ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1931 พลาดไม่ได้เด็ดขาด
คนทั้งหลายต่างมองตามครรลองสายตาของเขาไป
“จิ่วชิง ด้วยพรสวรรค์เลิศล้ำ ความสามารถโดดเด่น เป็นผู้ที่เหมาะสมกับตำแหน่งนายน้อยอย่างไม่ต้องสงสัย!”
อี้เหวินเทายังคงมีสีหน้าอ่อนโยน ทว่าน้ำเสียงกลับทุ้มต่ำเปี่ยมด้วยพลัง
ทุกทุกคำล้วนลอยเข้าหูทุกคนในที่แห่งนี้ได้อย่างชัดเจน!
คนทั้งหลายต่างเงียบกริบ พากันสบสายตาด้วยทำอันใดไม่ถูก สีหน้าแต่ละคนแตกต่างกันไป
ในความเป็นจริง พวกเขาคาดเดาได้ถึงผลลัพธ์นี้อยู่แล้ว
การแย่งชิงตำแหน่งนายน้อยตระกูลอี้นั้นดุเดือดมาก แต่หลังจากที่จวินจิ่วชิงปรากฏตัว เขาก็ทะยานขึ้นไปยืนอยู่จุดสูงสุดได้อย่างง่ายดาย
ต่อให้คนเหล่านั้นไม่ชอบเขา แต่ก็ต้องยอมรับว่าไม่ว่าพรสวรรค์หรือพละกำลัง อนุชนของตระกูลอี้พวกนี้ไม่มีใครเทียบเคียงจวินจิ่วชิงได้เลยสักคน
ทันใดนั้น ผู้อาวุโสท่านหนึ่งก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างลังเล
“… ท่านประมุขกล่าวถูกต้องทุกประการ จวินจิ่วชิงนั้นโดดเด่นเกินใครจริงๆ แต่… อย่างใดเสียเขาก็แซ่
จวิน…”
บรรพชนของราชวงศ์เป่ยหมิงในตอนนั้นตบแต่งกับแม่นางตระกูลอี้คนหนึ่งเมื่อพันปีก่อน
ครานั้นพวกเขาให้กำเนิดเด็กน้อยด้วยกันหนึ่งคน ทว่าเพราะพลังแห่งสายเลือดภายในร่างเด็กคนนั้นเบาบาง ตระกูลอี้อับอายขายขี้หน้า จึงมีคำสั่งบังคับให้ส่งเด็กน้อยกลับไปยังราชวงศ์เป่ยหมิง
หลายปีมานี้ คนในราชวงศ์เป่ยหมิงไม่เคยได้รับสืบทอดพลังแห่งสายเลือดส่วนนี้มาแต่ไหนแต่ไร
จนกระทั่งจวินจิ่วชิงปรากฏตัวขึ้นมา
เขาไม่เพียงแต่มีพลังแห่งสายเลือดของตระกูลอี้ พลังที่ว่ายังบริสุทธิ์อย่างมากอีกด้วย!
ยิ่งไปกว่านั้นมีอี้เหวินจั๋วเป็นอาจารย์ เขาจึงอยู่ในตระกูลอี้ได้อย่างมั่นใจมากกว่าเก่า
แต่นี่มันก็เรื่องหนึ่ง การเป็นนายน้อยก็นับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ได้ยินดังนั้นแล้ว เขาเพียงแค่หัวเราะเบาๆ คราหนึ่ง
“แต่ภายในร่างจิ่วชิงก็มีพลังแห่งสายเลือดของตระกูลอี้ไหลเวียนอยู่มิใช่หรือ?”
อีกอย่าง พลังแห่งสายเลือดของเขาบริสุทธิ์อย่างยิ่ง ทั้งยังมีระดับที่สูงลิ่ว!
กะอีแค่เรื่องแซ่จะไปถือเป็นเรื่องสลักสำคัญอันใด?
พลังแห่งสายเลือดของเขาเป็นตัวบ่งชี้แล้วว่าเลือดเนื้อของเขาก็คือคนตระกูลอี้!
ได้ยินอี้เหวินเทาเอ่ยเช่นนี้ คนทั้งหลายจึงไม่ต่อความยาวสาวความยืดอีก
ความหมายของเขาชัดเจนมากพอแล้วว่าเขาตัดสินใจเลือกจวินจิ่วชิงเป็นนายน้อยไปเรียบร้อยแล้ว
ภายในตระกูลอี้ มิมีผู้ใดสามารถคัดค้านความเห็นของอี้เหวินเทาได้
สิ่งที่พวกเขาทำได้ก็คือเชื่อฟัง
อี้เหวินจั๋วที่นั่งอยู่ข้างๆ จวินจิ่วชิงผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกได้ในที่สุด
ยังดี…
สุดท้ายพี่ใหญ่ก็ยังเลือกเช่นนี้!
