ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1912 อาณาเขตเซียนเทพสามพัน!
ตอนที่ 1912 อาณาเขตเซียนเทพสามพัน!
………………..
นั่นเป็นหินจริงๆ
หินก้อนนั้นมีขนาดเท่ากำปั้นสีขาวเทา จากนั้นมันค่อยกลิ้งออกมาจากเปลวเพลิงที่ลุกโชน ราวมีคนโยนออกมาอย่างไม่ระวัง
คนจำนวนมากชะงักไป
เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ การปรากฏตัวของก้อนหินก้อนนี้มันไม่สมเหตุสมผลจริงๆ
ทำไมของสิ่งนี้ถึงได้ปรากฏขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ?
แต่จากนั้นไม่นาน หินก้อนที่สองก็กลิ้งออกมาจากด้านใน
ในตอนนี้พลังแห่งทัณฑ์ทลายเทพที่บ้าคลั่งได้ทำให้พื้นที่โดยรอบปั่นป่วนอย่างสมบูรณ์
มิติอันบ้าคลั่งจำนวนนับไม่ถ้วนปั่นป่วนวุ่นวายราวกับต้องการฉีกมิติทั้งหมด!
ทว่าหินทั้งสองก้อนนี้เหมือนไม่ได้รับผลกระทบจากระลอกคลื่นเหล่านี้เลย มีเพียงกระดูกที่กลิ้งออกไปเท่านั้น
หากมองเพียงครู่แรกจะคิดว่าพวกมันกำลังตั้งอยู่บนพื้นราบ
แต่ทุกคนยังไม่ทันได้ดึงสติกลับมา หินก้อนที่สามก็ปรากฏขึ้นในเวลาใกล้เคียงกัน แล้วกลิ้งไปในอีกทิศทางหนึ่ง
…
ในตอนนั้นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างจะเคลื่อนผ่านอย่างเชื่องช้า
สายตาจำนวนนับไม่ถ้วนจ้องมองที่ภาพเหตุการณ์ประหลาดบนท้องฟ้าเขม็ง
ก้อนหินจำนวนมากกลิ้งออกมาจากภายในกลุ่มไฟ ก่อนกระจายออกไปจนทั่ว
ภายใต้เปลวเพลิงที่ลุกโชนหินเหล่านี้ก็ดูปกติธรรมดา
แต่การปรากฏตัวของพวกมันนั้นกลับดูอันตรายเป็นพิเศษ
“ก้อนหินเหล่านี้…หลังจากถูกโจมตีจากพลังทัณฑ์ทลายเทพแต่กลับไม่แตกสลาย?”
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดประโยคขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ
คนจำนวนมากได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป
ใช่แล้ว!
พลังทัณฑ์ทลายเทพแข็งแกร่งมาก แม้กระทั่งเทือกเขาสูงอันสลับซับซ้อนยังถูกทำลายเป็นจุณ!
แล้วทำไมก้อนหินเล็กๆ เหล่านี้…เหมือนจะไม่ได้เป็นอันใดเลย
“ไม่ใช่ หรือพวกเจ้าไม่สงสัยว่าก้อนหินเหล่านี้มาจากที่ใดหรอกหรือ”
มันไม่มีทางมาจากทัณฑ์ทลายเทพแน่นอน
ถ้าเช่นนั้น มีสิ่งเดียวที่จะสามารถอธิบายได้…
ฉู่หลิวเยว่!
ก้อนหินเหล่านี้ จะต้องเป็นของนางแน่นอน!
แต่สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกมึนงงยิ่งกว่านั้นก็คือ
นางถูกขังอยู่ภายในทัณฑ์ทลายเทพ เป็นตายไม่ทราบ แล้วยังมีเวลาโยนก้อนหินเหล่านี้ออกมาอีกหรือ
“…ไม่ถูกต้อง! พวกเจ้าดูสิ! บนก้อนหินเหล่านั้นเหมือนว่าจะมีอันใดออกมา!”
เสียงอุทานหนึ่งดังขึ้น เหมือนก้อนหินที่ถูกโยนลงไปในแม่น้ำที่เงียบสงบ แล้วเกิดระลอกคลื่นขยายเป็นวงกว้าง
ทุกคนหันกลับไปมอง
หลังจากนั้นไม่นานเสียงฮือฮาจากฝูงชนก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“เหมือนว่า…สีน้ำเงินเหล่านั้นคืออันใด”
“เอ๋ แต่ด้านข้างเป็นสีเขียว! เหมือนว่าก้อนหินเหล่านั้นจะแตกต่างกันออกไป?”
