ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1914 ร่างศักดิ์สิทธิ์!
ตอนที่ 1914 ร่างศักดิ์สิทธิ์!
………………..
ลำแสงงดงามที่แทบจะปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า หลังจากมันหยุดนิ่งอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดมันก็ค่อยๆ พังทลายลง!
ทัณฑ์ทลายเทพแตกกระจายออกเป็นแสงดาวจำนวนนับไม่ถ้วน ก่อนตกลงไปอยู่ในอาณาเขตเซียนเทพสามพัน!
เหมือนกับทางช้างเผือกที่มีหมู่แสงดาวลอยเข้าไปจำนวนนับไม่ถ้วน!
ลมที่บ้าคลั่งพัดชายกระโปรงสีแดงของหญิงผู้นั้นให้ปลิวไสว
ลำแสงงดงามเจิดจ้าสาดส่องอยู่รอบกายของนาง แต่ลำแสงเหล่านั้นยังไม่สว่างไสวเท่านาง!
ภาพเหตุการณ์นี้เหมือนดั่งภาพวาด แต่ภาพของนางนั้นสดใสมากกว่าน้ำหมึกร้อยเท่าพันเท่า!
ทันใดนั้นก็ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนมีภาพลวงตา
ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย นางคือพระเจ้าเพียงองค์เดียว!
คนจำนวนนับไม่ถ้วนเงยหน้าขึ้นมอง สีหน้ามึนงง ภาพเหตุการณ์นี้จะตราตรึงอยู่ในหัวใจของเขาตลอดไป
ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหนจะต้องมีคนที่จดจำได้ว่าเคยมีผู้หญิงคนหนึ่ง พลิกวิกฤตด้วยพลังของตัวเอง!
นางคือคนที่ทำให้ลำแสงลอยย้อนกลับขึ้นไป
นางคือคนที่ทำให้พลังอันบ้าคลั่งดุจกระแสน้ำไหลย้อนกลับ
นางคือคนธรรมดาที่สามารถต้านทานทัณฑ์ทลายเทพได้!
…
กลิ่นคาวเลือดอันหนาแน่อบอวนอยู่ในซอกฟัน
หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง เหมือนสามารถกระโดดออกจากอกได้ตลอดเวลา
สมองของนางเต้นตุ๊บๆ ด้วยความเจ็บปวด และตึงขึงราวเชือกเส้นสุดท้าย
แขนทั้งสองข้างรู้สึกเจ็บปวดและชาหนึบ
เลือดสีแดงสดและเหนียวไหลออกมาจากแขนทั้งสองข้างของนาง
ฉู่หลิวเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพยายามกลืนมันลงคอ
ตึง!
ท่ามกลางความมืดมิด เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นกำลังดีดฉินอย่างอ่อนโยนภายในร่างกายของนาง
เสียงฉินทั้งโศกเศร้าและเคร่งขรึม อีกทั้งยังเร็วมากจนทำให้นางได้สติ
นางเงยหน้าขึ้นแล้วมองรอบข้าง
ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเห็นเพียงลำแสงสว่างสดใส
ทัณฑ์ทลายเทพหายไปแล้ว และกลายเป็นลำแสงอันงดงามจำนวนนับไม่ถ้วน มันกำลังพุ่งไปมาอยู่เหนือศีรษะของนาง
แต่ใต้ฝ่าเท้าของนางนั้นคือก้อนหินเหล่านั้นที่รวมกันเป็นอาณาเขตเซียนเทพสามพัน!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกประทับใจ ก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ
“อาณาเขตเซียนเทพทุกท่าน…ข้าเบาไปแล้วจริงๆ …”
ในตอนแรกเริ่มนางคิดว่าคงไม่มีหนทางอื่นจริงๆ เมื่อจนปัญญาในที่สุดนางก็เลือกลองใช้วิธีนี้
ภายในใจของนางไม่กล้าคาดหวังอันใด
ท้ายที่สุดแล้วหินเหล่านี้ก็ถูกเก็บมาจากสุสานสังหารเทพ และดูเหมือนว่าพวกมันก็ดูเหมือนจะไม่มีความแข็งแกร่งใดๆ
แม้ว่าก้อนหินแต่ละก้อนจะมีอาณาเขตเซียนเทพหนึ่งสาย แต่ก็ไม่นับว่าแข็งแกร่งอันใด
ในตอนแรกฉู่หลิวเยว่ก็พวกมันติดหนึบมากเกินไป และนางก็ยากที่จะต้านทาน ดังนั้นจึงเลือกที่จะพาพวกมันมาด้วย
แม้ว่าก้อนหินเหล่านี้จะซุกซนเป็นบางครั้ง แต่ในเวลาส่วนใหญ่แล้วมันก็เชื่อฟังและอ่อนโยนมาก
ไม่ว่าอย่างใดฉู่หลิวเยว่ก็คิดไม่ถึงว่า นางจะสามารถทำให้มันสร้างค่ายกลได้ ก่อนระเบิดความแข็งแกร่งออกมาเช่นนี้…
แต่เรื่องที่ทำให้นางตกใจมากที่สุดก็คือ หลังจากอาณาเขตเซียนเทพเหล่านี้ผสานกันแล้ว เจตจำนงในการต่อสู้ของพวกมันก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ!
