ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1922 ข้าวใหม่ปลามัน / ตอนที่ 1923 จนตรอก
ตอนที่ 1922 ข้าวใหม่ปลามัน / ตอนที่ 1923 จนตรอก
………………..
ตอนที่ 1922 ข้าวใหม่ปลามัน
“ขอรับ”
เยี่ยนชิงพยักหน้าเล็กน้อย
“หนานหงหยางยอมรับแล้ว ที่พวกเขามาที่นี่ในครั้งนี้ เพราะเป็นคำอนุญาตจากประมุขตระกูลหนาน หนานอีฝาน”
ฉู่หลิวเยว่ไม่อยากจะเชื่อ
คำให้การนี้ส่งผลร้ายแรงต่อตระกูลหนานมาก!
คาดไม่ถึงว่าเยี่ยนชิงสามารถง้างปากของคนตระกูลหนานได้จริงๆ?
นางมองเยี่ยนชิงขึ้นลงอย่างสำรวจ
ใบหน้ายังคงเย็นชา และไร้อารมณ์
เหมือนกับว่าสำหรับเขาแล้วเรื่องก่อนหน้านี้ไม่ได้หนักหนาเท่าใด…
อีกฝ่ายคือผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ!
ฉู่หลิวเยว่ไม่คิดว่าหนานหงหยางจะเป็นฝ่ายทรยศตระกูลหนานก่อน
ในเมื่อนี่เป็นการสั่งการอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นคนที่เขาส่งมาจะต้องเป็นคนที่เขาให้ความเชื่อใจอย่างมากแน่นอน
ถ้าเช่นนั้น…
ที่หนานหงหยางพูดออกมาต้องเป็นเพราะเขาถูกบีบบังคับจนไร้หนทางแล้ว
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นั่นมันผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ!
เยี่ยนชิงใช้วิธีอะไรกันแน่ถึงสามารถถามคำถามนี้ออกมา
“นอกจากเรื่องนี้แล้ว เขายังพูดเรื่องอื่นออกมาอีกหรือ”
หรงซิวกลับรู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้เลย แต่กลับถามขึ้นเสียงเรียบ
ใช่ว่าเรื่องนี้จะเป็นไปไม่ได้
เรื่องนี้ใหญ่มาก คนรู้น้อยมากเท่าไรยิ่งดี
ในตอนแรกหนานอีฝานก็คงคิดไม่ถึงว่าเขาส่งคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาแล้ว แต่ก็ยังพ่ายแพ้อยู่ดี
แต่เรื่องที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือ แม้กระทั่งจะหนียังไม่ทัน สุดท้ายก็ถูกจับกุม แล้วยังได้รับการสอบสวนอย่างโหดเหี้ยม!
ฉู่หลิวเยว่ลูบคางตนเอง
หากหนานอีฝานรู้ว่าเรื่องจะดำเนินมาถึงขั้นนี้ เขาคงไม่ตัดสินใจเช่นนี้แน่นอน
แต่บนโลกนี้ไม่มียาแก้ความเสียใจภายหลัง
“ลั่วเหยี่ยนล่ะ?”
เยี่ยนชิงชะงักไปเล็กน้อย
“เขาปฏิเสธที่จะเจรจา”
หัวแข็งมาก
เขากับหนานหงหยางและคนอื่นๆ มีความแตกต่างกันเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางมีตำแหน่งสูงส่งกว่าคนอื่นในตระกูลหนานแน่นอน
เขาไม่พูด ฉู่หลิวเยว่ก็สามารถคาดเดาได้อยู่แล้ว
แต่เยี่ยนชิงกลับสามารถทำให้หนานหงหยางยอมรับได้ เรื่องนี้ก็ทำให้นางตกใจมากพอแล้ว
นางหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า
“ไม่เป็นไร หนานหงหยางยอมรับแล้ว ถ้าอย่างนั้นต่อให้เขาจะพูดหรือไม่พูดมันก็ไม่สำคัญ”
หรงซิวเคาะโต๊ะ
“แม้จะพูดอย่างนั้น แต่…เขาเป็นคนพูดเองน่าจะโน้มน้าวได้มากกว่า”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า ท่าทางเห็นด้วย
นางครุ่นคิดครู่หนึ่ง
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าไปกับเยว่เอ๋อร์เอง”
หรงซิวมีท่าทีเฉยเมย
ในเมื่อนางอยากไป นั่นหมายความว่านางจะต้องมีเหตุผลเป็นของตนเองแน่นอน
ฉู่หลิวเยว่มองทางหรงซิวแล้วกะพริบตาปริบๆ
บุรุณของนางนั้นสามารถพึ่งพาได้จริงๆ ด้วย
หรงซิวถามขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า
“ทางด้านตระกูลหนานมีความเคลื่อนไหวอันใดบ้าง”
เยี่ยนชิงตอบทันที
