ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1924 ไต่สวน
ตอนที่ 1924 ไต่สวน
………………..
เยี่ยนชิงตอบรับหนึ่งเสียง ในใจรู้สึกประหลาดซะอย่างมาก
ในตอนแรกฝ่าบาทก็จะให้ไปด้วยกันอยู่แล้ว
แต่เมื่อครู่นี้ไม่รู้ว่าเหตุใด ถึงได้พูดให้เขาไปทำความสะอาดก่อน
หากฝ่าบาทอยากให้เขาไปทำความสะอาดจริงๆ ก็ควรจะบอกมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะพูดตอนที่เดินทางมาแล้วครึ่งทาง
เยี่ยนชิงหันมองทางฝ่าบาทของตนเอง
ฝ่าบาทยังมีใบหน้าหล่อเหล่า ท่วงท่าสง่างามเช่นเดิม มุมปากยังประดับด้วยรอยยิ้มหลายส่วน
“ในเมื่อเยว่เอ๋อร์ไม่รังเกียจ ถ้าเช่นนั้นก็ฟังเยว่เอ๋อร์”
เยี่ยนชิง “…”
ฝ่าบาทเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเช่นนี้ ต้องการจะทำอะไรกันแน่
แต่ความคิดของฝ่าบาทนั้นยากที่จะเข้าใจ…
เยี่ยนชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ล้มเลิกความคิดนั้นอย่างรวดเร็ว
เขามีผู้ติดตามอยู่ด้านหลังคนทั้งสองด้วยความเคารพ แต่ภายในสมองกลับนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อครู่นี้
ได้ยินมาว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้สือฟังกับน้องแปดไปจัดการต้นหญ้าและสมุนไพรเหล่านั้น ดูจากท่าทางของพวกเขาแล้วก็น่าจะได้รับความลำบากไม่น้อย…
ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ และรู้ว่าแต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป
ปกติแล้วสือฟังชอบปลูกผัก ความจริงแล้วเขามีความรู้เกี่ยวกับภูมิศาสตร์เป็นอย่างดี และรู้ว่าควรจะจัดการกับภูเขารกร้างอย่างไรให้มีประสิทธิภาพที่สุด
แต่งานอดิเรกของน้องแปดคือการหลอมโอสถ แต่นางไม่ค่อยเหมือนกับเซียนหมอทั่วไป นางชอบที่จะศึกษาใบเทียบยาและสมุนไพรแปลกประหลาดและโบราณ
เมื่อทั้งสองคนร่วมมือกันก็สามารถช่วยซานซานจัดการปัญหาได้ไม่น้อยแน่นอน
จนกระทั่งพูดได้ว่าโดดเด่นเลยทีเดียว
ลูกน้องที่อยู่ข้างกายของฉู่หลิวเยว่ดูเหมือนว่าจะไม่ธรรมดา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่แท้จริง กลับมีประโยชน์เป็นอย่างมาก
เรื่องนี้ทำให้เขาต้องมองฉู่หลิวเยว่และสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ใหม่อีกครั้ง และเกิดความเสื่อมใสขึ้นมา
ในตอนนั้นเอง ฉู่หลิวเยว่ต้องหันกลับมามองเยี่ยนชิงอย่างกะทันหัน
เยี่ยนชิงมีประสาทสัมผัสไวจึงสัมผัสได้ทันที เขาเงยหน้าขึ้นมา
“พระชายา?”
ฉู่หลิวเยว่มองเขาด้วยความสงสัย เหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
เยี่ยนชิงมึนงงไป
ฉู่หลิวเยว่รู้จักน้องแปดเป็นอย่างดี
นางรู้ว่าน้องแปดนั้นใส่ใจรูปร่างภายนอกของตนเองเป็นอย่างมาก แต่ในเวลางาน นางก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นมากขนาดนี้
แต่ในครั้งนี้…
ในตอนแรกนางก็ยังปกติดี แต่หลังจากหรงซิวขานชื่อเยี่ยนชิงแล้ว ท่าทีของนางก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“เยี่ยนชิง ปกติแล้วน้องแปดของพวกเราเป็นคนใจร้อนเล็กน้อย แต่ว่าเป็นคนดีมาก นางเป็นแม่นางที่ดีเลย หากก่อนหน้านี้นางเคยล่วงเกินอันใดเจ้า ข้าต้องขอโทษแทนนางด้วย”
ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าก่อนหน้านี้น้องแปดก่อความวุ่นวายให้กับเยี่ยนชิงมาโดยตลอด
แต่น้องแปดเป็นคนที่รู้หนักเบามาโดยตลอด จึงไม่ได้สนใจสิ่งใดมาก
อีกทั้งช่วงนี้ก็มีเรื่องอะไรมามากมาย นางจึงลืมใส่ใจเรื่องนี้ไป
แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของทั้งสองคนแล้ว นางจึงคิดขึ้นมาได้
บางทีพวกเขาอาจจะเข้าใจผิดกันเล็กน้อย?