นางสามารถสัมผัสได้ถึงความยึดมั่นที่ไม่อาจทำลายและนางไม่เคยเห็นมาก่อน!
นั่นคือความบ้าคลั่งและดื้อรั้นที่นางไม่เคยรู้สึกมาก่อน!
ในตอนนั้นเองฉู่หลิวเยว่ก็คิดว่า อย่าว่าแต่ทัณฑ์ทลายเทพเลย
ต่อให้เป็นท้องฟ้าผืนนี้พวกมันก็สามารถพลิกลงได้!
ในตอนนั้นเองลำแสงที่งดงามสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน
สิบสามผู้พิทักษ์เยว่ที่เพิ่งจะวางใจลงได้ เมื่อเห็นสถานการณ์ดังนั้น หัวใจของพวกเขาก็กระตุกขึ้น
“นายท่านระวัง!”
ฉู่หลิวเยว่กลับสายหน้าเบาๆ บอกให้พวกเขาไม่ต้องเป็นกังวล
นางไม่รู้สึกถึงแรงคุกคามใดๆ จากลำแสงนั้นเลย
ในทางกลับกัน นางกลับสัมผัสได้ถึงการร้องเรียกที่คล้ายมีคล้ายไม่มี
ความรู้สึกที่แผ่วเบาไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
แต่นางรู้ว่า มันไม่ทำร้ายนางแน่นอน
หลังจากนั้นไม่นาน ลำแสงนั้นก็พุ่งตรงมาที่ด้านหน้าของนาง
ฉู่หลิวเยว่ยื่นมือออกไปราวกับสัมผัสอันใดบางอย่างได้
ตอนที่นางใช้โล่ต้านทานทัณฑ์ทลายเทพ นางสามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันยิ่งใหญ่ แต่ในตอนนี้นางสัมผัสได้ถึงเลือดเนื้อที่เลือนราง
ดวงตาหงส์ของหรงซิวลึกล้ำเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา ก่อนจะค่อยๆ จางหายไป
จากนั้นลำแสงสายนั้นก็พุ่งมาอยู่บนมือของฉู่หลิวเยว่
ทันทีที่สัมผัสกับร่างกายของนาง ลำแสงนั้นก็เกิดการควบแน่นอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นเกราะอ่อนงดงามกึ่งโปร่งแสง ปกคลุมที่หลังมือของนาง
ของสิ่งนั้นมีขนาดครึ่งของฝ่ามือ รูปร่างไม่ตายตัว แต่มีความละเอียดอ่อนและหรูหราเป็นอย่างมาก
แรงกดดันแผ่กระจายออกมา!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย
“นี่มัน…”
หลังจากนั้นไม่นานลำแสงที่สองก็พุ่งตัวออกมา กลายเป็นเกราะอ่อนที่งดงามอีกชิ้นเชื่อมต่อกัน
ในขณะเดียวกันนั้นเอง บาดแผลที่เกราะอ่อนนั้นเข้าไปปกคลุมก็ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว!
ภายในชั่วพริบตา บาดแผลเหล่านั้นก็หายดีเป็นปลิดทิ้งอย่างน่าตกใจ
หลังจากนั้นไม่นานแม้กระทั่งรอยสะเก็ดก็หลุดลอกออกไป
ตำแหน่งบาดแผลของนางฟื้นคืนสู่สภาพเดิม! ดูไม่ออกเลยว่าก่อนหน้านี้เคยมีบาดแผลอันใดหรือไม่!