เดิมทีหินที่มีสีเทาไม่น่ามอง และก้อนหินบางก้อนก็ดูน่าเกลียดเล็กน้อย แต่เมื่อเวลาผ่านไปประกายแสงสีต่างๆ ก็พวยพุ่งออกมาจากด้านใน
แม้จะไม่สามารถเปรียบเทียบกับทัณฑ์ทลายเทพที่สว่างเจิดจ้านั้นได้ มันก็แยกตัวออกจากกัน เมื่อมองเพียงครู่แรก สีสันเหล่านั้นก็สะดุดตาเป็นอย่างมาก
“เหมือนกับ…พวกมันไม่ใช่หินธรรมดาเลย! ลำแสงเหล่านั้น…ลำแสงเหล่านั้นคืออาณาเขตซียนเทพ!”
ทันทีที่สิ้นเสียงทุกคนก็ตกใจอย่างมาก!
ความจริงแล้วพวกเขาคุ้นเคยกับคำว่า “อาณาเขตเซียนเทพ” เป็นอย่างดี
ท้ายที่สุดแล้วคนภายในท่าเรือดอกที่สามารถอยู่รอดปลอดภัย ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพ
ตอนที่พวกเขาแข่งขันประมือกัน ก็ต้องเคยเห็นผู้บำเพ็ญเพียรแสดงพลังของอาณาเขตเซียนเทพไม่มากก็น้อย
แต่ในตอนนั้นเมื่อพวกเขานำก้อนหินเหล่านี้ไปเชื่อมโยงกับอาณาเขตเซียนเทพ พวกเขาก็ยังคิดว่านี่มันเป็นเรื่องเหนือจินตนาการ
“อาณาเขตเซียนเทพ? จะเป็นไปได้อย่างใด มีแต่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพเท่านั้นถึงจะสามารถมีอาณาเขตเซียนเทพได้ ต่อให้ก้อนหินเหล่านี้แข็งแกร่งมากเพียงใด แต่มันก็เป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต! แล้วจะสามารถมีอาณาเขตเซียนเทพเป็นของตนเองได้อย่างใด”
“นั่นสิ! หรือเจ้าจะรู้สึกหวาดกลัวเกินไปจนตาลายขึ้นมาในชั่วขณะ?”
เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้น
แต่เห็นได้ชัดว่าทุกคนก็ไม่เชื่อเกี่ยวกับคำพูดเหล่านี้
พวกเขาไม่ได้มีข้อโต้แย้งกับคำพูดเหล่านี้ แต่เดิมทีเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลมากเกินไป
ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะโต้แย้งในทันที
“ไม่ใช่! พวกเจ้าลองดูดีๆ สิ! นั่นมันเหมือนว่าจะเป็นอาณาเขตเซียนเทพจริงๆ ในเวลาแบบนี้ ข้าจะหลอกพวกเจ้าไปเพื่อเหตุใด?”
เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่เชื่อ คนผู้นั้นจึงร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย เขาชี้ไปทางก้อนหินเหล่านั้นที่กระจัดกระจายอยู่บนท้องฟ้า
“พวกเจ้าดูสิ! ลำแสงเหล่านี้ ถ้าไม่ใช่อาณาเขตเซียนเทพ แล้วมันคืออันใดกัน”
ในขณะที่เขาแก้ต่างอีกรอบ ก็มีคนจำนวนหนึ่งที่เงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่เชื่อ
เดิมทีตอนนี้หินเหล่านั้นถูกปกคลุมด้วยลำแสงหลากสีไปแล้ว
เมื่อมองจากด้านล่าง มันก็เหมือนกับประกายไฟที่ส่องแสงวิบวับ
แสงสว่างเหล่านั้นไม่แสบตา และเหมือนแฝงด้วยลมปราณที่ยิ่งใหญ่คล้ายมีคล้ายไม่มี!
คนบางคนหน้าเปลี่ยนสีไปแล้ว
ลมปราณนี้…
เป็นอาณาเขตเซียนเทพไม่ผิดแน่!
“เหมือนว่า เหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ …”
คนที่คัดค้านและทำท่าทีไม่เชื่อถือล้วนตะลึงงั้นไปแล้ว พวกเขาอ้าปากค้าง
กลุ่มคนที่เคยส่งเสียงดังโวยวายก็เงียบเสียงลงอย่างรวดเร็ว
เพราะว่าเรื่องเหล่านี้ ส่งผลต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก!
หลังจากผ่านไปสักพัก ก็มีคนพูดเสียงทุ้มต่ำอย่างไม่ได้สติว่า
“เป็นไป…ได้อย่างใด”
“หรือว่าความรู้ของข้ามันมีน้อยเกินไป? คาดไม่ถึงว่าบนโลกนี้จะมีอาณาเขตเซียนเทพที่ไม่ใช่ของผู้บำเพ็ญเพียรด้วย?”