ในใจของเขาบังเกิดความตื่นเต้นขึ้นมาจางๆ ทว่าทำได้แค่ใช้มือกำแขนเก้าอี้เอาไว้แน่นถึงข่มความตื่นเต้นของตัวเองเอาไว้ได้
เขาคืออาจารย์ของจวินจิ่วชิง ภายหลังจวินจิ่วชิงกลายเป็นนายน้อยตระกูลอี้แล้ว ตำแหน่งของเขาเองก็ต้องสูงขึ้นตามอย่างแน่นอน!
แม้เขาจะเป็นน้องชายของอี้เหวินเทา แต่หลายปีมานี้เขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในตระกูลน้อยมาก หลายครั้งจึงไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงอันใด
บัดนี้มีความสัมพันธ์เช่นนี้กับจวินจิ่วชิงอยู่…
ย่อมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป!
“จิ่วชิง เจ้ามานี่”
อี้เหวินเทากวักมือไปทางจวินจิ่วชิง
จวินจิ่วชิงหยัดตัวลุกขึ้น ก้าวยาวๆ เดินตามไป
ในมือของอี้เหวินเทาพลันปรากฏแหวนปานจื่อหยกวงหนึ่ง
นี่ก็คือสัญลักษณ์ของสถานะนายน้อยตระกูลอี้!
หลายปีมานี้ ตระกูลอี้ไม่เคยคัดเลือกนายน้อยมาก่อน
คาดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายคนที่ถูกเลือกจะเป็นคนนอกตระกูลที่หวนกลับมา
ความรู้สึกนึกคิดของบรรดาฝูงชนต่างซับซ้อนอย่างมาก
สภาพโดยรอบต่างเงียบสงัดไร้สุ้มเสียงใดๆ
อี้เหวินเทามอบแหวนปานจื่อให้แก่จวินจิ่วชิง
สีหน้าของจวินจิ่วชิงอดกลั้นเล็กน้อยก่อนยื่นมือไปรับมันมา แล้วสวมแหวนลงบนนิ้ว
ทันใดนั้นเอง สัญลักษณ์บนแหวนปานจื่อหยกก็ส่องแสงสว่างขึ้นมาในทันใด!
แรงกดดันอันแข็งกร้าวสายหนึ่งพลันเข้ามาเยือน!
ในขณะเดียวกันนั้นเอง หว่างคิ้วของจวินจิ่วชิงเองก็ปรากฏสัญลักษณ์แบบเดียวกันขึ้นมา!
พลังอันไร้ขีดจำกัดพวยพุ่งออกมาจากแหวนปานจื่อหยก ก่อนจะถ่ายทอดเข้าไปในร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง!
ลมปราณทั่วทั้งร่างของเขาเองก็แข็งแกร่งตามขึ้นไปด้วย!
เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งเค่อเห็นจะได้ การกระเพื่อมของพลังถึงได้ค่อยๆ สงบลง
สีหน้าของอี้เหวินเทาเผยความพึงพอใจออกมาหลายส่วน
“จิ่วชิง เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลยจริงๆ”
แหวนปานจื่อหยกตอบสนองเช่นนี้ หมายความว่ามันยอมรับจวินจิ่วชิงในฐานะนายน้อยแล้ว!
ต่อจากนี้ไป เขาก็เป็นนายน้อยตระกูลอี้ได้อย่างสมภาคภูมิ!
จวินจิ่วชิงหัวเราะออกมาคำรบหนึ่ง ดวงหน้าแฝงด้วยความเย้ายวนอย่างน่าประหลาด
“ขอบคุณท่านประมุขที่เอ็นดู”
“เป็นเจ้าที่เก่งกาจพอต่างหาก”
อี้เหวินเทาตบบ่าเขา ในแววตาแฝงความชื่นชมอย่างปิดไม่มิด
นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตำแหน่งของจวินจิ่วชิงในตระกูลอี้ หรือแม้แต่ในอาณาจักรเสิ่นซวี่ล้วนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป!