เรื่องนี้ทำให้ฉู่หลิวเยว่ตกใจเป็นอย่างมาก
นางเป็นเซียนหมอ
นางรู้ดีว่าการรักษาบาดแผลให้กลับคืนสู่สภาพเดิมเช่นนี้ มันยากลำบากเพียงใด
ยิ่งไปกว่านั้น การรักษาในครั้งนี้ยังใช้ระยะเวลาสั้นๆ
ลำแสงเหล่านั้นเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนปกคลุมทั่วทั้งร่างกายของนาง
ตอนที่ฉู่หลิวเยว่กำลังรู้สึกสงสัยอยู่นั้น ภายในตันเถียน ก็มีระลอกคลื่นสายหนึ่งปรากฏขึ้น
ฉู่หลิวเยว่รวบรวมสมาธิแล้วก้มลงมอง ทันใดนั้นก็ต้องตกใจที่พบว่า เงาร่างมายาขนาดเล็กปรากฏอยู่ในร่างกายของนางตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ!
ซึ่งอยู่ภายใต้เนื้อเพลงฉินที่กลายร่างเป็นไข่มุกธารา!
เงาร่างนั้นโปร่งแสง แต่ลักษณะรูปร่างเหมือนกับฉู่หลิวเยว่ไม่มีผิด
ในตอนนั้นบนมือขวาของเงาร่างโปร่งแสงก็มีลำแสงที่งดงามส่องประกายขึ้น
นั่นคือชุดที่เหมือนเกราะอ่อนบนร่างกายของนางทุกประการ!
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย ความคิดที่กล้าหาญอย่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาในสมอง
นี่มัน…
ร่างศักดิ์สิทธิ์?
ความคิดนี้ปรากฏขึ้น ทำให้ภายในใจของฉู่หลิวเยว่เกิดระลอกคลื่นขนาดใหญ่สาดซัด!
หลายปีมานี้ตอนที่มาถึงอาณาจักรเสิ่นซวี่ แม้ว่านางจะศึกษาอยู่ในสำนักหลิงเซียวที่เป็นสำนักเรียนอันดับหนึ่ง แต่ในตอนนั้นนางไม่สามารถหลอมร่างศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้เลย
หลังจากทะลวงด่านผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูง นางก็สามารถหลอมอาณาเขตเซียนเทพออกมาได้อย่างราบรื่น
แต่ร่างศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่เหมือนกับอาณาเขตเซียนเทพ
ต้องบอกก่อนว่า ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงทุกคนจะสามารถหลอมร่างศักดิ์สิทธิ์
โลกแห่งนี้มีร่างศักดิ์สิทธิ์อยู่หลากหลายชนิด
ฉู่หลิวเยว่เคยอ่านตำราในสำนักหลิงเซียวที่เกี่ยวกับร่างศักดิ์สิทธิ์มาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
และนางเคยทดลองมามากกว่าหนึ่งครั้ง
แต่ไม่รู้ว่าเหตุใด ถึงไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้ง
บนเส้นทางการบำเพ็ญเพียร นางมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม
บนเส้นทางสายนี้แทบจะไม่เคยพบกับอุปสรรคใดๆ เลย
ตั้งแต่ที่นางเริ่มหลอมร่างศักดิ์สิทธิ์ นางก็ต้องล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า
นางเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของหนานซู่ไหว ดังนั้นจึงได้ศึกษาเกี่ยวกับการหลอมร่างศักดิ์สิทธิ์ แต่นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว
แต่ไม่ว่านางจะทดลองกี่ประเภท กี่ชนิด นางก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จเลย
จนสุดท้าย แม้กระทั่งหนานซู่ไหวก็ไม่สามารถทนมองต่อไปได้
ตอนนั้นเขาพูดว่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่านางจะต้องมีร่างศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นของตนเองอยู่แน่นอน
ต้องรอให้โชคชะตามาถึง ถึงจะสามารถหลอมได้
ส่วนร่างศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ นั้นล้วนไม่มีโชคชะตาต้องกับนาง ดังนั้นนางจึงไม่จำเป็นต้องทดลองต่อไปแล้ว
คำพูดนี้ทำให้ฉู่หลิวเยว่รู้สึกสงสัยมาโดยตลอด และคิดว่าอาจารย์แค่ปลอบโยนนางเท่านั้นเอง
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นางก็ไม่ฝืนหลอมร่างศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า วันนี้…นางจะมีร่างศักดิ์สิทธิ์เป็นของตนเองแล้ว!