เยี่ยนชิงรีบประสานมือทันที
“พระชายากล่าวหนักเกินไปแล้ว แม่นางแปดดีมาก เป็นข้าเอง…”
“ก่อนหน้านี้เป็นข้าที่ใช้คำพูดไม่เหมาะสม ได้ล่วงเกินแม่นางแปด”
เขายังรู้สึกว่า หากเขาพูดเรื่องที่เข้าใจผิดนางออกไปคงจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร
ดังนั้นเขาซึ่งกล่าวแค่คร่าวๆ
เมื่อฉู่หลิวเยว่ได้ยินเขาพูดเช่นนั้นก็รู้สึกโล่งอกไม่น้อย
ด้วยนิสัยอย่างเยี่ยนชิง เขาเป็นคนที่พูดอะไรตรงไปตรงมาเสมอ
ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรจริงๆ
เพียงแต่ว่า…ไม่รู้ว่าเหตุใด นางถึงรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกประหลาดไป…
“จะถึงแล้ว”
หรงซิวกุมมือของนางแล้วกล่าวเตือน
ฉู่หลิวเยว่สติกลับคืนมา และเลิกคิดสับสนวุ่นวาย พร้อมจ้องมองไปด้านหน้าด้วยสายตาจริงจัง
“ไปดูกัน”
…
คุกใต้ดินของจวนเยว่มีมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
หลังจากซานซานซื้อที่แห่งนี้มา เขาก็ได้ปรับปรุงซ่อมแซม และรวมถึงคุกใต้ดินด้วย
จากคำพูดของเขา เขาพูดว่าทุกสิ่งที่เตรียมให้กับนายท่านจะต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด!
ดังนั้น…
คุกใต้ดินแห่งนี้จึงแข็งแรงมาก และต่างจากสิ่งที่ผู้คนจินตนาการเอาไว้มาก
…อาศัยเพียงแค่ค่ายกลของปรมาจารย์ค่ายกลระดับมหาราชา อีกทั้งยังมีค่ายกลมากกว่าหกรูปแบบ
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ถามซานซานว่าเขาทำเช่นนี้ได้อย่างไร
ภายในท่าเรือดอกท้อไม่ขาดแคลนคนมีความสามารถ
ซานซานสามารถหาพวกเขาเจอ และยังเชิญพวกเขามาได้ก็นับว่าเป็นความสามารถของเขาแล้ว
แม้ว่าพวกเขาทั้งสี่คนจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ แต่พวกเขาไม่สามารถรวบรวมพลังปรานดั้งเดิมภายในร่างกายได้ เดิมทีเขาก็ไม่ต่างอะไรจากขยะ
…
คุกใต้ดินนั้นกว้างขวางและว่างเปล่า
ฉู่หลิวเยว่และอีกสองคนเดินผ่านคุกชั้นต่างๆ ลงไปจนถึงส่วนที่ลึกที่สุด
ระหว่างทางได้ยินเสียงฝีเท้ากระจ่างชัด ดังสะท้อนไปมา ทำให้คุกใต้ดินแห่งนี้วังเวงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ยังไม่ทันได้เห็นคนเหล่านั้น ฉู่หลิวเยว่ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดเน่าเหม็นแน่นหนาแล้ว
หลังจากเดินมาระยะหนึ่ง เยี่ยนชิงก็หยุดฝีเท้า พร้อมรับหน้าที่เฝ้าอยู่ด้านหน้า
หรงซิวและฉู่หลิวเยว่เดินต่อเข้าไปด้านใน
ภายในห้องขังทำมาจากเหล็กชั้นดี แต่ละห้องเชื่อมติดกัน
แต่ว่าตระกูลหนานทั้งสี่คนถูกคุมขังให้สถานที่ที่แตกต่างกัน
เขาไม่เพียงแต่จะไม่เห็นหน้ากัน แม้กระทั่งเสียงก็ส่งไปไม่ถึงกันด้วย
นี่จึงทำให้แต่ละคนแตกคอกันได้ง่าย
ในที่สุดทั้งสองคนก็มาถึงหน้าห้องขังห้องหนึ่งแล้ว
เมื่อมองผ่านตารางและค่ายกล พวกเขาสามารถมองเห็นสถานการณ์ที่อยู่ภายในได้อย่างชัดเจน
“เขาคือหนานหงหยาง”
หรงซิวตอบ
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
ตอนนี้หนานหงหยางกำลังนอนขดตัวอยู่บนพื้น ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้เขาถูกลงโทษหนักมาก
ไม่ว่าใครที่ได้เห็นก็ยากจะเชื่อว่าเขาคือ ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์
เมื่อได้ยินเสียง หนานหงหยางก็ขยับตัวแล้วเงยหน้าขึ้นมอง
………………..