“ความจริงวันนี้นอกจากจะคัดเลือกนายน้อยแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่ต้องการปรึกษากับทุกท่านด้วย”
อี้เหวินเทาหันมองไปทางฝูงชนอีกครา
รอยยิ้มของเขาค่อยๆ เลือนหาย แปรเปลี่ยนเป็นความจริงจังมากขึ้นหลายส่วน
คนทั้งหลายรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องการพูดเรื่องสำคัญสักอย่าง จึงทยอยดึงสติตัวเองกลับมาแล้วมองไปที่เขา
บรรยากาศพลันแข็งทื่อขึ้นมาหลายส่วน
“พลังแห่งสวรรค์และโลกจากเขตเหมอเหอที่ใช้กันมาหลายปีไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว พวกเราจำเป็นต้องหาแหล่งทรัพยากรที่อื่นที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพลังเพื่อทั้งตระกูลอี้”
อี้เหวินเทาเข้าประเด็นทันที
ทุกคนในที่แห่งนั้นต่างตกตะลึงกันถ้วนทั่ว
ในความเป็นจริง พวกเขาต่างรู้เรื่องนี้แก่ใจดีมานานแล้ว
เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดออกมาชัดๆ เท่านั้น
อย่างใดเสียคำพูดเช่นนี้ใช่ว่าจะน่าฟัง หากเรื่องแพร่ออกไปก็จะทำให้ทั้งตระกูลแตกตื่นได้ง่าย
ใครก็ไม่คาดคิดว่าอี้เหวินเทาจะเป็นคนเริ่มออกปากก่อน ทั้งยังพูดอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้!
อี้เหวินเทากวาดสายตามองรอบๆ คราหนึ่งด้วยสีหน้าเปิดเผย
“ทุกคนไม่ต้องตื่นตระหนกไป ตระกูลชั้นสูงทั่วทั้งอาณาจักรเสิ่นซวี่เองก็ประสบปัญหาแบบเดียวกัน ไม่ได้มีแค่ตระกูลอี้ของพวกเราหรอกหนา”
คำพูดนี้คือความจริง
อาณาเขตของอาณาจักรเสิ่นซวี่นั้นกว้างใหญ่ไพศาล มีพลังแห่งสวรรค์และโลกเนืองแน่นอุดมสมบูรณ์
แต่ขณะเดียวกัน มันก็แฝงด้วยอันตรายนับไม่ถ้วน
กองกำลังใดก็ตามที่คิดจะพัฒนาอย่างแท้จริง ย่อมต้องมีอาณาเขตในการฝึกตนที่มั่นคง
อีกทั้งเวลาผ่านคล้อยไป ปริมาณของพลังแห่งสวรรค์และโลกในขอบเขตที่เหมาะสมถูกใช้ไปอย่างต่อเนื่อง นานวันเข้าก็ย่อมน้อยลงเรื่อยๆ
ยามระดับความเข้มข้นของพลังปราณดั้งเดิมต่ำกว่าปกติ ก็ไม่เหมาะที่จะอยู่อาศัยอีกต่อไป
อย่างใดเสียนี่จะส่งผลกระทบแก่การฝึกตนของทุกคนในตระกูลชั้นสูง
สำหรับกองกำลังใดๆ แล้ว นี่ล้วนแต่เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
ในความเป็นจริง หลายปีมานี้ มีตระกูลชั้นสูงจำนวนมากภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ที่เริ่มหาพื้นที่ใหม่ที่เหมาะสมแก่การอยู่อาศัย
มีทั้งหาได้สำเร็จ มีทั้งล้มเหลว
เหตุผลที่ตระกูลอี้มีปฏิกิริยาใหญ่โตเช่นนี้เป็นเพราะตำแหน่งของตระกูลอี้สูงส่งกว่าตระกูลชั้นสูงเหล่านี้อยู่ไม่น้อย
ไม่ว่าจะสภาพแวดล้อมที่เปี่ยมไปด้วยข้อได้เปรียบในการฝึกตนของเขตเหมอเหอหรือที่อื่น พวกเขาก็ล้วนแต่บดขยี้ผู้อื่นในทุกๆ ด้านได้อย่างง่ายดาย
พวกเขาเคยชินกับการปรายตามองมาจากเบื้องสูง
บัดนี้พออี้เหวินเทาพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหันว่าพวกเขาเองก็ต้องหาเขตแดนอื่นเช่นกัน ย่อมทำให้พวกเขารู้สึกรับไม่ได้อยู่หลายส่วน
“เพียงแต่ทุกท่านไม่ต้องกังวลใจไป แม้เขตเหมอเหอในตอนนี้จะด้อยกว่าก่อนหน้านี้ไปบ้าง แต่เมื่อเทียบกับตระกูลชั้นสูงอีกหลายตระกูลก็ยังคงดีกว่ามาก ที่ข้าพูดขึ้นมาตอนนี้ก็เพื่อบอกให้เตรียมตัวเพียงเท่านั้น”
ประโยคถัดมาของอี้เหวินเทานับว่าทำให้สีหน้าของทุกคนดูดีขึ้นมาบ้าง
เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า
“อีกอย่าง ตอนนี้มีเขตแดนที่เหมาะสมในการฝึกตนยิ่งกว่าเขตเหมอเหอนั้นปรากฏขึ้นอย่างหาได้ยาก พวกเราจะพลาดไม่ได้โดยเด็ดขาด”