจมตีไปที่นายท่าน ไม่รู้ว่าจะอันตรายกว่านี้สักกี่เท่า!
เฉินอีกลืนเลือดที่อยู่ในลำคอลงไป เขายังคงไม่หยุดนิ่ง และนำให้ทุกคนถอยหลังอย่างต่อเนื่อง!
…
“อันตราย!”
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง ลั่วเหยี่ยนและคนอื่นที่อยู่อีกด้านก็สามารถสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
ลั่วเหยี่ยนตะโกนขึ้น แล้วรีบถอยหลังทันที!
แต่ผู้อาวุโสคนหนึ่งกับเลือกที่จะเดินหน้า
“ภาพเมฆาเคลื่อนคล้อย!”
นั่นคือสมบัติที่ตระกูลหนานรักษาเอาไว้ หากมันหายไป…
แต่อย่างใดก็ตาม ตอนที่มือของเขาเพิ่งจะสัมผัสภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยที่กำลังลุกไหม้นั้น ลำแสงหลากสีสายหนึ่งก็ปรากฏอยู่ที่ด้านหลังของเขาอย่างกะทันหันแล้ว!
ลั่วเหยี่ยนและคนอื่นๆ หน้าเปลี่ยนสี
“รีบหลบเร็วเข้า!”
ผู้อาวุโสคนนั้นสามารถสัมผัสได้ถึงลมอันเย็นยะเยือกจากด้านหลัง เขารู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดี จึงรีบคว้าภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยไว้แล้วรีบหนี!
ทว่า มันสายไปแล้ว!
ความเร็วของลำแสงนั้นสูงมากเกินไป!
เขาเพิ่งสาวเท้าออกมาได้หนึ่งก้าว ลำแสงที่อยู่ด้านหลังนั้นก็แทงทะลุหน้าอกของเขาออกมาแล้ว!
พรึ่บ!
เลือดสาดกระเซ็นไปทุกทาง!
เลือดที่อุ่นร้อนกระเด็นโดนใบหน้าและร่างกายของลั่วเหยี่ยนกับคนอื่นๆ
พวกเขาตกใจมาก ร่างกายชะงักค้างไป
“…หนี…ไป…”
ลั่วเหยี่ยนใช้ภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยเป็นตัวช่วยทันที!
เปลวเพลิงสีทองคำชาดและเปลวเพลิงโปร่งแสงสอดประสานและปกคลุมอย่างแน่นหนา
เมื่อสัมผัสก็ลวกมือทันที!
แต่ยังดีที่ภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยเป็นหนึ่งในสิบสมบัติศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ แม้ว่าเปลวเพลิงเหล่านั้นจะสามารถทำลายการเปิดใช้งานของมัน แต่ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายให้แก่ตัวอาวุธโดยตรง
อีกทั้งลั่วเหยี่ยนก็อยู่ในระดับเทพศักดิ์สิทธิ์
เมื่อนึกได้ดังนั้น แขนข้างหนึ่งของเขาก็ปกคลุมด้วยเกราะสีเงินหนึ่งชั้น!
เขาจับภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยเอาไว้แน่น ในขณะเดียวกันก็ใช้แรงหนีเต็มกำลัง!
ผู้อาวุโสคนอื่นไม่มีเวลาพูดอันใด และติดตามเขาไปอย่างใกล้ชิด
จนกระทั่งพวกเขาสามารถหลบหลีกการโจมตีของลำแสงหลากสีนั้นอย่างยากลำบาก ตอนนี้พวกเขาได้หนีห่างออกมาระยะหนึ่งแล้ว
เมื่อมั่นใจว่าพวกเขาสามารถหลบหลีกแรงคุกคามที่เป็นอันตรายจนถึงชีวิตพ้นแล้ว ลั่วเหยี่ยนก็หยุดฝีเท้าแล้วหันกลับไปมองอีกครั้ง
ในตอนนั้นเขาก็เห็นว่าร่างกายของผู้อาวุโสตระกูลหนานคนนั้นระเบิดขึ้นอย่างกะทันหัน!
ระลอกคลื่นพลังอันน่ากวาดกลัว บดขยี้ร่างกายของเขาเป็นผุยผงในทันที!
ร่างแหลกวิญญาณสลาย!
แม้กระทั่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเขายังไม่ทันได้ส่งเสียงออกมา!
หัวใจของลั่วเหยี่ยนเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง เลือดทั้งร่างกายเหมือนจะเดือดพล่าน ขมับของเขานั้นเต้น “ตุบๆ ”
ภาพเหตุการณ์นั้นมันรุนแรงสำหรับเขาเป็นอย่างมาก!
หากเมื่อครู่นี้ก็เขาช้าไปแค่อีกก้าวเดียว เช่นนั้น…
ไม่ต้องคิดถึงผลที่จะตามมาเลย!
ลั่วเหยี่ยนทะลวงด่านเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์มาหลายปีแล้ว
นานมากแล้วที่เขาไม่ได้สัมผัสกับแรงคุกคามที่มีอันตรายต่อชีวิตเช่นนี้!
ตอนนี้ผู้อาวุโสสามคนที่ยืนอยู่ด้านข้างเขามีสภาพมึนงงไปแล้ว
ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งจะตายเช่นนี้น่ะหรือ?
