ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1925 ความลับ
ตอนที่ 1925 ความลับ
………………..
ภายใต้แสงเทียนสลัว ฉู่หลิวเยว่มองเห็นใบหน้าเปื้อนเลือด และแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
หนานหงหยางแทบจะเบิกตากว้างในทันที จากนั้นก็หดตัวกลับลงไป
แต่น่าเสียดายที่มือและเท้าของเขานั้นหักไปแล้ว ตอนนี้เขาจึงไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้มาก จึงทำได้เพียงดิ้นรนเล็กน้อยเท่านั้น
ท่าทางของเขาจนตรอกและอนาถมาก
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ นางก็คิดเอาไว้แล้วว่า เยี่ยนชิงจะต้องใช้วิธีการมากมายในการง้างปากหนานหงหยาง
แต่ตอนที่ได้มาเห็นจริงๆ นางก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
นางไม่ได้รู้สึกว่าที่แห่งนี้ดูโหดเหี้ยมและเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด แต่ที่นางตกใจก็คือ เยี่ยนชิงสามารถทิ้งรอยบาดแผลมากมายให้แก่หนานหงหยางที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์
ผิวหนังและร่างกายของผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์จะแข็งแกร่งอย่างมาก
ต่อให้ตอนนี้หนานหงหยางไม่สามารถโคจรพลังปราณดั้งเดิมภายในร่างกายได้ เขาก็สามารถอดทนต่อการโจมตีได้
แต่เขากลับอยู่ในสภาพนี้ เห็นได้ชัดว่าวิธีการของเยี่ยนชิง…
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
สมแล้วที่เป็นคนสนิทของหรงซิว
สามารถมาอยู่ในตำแหน่งตอนนี้ได้ เยี่ยนชิงจะต้องมีข้อดีของตนเองที่ต่างจากคนอื่นแน่นอน และเขาต้องไม่ธรรมดาอย่างหน้าตาของเขา
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรีบร้อน พวกเราไม่ได้จะทำอันใดเจ้า”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเสียงเรียบ น้ำเสียงอ่อนโยน
แต่ครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าในสายตาหนานหงหยางนางก็เป็นเหมือนกับภูตผีปีศาจ
“เป็นเจ้า พวกเจ้าหรือ!”
หนานหงหยางเพิ่งจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนที่มานั้นไม่ใช่เยี่ยนชิง แต่เป็นหรงซิวและฉู่หลิวเยว่
เขารู้สึกเคียดแค้นเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้อีกฝ่ายเป็นมีดและเขียง ส่วนเขาเป็นปลาที่อยู่บนเขียง แต่เขาไม่กล้าทำตัวกำเริบเสิบสาน
เขารู้ดีว่าหากเขายั่วโมโหทั้งสองคนนี้ จุดจบของเขาจะต้องอนาถกว่าตอนนี้เป็นร้อยเท่า!
“ข้า ข้าพูดแล้ว ข้าพูดไปทั้งหมดแล้ว! พวกเจ้าคิดจะทำอันใดอีก!”
ร่างกายของหนานหงหยางตึงเกร็ง พลังคอแห้งพราก แฝงด้วยความกรุ่นโกรธและเคียดแค้น
ไม่รู้ว่าเขากังวลว่าคนอื่นจะได้ยินตอนที่เขาพูดคำพูดนั้นหรือเปล่า น้ำเสียงของเขาจึงต่ำลงเป็นอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกมาหนึ่งเสียง
“วางใจเถอะ พวกเราไม่คิดจะทำแบบนั้น เพียงแค่มา…ขอบคุณเจ้า”
ดวงตาของนางโค้ง แววตาเปล่งประกาย มุมปากยกนิ้วขึ้น ท่าทางจริงใจเป็นอย่างมาก
นางมาที่นี่เพื่อจะมากล่าวคำขอบคุณจริงๆ
เพราะคำให้การของหนานหงหยาง หลังจากนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขากับตระกูลหนานก็จะร้าวรานโดยสมบูรณ์ และไม่มีทางอยู่ร่วมด้วยกันได้
“วีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่” ผู้นี้ ฉู่หลิวเยว่จำเป็นจะต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
เมื่อนางพูดประโยคนี้ก็เท่ากับว่านางไม่ได้มีแก่ใจจะลงมือกับหนานหงหยางอย่างโหดเหี้ยมอีกแล้ว
ใบหน้าของเขาซีดขาวในทันที
“เจ้า…พวกเจ้าในเมื่อข้าพูดออกไปทั้งหมดแล้ว พวกเจ้า พวกเจ้าก็ปล่อยให้ข้ามีความสุขเถอะ!”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
หึ
ไม่รู้ว่าเยี่ยนชิงทำอะไรกับเขาบ้าง คาดไม่ถึงว่าหนานหงหยางจะถูกเขาบีบบังคับจนถึงขั้นนี้
อยู่ไม่สู้ตาย จึงจำเป็นต้องร้องขอความตายเป็นร้อยรอบพันรอบ
แต่น่าเสียดาย ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ตั้งใจจะทำเช่นนั้น