“ไม่…นั่นไม่ใช่ปัญหาของเจ้า…เกรงว่าทั่วทั้งอาณาจักรเสิ่นซวี่แห่งนี้คงไม่มีใครเคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน!”
“ท่าเรือดอกท้อจบสิ้นแล้วแน่นอน! ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงสามารถอัญเชิญทัณฑ์ทลายเทพ เศษก้อนหินมีอาณาเขตเซียนเทพ…บ้าแล้ว! มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!”
ส่วนใหญ่ล้วนไม่อยากจะเชื่อ พวกเขากำลังสงสัยว่าภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นเรื่องจริงหรือภาพลวงตา?
แต่ตอนที่คนจำนวนมากตกใจเสียสติ ก็ยังมีคนจำนวนน้อยที่สามารถครองสติเอาไว้ได้
ทันใดนั้นก็มีเสียงที่ค่อนข้างเยาว์วัยดังออกมาจากฝูงชน
“…ท่านพ่อ ก้อนหินที่กระจัดกระจายเหล่านี้ เหมือนกับ…มันเหมือนกับ…”
ผู้ที่พูดนั้นเป็นเด็กสาวอายุไม่เกินเจ็ดแปดปี
นางเงยหน้าขึ้นมอง สีหน้าบริสุทธิ์ แววตายังแฝงด้วยความสงสัย
เหมือนนางรู้สึกคุ้นเคยกับภาพตรงหน้านี้เล็กน้อย แต่ว่าก็คิดไม่ออกว่ามันคืออันใด
ต้วนชิงเฉวียนที่ยืนอยู่ไม่ไกลได้ยินดังนั้น ภายในสมองก็มีแสงสีขาวสว่างวาบปรากฏขึ้น
“ค่ายกล!”
เมื่อได้รับคำใบ้จากเขาเช่นนี้ ในที่สุดเด็กผู้หญิงคนนั้นนึกขึ้นได้ในฉับพลัน
“ใช่แล้ว! เหมือนกับค่ายกล! ท่านพ่อ ท่านดูสิ ค่ายกลนี้เหมือนกับค่ายกลที่ท่านเคยเอาให้ข้าดูก่อนหน้านี้เลย!”
เด็กอายุเจ็ดแปดขวบก็เริ่มบำเพ็ญเพียรแล้ว ดังนั้นจึงสามารถรักษามุมมองแรกเริ่มได้
เมื่อมองก้อนหินที่กระจัดกระจายเต็มท้องฟ้า นางก็รู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาในทันที
แต่ ชายวัยกลางคนที่ถูกนางลากมาจะมีแก่ใจสนใจเรื่องนี้ได้อย่างใด
เขาคิดว่าลูกสาวบ้านตัวเองพูดออกมาพล่อยๆ เพียงเท่านั้น
ที่ก้อนหินเหล่านั้นแผ่กระจายอาณาเขตเซียนเทพก็เป็นเรื่องน่าประหลาดพออยู่แล้ว ตอนนี้ยังจะมาบอกว่ามันกำลังสร้างค่ายกลอีกหรือ…
แค่คิดเล่นๆ ก็รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว!
เขาไม่ได้พูดอันใด แต่ก็อุ้มลูกสาวขึ้นมาไว้ภายในอ้อมกอดอย่างรักใคร่
เด็กน้อยน่าสงสาร
ทว่าต้วนชิงเฉวียนกลับจ้องท้องฟ้าตาเขม็งแล้วพูดออกมาทีละคำว่า
“นั่นไม่ได้เหมือนค่ายกล…แต่มันคือค่ายกล!”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเร้าใจมีพลัง!
ชายวัยกลางคนและคนจำนวนมากเงยหน้าขึ้นมองทันทีด้วยความสงสัย
ก้อนหินจำนวนมากบนท้องฟ้ากระจายออกไปทั่วบริเวณโดยกลุ่มเพลิงเป็นจุดศูนย์กลาง ก้อนหินแต่ละก้อนกระจายไปตามจุดของตนเอง
หากมองไปแล้วมันดูซับซ้อนไม่เป็นระเบียบ
แต่หากสังเกตดีๆ ก็จะพบว่าลำดับในการจัดเลี้ยงแถวของหินเหล่านั้นได้ตรงตามกฎที่ว่าอย่างพอดิบพอดี!
ทั้งหมดทั้งมวลสลับซับซ้อนและผสานกันอย่างงดงาม!