“ยังไม่มีขอรับ”
พวกเขาอยู่ในช่วงที่ระวังตัวอย่างมาก จนกระทั่งตอนนี้ตระกูลหนานยังไม่ส่งคนออกมาเลย
ดวงตาหงส์ของหรงซิวหรี่ลงเล็กน้อย
ในวินาทีที่หนานอวี่สิงเสียชีวิต หนานอีฝานก็น่าจะรู้แล้ว
ตอนนี้ก็ผ่านมาหลายวัน แต่ทางนั้นกลับไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย
ซึ่งนี่ไม่ปกติแล้ว
ฉู่หลิวเยว่ลุกขึ้นยืน
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ข้าไปถามลั่วเหยี่ยนเลยดีกว่า”
เยี่ยนชิงไม่ได้ขวางทางอีก แต่กลับถอยหลังลงไปหนึ่งก้าว
หรงซิวถอนหายใจออกมาเบาๆ
ฉู่หลิวเยว่มองทางเขาอย่างสงสัย
“เป็นอันใดไปหรือ”
แสงอาทิตย์ทรงกระทบร่างของเขา เสื้อผ้าขาวกว่าหิมะ สูงส่งงดงาม
เขามองไปทางฉู่หลิวเยว่ ที่หางตามีความอ่อนโยนแผ่กระจายออกมา
“เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ แต่ในสายตาของเยว่เอ๋อร์กลับเห็นแค่คนอื่น แต่ไม่มีที่ว่างให้แก่สามีอย่างข้าเลย”
ตอนที่ 1923 จนตรอก
ใบหูฉู่หลิวเยว่แดงก่ำ
ในเวลาแบบนี้ เขายังมีแก่ใจมาพูดเล่น
นางเหลือบสายตามองทางเยี่ยนชิงทันที
เยี่ยนชิงก้มหน้าก้มตา ทำตัวเหมือนตัวเองเป็นธาตุอากาศ
ฝ่าบาทและพระชายาก็เป็นคู่แต่งงานใหม่ ทั้งสองคนยังไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังเลย แต่ก็ต้องรีบมาที่นี่แล้ว
ในช่วงเวลาแบบนี้ ทั้งสองคนกลับงานยุ่งมาก บางวันยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันด้วยซ้ำ
หากฝ่าบาทจะพูดเช่นนี้ก็เป็นเรื่องปกติแล้ว
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเรื่องความรัก แต่เขาก็เข้าใจฝ่าบาทของตนเองเป็นอย่างดี
ฉู่หลิวเยว่ก็เข้าใจผู้ชายของตนเองเช่นกัน
นางทำได้เพียงถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา นางเดินออกไปแล้วจับมือของหรงซิวไว้
“สามีพูดอันใดแบบนั้นกัน หลายวันที่ผ่านมานี้ข้าก็อยู่กับเจ้ามาตลอดไม่ใช่หรือ ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นเจ้าช่วยพาข้าไปดีหรือไม่”
เดิมทีนางตั้งใจจะหยอกล้อ ตั้งใจทำเสียงอ่อนเสียงหวาน หายากนักที่นางจะพูดด้วยความอ่อนหวานนุ่มนวลเช่นนี้
คำพูดทุกคำดังก้องอยู่ข้างหู เหมือนกับขนนกที่ปัดไปมาเบาๆ
มุมปากของหรงซิวยกยิ้มขึ้น และเป็นฝ่ายกุมมือของนางเอง
ขณะที่พูดเขาก็ลุกขึ้นยืน และกุมมือของนางเอาไว้แน่น เขาลูบที่หลังมือของนางเบาๆ
เขาตอบรับอย่างใจกว้าง แต่กลับทำให้ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเขินอายมากขึ้น
นางกระแอมไอแล้วเลิกคิด
“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราไปกันเถอะ”
ลั่วเหยี่ยนและคนอื่นถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินของจวนเยว่ พวกเขาต่างรู้ว่าอยู่ที่ไหน
ทั้งสองคนเดินจับจูงกันออกไปด้านนอก
เยี่ยนชิงเดินติดตามมาด้านหลัง
ทั้งสามคนเดินไปทางด้านหลังเรือนอันเป็นที่ตั้งของคุกใต้ดิน
เพิ่งเดินออกมาจากเรือน พวกเขาก็ได้พบกับน้องแปดและสือฟังที่เพิ่งกลับเข้ามา
เยี่ยนชิงเงยหน้าขึ้นมอง ในใจตกตะลึงไปชั่วขณะ
ทั้งสองคนเหมือนกับเพิ่งประสบหายนะอันใหญ่หลวงมา ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยคราบสกปรก กระโปรงที่งดงามหรูหราของน้องแปดกลับเปรอะเปื้อนโคลนจำนวนไม่น้อย
เหมือนว่าพวกเขาเพิ่งเดินออกมาจากหลุมโคลน
สือฟังชอบทำสวนอยู่เป็นประจำ ดังนั้นจึงถือว่าเป็นเรื่องปกติแล้ว