นางส่ายหน้าอย่างเสียใจเป็นอย่างมาก
หากเป็นเช่นนั้น เขา…
“ไม่ได้! พวกเจ้า…”
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ให้โอกาสเขาโต้เถียง นางโบกมือเบาๆ แล้วหมุนตัวเดินจากไป
แม้ว่าหนานหงหยางจะตะโกนด้วยเสียงแหบพร่าไล่หลังตามมา แต่ฉู่หลิวเยว่และหรงซิวก็ทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน
อีกทั้งเสียงนั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้หันกลับมามอง ระหว่างทางเดินตรงมาเขาเดินผ่านผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์สองคน ก่อนจะเดินมาห้องขังด้านในสุด
ลั่วเหยี่ยนอยู่ภายในนั้น เขาหันหลังให้กับประตูห้องขัง
สถานการณ์ของเขานั้นแตกต่างจากหนานหงหยางเล็กน้อย
ห้องขังของเขาไม่ได้มีเลือดกระจายอยู่มากมายขนาดนั้น
และร่างกายของเขาก็เหมือนจะไม่ได้รับบทลงโทษอะไรมากเท่าไรนัก เขายังดูสบายดีอยู่เลย
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจว่าสำหรับคนบางประเภท ต่อให้ใช้วิธีการทรมานมากมายเท่าไรก็ไร้ประโยชน์
จึงจำเป็นต้องใช้วิธีการอื่น
“ลั่วเหยี่ยน”
ฉู่หลิวเยว่เรียกหนึ่งเสียง
เมื่อได้ยินเสียงนั้น ลั่วเหยี่ยนก็ไม่ขยับเขยื้อน ทำเป็นไม่ได้ยิน
ฉู่หลิวเยว่ก็พูดต่ออย่างไม่รังเกียจ
“ในวันนั้นเจ้าก็ควรจะรู้แล้วว่าการตายของหนานอีอีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเราเลยใช่หรือไม่”
ลั่วเหยี่ยนยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกเสียง
“ความจริงแล้ว ในเมื่อเจ้าเป็นคนฆ่าหนานอวี่สิงด้วยตนเอง หากมองจากมุมบางมุม ก็นับว่าเจ้าได้แก้แค้นแทนสตรีที่เจ้าชอบแล้ว ไม่ใช่หรืออย่างไร”
ตกใจ กลุ่มโกรธ อัปยศอดสู เคียดแค้น…
แต่อารมณ์เหล่านี้ก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเขาเพียงครู่เดียวเท่านั้น
หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดอันใดอยู่”
เพราะว่าหลายวันที่ผ่านมานี้เขาไม่ได้พูดไม่ได้จาเลย น้ำเสียงของเขาจึงแหบพร่าไม่น่าฟัง
ฉู่หลิวเยว่มองหน้าเขา แววตาเปล่งประกายแหลมคมดุจใบมีด แล้วฉีกใบหน้าที่เสแสร้งออก
“เหตุใดหนานอวี่สิงถึงสามารถฟื้นฟูเส้นชีพจรภายในระยะเวลาสั้นๆ ได้ ทั้งยังสามารถทะลวงด่านเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ได้อีก เจ้าควรจะรู้ดีใช่หรือไม่ แม้กระทั่งข้าก็ยังสามารถสัมผัสได้ว่าบนร่างกายของเขานั้นมีลมปราณของหนานอีอีอยู่ ลั่วเหยี่ยน เจ้าจะไม่สามารถสัมผัสได้เลยหรืออย่างไร”
ลั่วเหยี่ยนไม่ได้พูดอะไร มือทั้งสองข้างค่อยๆ กำหมัดกรอด
คำพูดของฉู่หลิวเยว่ทุกคำเหมือนกับเป็นตอกปูที่ตรอกตรึงลงที่ขั้วหัวใจของเขาอย่างแม่นยำ
เลือดไหลออกมาไม่หยุด!
“ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ แม้กระทั่งหน้าคนตระกูลหนานก็ยังไม่ได้เห็นมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะลงมือกับเขา หนานอีอีตายได้อย่างไร นางมีเส้นชีพจรที่โดดเด่นขนาดนั้น สามารถเคลื่อนย้ายไปยังร่างกายของพี่ชายแท้ๆ ของตนเองได้อย่างไร…ความจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไร ลั่วเหยี่ยน ข้าคิดว่า ข้าไม่จำเป็นต้องพูดให้เจ้าฟังสินะ?”
ฉู่หลิวเยว่โน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย แล้วถามเสียงเบา
“ที่แท้เจ้าก็ชอบหนานอีอีแบบนั้นเองน่ะหรือ”
ลั่วเหยี่ยนกัดฟันแน่น ร่างกายสั่นสะท้านเล็กน้อย
ภายในสมองของเขาตึงเครียดขึ้นมา!
ทันใดนั้นหรงซิวก็พูดขึ้นเสียงเบาว่า
“ลั่วเหยี่ยน หากแม่แท้ๆ ของหนานอีอีทราบว่าเจ้ามีความคิดแบบนี้กับลูกสาวของนาง แล้วยังปล่อยให้นางตายอย่างไม่เข้าใจ เจ้าคิดว่าหากไปเจอกันที่นรก นางจะมองหน้าเจ้าอย่างไร”
“อย่าลืมล่ะ เจ้าคือพี่ชายแท้ๆ ของนางนะ”
ในที่สุดคำพูดประโยคนี้ก็ทำให้ลั่วเหยี่ยนหน้าเปลี่ยนสีไป!
เขาลุกขึ้นยืนแล้วหันมองหรงซิวด้วยความตกใจ พร้อมพูดกัดฟันว่า
“เจ้ายังรู้เรื่องอันใดอีก”