คาดไม่ถึงว่าพลังแห่งทัณฑ์ทลายเทพจะน่าหวาดกลัวเช่นนี้!
แม้กระทั่งลูกหลงที่แผ่กระจายออกมา ยังมีพลังที่น่ากลัวขนาดนี้ ถ้าเช่นนั้น…ฉู่หลิวเยว่ที่รับพลังทัณฑ์ทลายเทพจากจุดศูนย์กลาง ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
…
เดิมทีมั่วอวิ๋นที่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างซอกหิน โดยวางแผนที่จะรอโอกาส
แต่เมื่อเห็นว่ามีทัณฑ์ทลายเทพ แผนของเขาก็ถูกทำลายโดยสิ้นเชิง
ก้อนหินสั่นไหวไปมา พื้นแผ่นดินสั่นสะเทือน!
เดิมทีหมอกหนาก็ปกคลุมร่างกายเขาไปแล้วครึ่งหนึ่ง
แต่ทัณฑ์ทลายเทพนั้นมีพลังแข็งแกร่งอย่างมาก!
เพียงแค่จะหลบการโจมตีมันก็ยากยิ่งแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป…เกรงว่าเขาจะต้องตายอยู่ที่นี่อย่างไร้ซุ่มไร้เสียงแล้ว!
ในใจของมั่วอวิ๋นไม่ยินยอม!
ทันใดนั้นสัญลักษณ์กลางหน้าผากของเขานั้นก็สว่างขึ้น!
ดวงตาสีเลือดเข้มข้น
กลิ่นเหม็นเน่าของศพแผ่กระจายออกจากร่างเขาอย่างกะทันหัน
สายตาของเขานั้นแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชาและกระหายเลือด
และในตอนนั้นเปลวเพลิงสีทองก็บินเข้ามาทันที!
มั่วอวิ๋นนึกอันใดขึ้นมาได้บางอย่าง จากนั้นก็เงยหน้ามอง
เปลวเพลิงสีทองนั้นมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว!
ตอนที่เขากำลังจะคิดหลบ คาดไม่ถึงว่าเปลวเพลิงเหล่านั้นจะระเบิดตรงหน้าเขาโดยทันที!
ตู้ม!
…ตอนนั้นประกายไฟสาดกระจายไปทั่ว ชั่วพริบตาเดียว มันก็ปกคลุมทั่วทั้งร่างของมั่วอวิ๋น!
ในตอนที่เขากำลังจะดิ้นรนหลบหนี เปลวเพลิงสีดำเข้มข้นก็พุ่งออกมาจากเปลวเพลิงสีทองอย่างกะทันหัน!
ลมปราณที่เย็นชาและโหดเหี้ยม ทำให้มั่วอวิ๋นต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ!
นั่นมัน…
พรึ่บ!
เขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สีดำนั้นก็กลืนกินร่างของเขาทั้งร่างแล้ว!
มั่วอวิ๋น…สิ้นชีพ!
เปลวเพลิงสีทองแผ่กระจายออกไปจนทั่ว
หากมองจากด้านนอกแล้ว ไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้เลย
หลังจากนั้นไม่นาน เปลวเพลิงก็จางหายไปและมีลมพัดโชยมา
เถ้าธุลีลอยขึ้น
ไม่มีใครรู้ว่า ลมที่พัดมานั้น…ครั้งหนึ่งเคยเป็นร่างของมั่วอวิ๋นรองเจ้าสำนักกระบี่ทมิฬ คาดไม่ถึงว่าเขาจะตายไปอย่างไร้สุ้มไร้เสียงเช่นนี้!
ความเป็นจริงแล้ว ในตอนนี้ไม่มีใครสนใจเขาเลย
ความสนใจของทุกคนรวมอยู่ที่ฉู่หลิวเยว่!
สายตาจำนวนนับไม่ถ้วนจ้องมองลำแสงที่งดงามบนท้องฟ้าตาเขม็ง
เมื่อทัณฑ์ทลายเทพคืบคลาน ใครเล่าจะสามารถต้านทานได้?
พื้นที่มิติพังทลายอย่างต่อเนื่อง!
ฟ้าดินดำดิ่ง
พวกเขาเรียนรู้ดีว่า เมื่อประกายไฟเหล่านี้จางหายไป ทุกอย่างก็จบสิ้น!
แต่ฉู่หลิวเยว่…
“น่าเสียดาย! พวกเราทุกคนต้องตกใจตามนางไป!”
มีคนในท่าเรือดอกท้อทอดถอนหายใจออกมา
ต้วนชิงเฉวียนที่อยู่ในกลุ่มคนก็ขมวดคิ้วขึ้น ในตอนที่เขากำลังจะโต้เถียงขึ้นมา เขากลับเห็นอันใดบางอย่าง จึงเบิกตากว้างในทันที
“นั่นมันอันใดน่ะ”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็เงยหน้ามองตามเสียงทันที
ท่ามกลางประกายเพลิงที่แสบตายิ่ง เขาเหมือนเห็นอันใดบางอย่างลอยออกมา
มีบางคนพูดพึมพำขึ้นอย่างไม่แน่ใจ
“เหมือนว่า…จะเป็นหินก้อนหนึ่ง?”