แต่น้องแปดที่รักความสวยงามรักความสะอาด หากวันปกติธรรมดากระโปรงของนางมีรอยยับย่น นางก็รู้สึกไม่สบายใจไปทั้งวันแล้ว
รูปลักษณ์ดั่งเช่นตอนนี้กลับไม่ค่อยได้พบนัก มิน่าละเยี่ยนชิงที่เห็นดังนั้นก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
แต่เนื่องจากด้านหน้าของเขามีหรงซิวกับฉู่หลิวเยว่ ดังนั้นน้องแปดกับสือฟังจึงไม่ได้สังเกตถึงการมีอยู่ของเขา
เมื่อเห็นสภาพของคนทั้งสองแล้ว ฉู่หลิวเยว่ทั้งตกใจทั้งปวดใจ จึงรีบถามขึ้นว่า
“น้องแปด สือฟัง พวกเจ้า…”
นางรู้ว่าพวกเขาออกไปตั้งแต่สองวันก่อน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะกลับมาด้วยสภาพจนตรอกขนาดนี้
นางถอนหายใจออกมาอย่างหดหู่ แล้วผายมือทั้งสองข้างออก ก่อนพูดอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า
“นายท่านดูสิ น้องแปดน่าสงสารเพียงใด!”
แม้ปากจะบอกว่าตนเองน่าสงสาร แต่ในแววตาที่งดงามยังคงเปล่งประกายเช่นเดิม
ต่อให้นางมีสภาพสกปรกเช่นนี้ แต่ก็ยังไม่สามารถปกปิดความงดงามที่เต็มไปด้วยเสน่ห์
ฉู่หลิวเยว่เดินเข้าไปแล้วบีบแก้มของนางไว้
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าน้องแปดแข็งแกร่งที่สุด!”
น้องแปดหรี่ตาลงด้วยความพึงพอใจ
แม้ว่านางจะสกปรกไปทั้งตัวจนเกือบทำให้ตนเองเป็นบ้าไปแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดนี้นางก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่าแล้ว!
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นมาเบาๆ
สือฟังเดินขึ้นมาด้านหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยการคาดหวังคำชมจากนายท่าน
จากนั้นเขาก็ได้ยินฉู่หลิวเยว่ถามว่า
“สือฟัง เจ้าดูแลน้องแปดของเจ้าอย่างไรเนี่ย”
สือฟัง “?”
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทำในสิ่งเดียวกัน อีกทั้งเขายังทำมากกว่าน้องแปดด้วยซ้ำ แต่เหตุใดได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกันล่ะ
น้องแปดมองหน้าเขาด้วยความภาคภูมิใจ
สือฟังยังคงไร้เดียงสาเกินไป ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว ยังไม่รู้ฐานะของตนเองอีกหรือ
“ขะ…ข้าผิดไปแล้ว…”
สือฟังก็แสดงสีน้ำไม่ได้รับความเป็นธรรม
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“ปกติแล้วน้องแปดของเจ้ารับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มากที่สุด ดูสิว่าเขาได้รับการทรมานจนกลายเป็นเช่นนี้แล้ว? หลังจากนี้เรื่องที่ต้องสกปรกก็ไม่ต้องให้นางทำมากนัก”
“แต่สมุนไพรเหล่านั้น มีเพียงน้องแปดเท่านั้นที่รู้ดีที่สุดว่าควรจะจัดการอย่างไร…”
เรื่องเหล่านี้จะให้นายท่านมาทำเองได้อย่างไร
แม้ว่าเขาจะทำได้เหมือนกัน แต่มีหลายครั้งที่ให้น้องแปดทำจะเหมาะสมมากกว่า
น้องแปดเบะปาก น้ำตาคลอเบ้าเหมือนว่าจะไหลรินลงมา
ในตอนที่นางกำลังลังเลว่าจะร่วมมือนายท่านต่อไปดีหรือไม่ ทันใดนั้นนางก็ได้ยินหรงซิวพูดว่า
“เยี่ยนชิง เจ้าไปทำความสะอาดที่แห่งนั้นให้เรียบร้อยก่อน”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ การเคลื่อนไหวของน้องแปดก็แข็งทื่อไป
นางค่อยๆ หันคออย่างแข็งทื่อ แล้วมองไปที่ด้านหลังของหรงซิวอย่างสิ้นหวัง จากนั้นก็เห็นก้อนน้ำแข็งก้อนหนึ่งยืนอยู่
ก้อนน้ำแข็งก้อนนั้นพูดว่า “ขอรับ!”
เมื่อพูดจบเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงสายตาของน้องแปด ก้อนน้ำแข็งก้อนนั้นจึงหันมามองทางนี้
ในตอนนั้นทั้งสองคนสบสายตากันในทันที
น้องแปดเกือบจะเป็นลมสลบลงไปแล้ว
ตอนนี้นาง!
ตอนนี้นางมีสภาพเป็นอย่างไรบ้าง
หลังจากที่ทั้งสองคนทะเลาะกันเมื่อครั้งที่แล้ว ช่วงที่ผ่านมานี้พวกเขาก็ไม่ได้พบกันเลย
เดิมทีน้องแปดยังคิดว่า จะหาโอกาสให้กับตนเองเสียหน่อย
ใครจะรู้แล้วว่านางยังไม่ทันได้หาโอกาส แต่โอกาสให้ขายหน้ากลับพุ่งมาหานางเอง!
คิดได้ว่าตอนนี้นางมีผมเผ้ากระเซอะกระเซิง สภาพไม่เรียบร้อย แล้วมองดูอีกฝ่ายสิ!
น้องแปดแทบจะบ้าตาย
นางไม่เคยรู้สึกขายหน้ามากเท่าตอนนี้มาก่อนเลย!
“นายท่านข้าเพิ่งนึกได้ว่าข้ายังมีธุระอื่นอีก ขอตัวลาก่อน!”
น้องแปดพูดไม่ทันจบประโยคก็รีบหมุนตัวเดินออกไป!
ฝีเท้าของนางรีบร้อน เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว
“เฮ้! น้องแปด…”
เดิมทีฉู่หลิวเยว่อยากจะพูดอีกสักสองประโยค แต่ใครจะรู้เล่าว่านางจะไปอย่างรวดเร็วขนาดนั้น?
มือของนางฟ้าได้เพียงความว่างเปล่า และต้องดึงมือกลับมาเท่านั้น
“รีบร้อนขนาดนั้นเชียว…”
ฉู่หลิวเยว่บ่นพึมพำด้วยความประหลาดใจ
เมื่อครู่นี้นางยังดีๆ อยู่เลยไม่ใช่หรือ
“สือฟัง ช่วงนี้น้องแปดมีสิ่งใดผิดปกติไปหรือเปล่า”
สือฟังยกนิ้วขึ้นสาบาน
“ไม่มีขอรับ ไม่มีจริงๆ ท่านก็รู้ว่าพวกเรานั้นใส่ใจพี่แปดมากที่สุด หากมีสิ่งใดผิดปกติไป พวกเราจะไม่รู้ได้อย่างไร”
หลังจากผ่านความจริงอันโหดร้าย สือฟังก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว
สือฟังพยักหน้า
ท่าทางน้องแปดแบบนี้ต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน…
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ตามนางไปเถอะ เจ้าก็เหนื่อยมานานแล้ว กลับไปพักผ่อนให้ดี”
ฉู่หลิวเยว่พูดปลอบโยน ทำให้สือฟังน้ำตาคลอเบ้าในทันที
นายท่านยังไม่ลืมเขาจริงๆ ด้วย!
เขาพยักหน้าอย่างแรง
“นายท่านวางใจได้เลย! ด้านนอกจัดการไปเกือบครึ่งแล้ว เหลือเพียงพี่สามส่งคนไปรับช่วงต่อ เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิม”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกมา
“ได้ ลำบากเจ้าแล้ว เดี๋ยวกลับไปข้าจะมอบเขาหนึ่งลูกเพื่อให้เจ้าปลูกผักโดยเฉพาะ”
สือฟังรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก
“ขอบคุณนายท่านมาก!”
เมื่อพูดจบ สือฟังก็ไม่ได้รั้งตัวอยู่ที่นี่ต่อ เขารีบจากไปด้วยความยินดี
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วหันมามองเยี่ยนชิงที่ยังไม่ได้ไปไหน
“ช่างเถอะ พวกเราไปพร้อมกัน!”
………………..