ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1940 เปิดโปง
ตอนที่ 1940 เปิดโปง
………………..
สุ้มเสียงของเขาเย็นเยียบและตายด้านไร้อารมณ์ มีเพียงตอนมองไปอย่างถี่ถ้วนจนเห็นถึงแววเกลียดชังที่แผ่ออกมาจากแววตาของเขาที่ทำให้เข้าใจได้ว่า คำพูดเหล่านั้นของเขากลั่นกรองออกมาจากก้นบึ้งจากใจจริง!
หนานอีฝานตะลึงงันจนตัวแข็งอยู่กับที่
คนตระกูลหนานทั้งหมดเองต่างก็งงงวยเช่นกัน
ลั่วเหยี่ยนยอมรับออกมาแล้วจริงๆ หรือว่าหนานอวี่สิงถูกเขาฆ่าตาย?
เขายังพูดออกมาอีกว่าหนานอีฝานรู้ดีที่สุดว่าเหตุใดเขาถึงลงมือหรือนี่?
สายตาเคลือบแคลงและฉงนสนเท่ห์นับไม่ถ้วนพุ่งเป้าไปที่หนานอีฝาน
กระแสความหวาดหวั่นภายใต้ก้นบึ้งในจิตใจของหนานอีฝานพลันพวยพุ่งขึ้นมาเช่นเดียวกัน!
ลั่วเหยี่ยนพูดเช่นนี้…
หรือว่า… เขาจะรู้เข้าแล้ว?
ความกังวลและความตื่นตระหนกระลอกใหญ่แล่นปราดสู่หัวใจ
เขาอ้าปากหมายจะพูด หากแต่ก็พูดอันใดไม่ออก
ฉู่หลิวเยว่เชยชมปฏิกิริยาหน้าถอดสีอันน่าตื่นตาของหนานอีฝานอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวว่า
“ในเมื่อทุกท่านล้วนรวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว เช่นนั้นก็ป่าวประกาศให้รู้โดยทั่วกันเถอะ ลั่วเหยี่ยน มิสู้เชิญเจ้ามาอธิบายแก่ทุกคนด้วยตัวเองว่า พวกเจ้ามาเยือนท่าเรือดอกท้อครั้งนี้ด้วยเหตุอันใด?”
หัวใจของหนานอีฝานราวกับถูกอันใดบางอย่างบีบรัดอย่างแรง
“ลั่วเหยี่ยน! เจ้าอย่าลืมนะว่าเจ้าเป็นคนตระกูลหนาน! ไม่ว่าพวกมันจะข่มขู่หรือติดสินบนเจ้ายังไง เจ้าก็มิอาจหักหลังตระกูลหนานได้!”
เขาแผดเสียงตะโกนออกไปดังก้อง!
ทว่าลั่วเหยี่ยนราวกับได้ยินเรื่องขบขันก็มิปาน เขาแสยะยิ้มมุมปาก
“หนานอีฝาน บางทีสมองเจ้าคงจะเลอะเลือนไปแล้ว ข้าแซ่ลั่ว ไม่ใช่แซ่หนาน”
จากนั้น เขาก็ได้ยินลั่วเหยี่ยนกล่าวต่อว่า
“จุดประสงค์ที่พวกข้ามาครั้งนี้นั้นเรียบง่ายมาก… ก็คือมาสังหารพวกเจ้า! หลังจากที่รู้ว่าพวกเจ้ามาท่าเรือดอกท้อโดยไม่ได้พาผู้ติดตามใดมาด้วย พวกข้าก็เลยตัดสินใจกันเช่นนี้แล้วที่จะมาที่นี่ เดิมคิดจะกำจัดพวกเจ้าไปให้สิ้นซาก คิดไม่ถึงว่า… พวกข้าจะกลับเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้เสียเอง”
ลั่วเหยี่ยนมีสีหน้าเฉยชา ทุกคำทุกประโยคทั้งชัดเจนแจ่มแจ้งและเย็นยะเยือก!
ส่วนบรรดาผู้คนตระกูลหนานก็ส่งเสียงเอะอะวุ่นวายขึ้นมาในทันใด!
เรื่องที่พวกเขาได้ยินมาไม่ใช่แบบนี้เสียหน่อย!
ระหว่างหนานอีฝานกับลั่วเหยี่ยน ใครกันแน่ที่พูดความจริง!?
“ส่วนเหตุผลที่จะสังหารพวกเจ้า… แน่นอนว่าเป็นอีอี”
คนที่รู้เรื่องหนานอีอีล่วงเกินหรงซิวและฉู่หลิวเยว่ที่อาณาจักรเสิ่นซวี่มีไม่มากนัก
แต่สายข่าวของตระกูลหนานและตระกูลอี้ต่างก็เก่งกาจอย่างมาก
ขอแค่พวกเขาต้องการ คิดจะสืบหาเรื่องพวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอันใด
ยิ่งไปกว่านั้นในวันอภิเษกสมรสของคู่หรงซิว หนานอีอีก็ไปที่พระราชวังเมฆาสวรรค์อย่างเปิดเผยด้วย
แม้จะถูกสกัดกั้นไว้นอกประตู แต่เรื่องนี้ก็นับว่าทำได้ประเจิดประเจ้อ
ไม่อยากรู้ต่างหากที่ทำได้ยาก!
อีกทั้งก่อนหน้านี้จู่ๆ หนานอีอีก็ตายไป ยิ่งทำให้บรรดาฝูงชนต่างพากันคาดเดาไปต่างๆ นานา
“เริ่มแรกสุด ข้าและพวกหนานอวี่สิงคิดเหมือนกันว่าหนานอีอีตายอยู่ในเงื้อมือของพวกเจ้า แต่ภายหลังก็ได้รู้ว่าหาได้เป็นเช่นนั้นไม่”
เมื่อพูดถึงหนานอีอี สีหน้าของลั่วเหยี่ยนก็มีความเปลี่ยนแปลงในที่สุด
ทั้งปวดใจ ทะนุถนอม เศร้าโศก และโกรธแค้น!
เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
“ผู้ที่สังหารหนานอีอีตัวจริงมิใช่ใครอื่น ก็คือหนานอีฝานนั่นล่ะ!”
อารมณ์ของเขาแปรปรวนผิดปกติ ใบหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากกลับขาวซีด ทั้งยังสั่นไหวอย่างรุนแรง
คนตระกูลหนานต่างนิ่งอึ้งอยู่กับที่อย่างไม่ใคร่จะเชื่อนัก
ใครก็มีโอกาสเป็นผู้สังหารหนานอีอีได้ทั้งนั้น แต่หนานอีฝานเป็นคนเดียวที่ไม่มีทางใช่เด็ดขาด!
เขาเป็นพ่อแท้ๆ ของหนานอีอีเลยหนา!
“ลั่วเหยี่ยน เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรือไร? คุณหนูรองคือไข่มุกกลางฝ่ามือของท่านประมุข รักใคร่นางยิ่งกว่าอันใด จะไปทำร้ายนางได้อย่างใดกัน?”
“นั่นซี! ต่อให้เจ้าหักหลังตระกูลหนานไปยืนข้างพวกมัน อย่างน้อยก็ควรจะพูดชื่อคนที่มันเป็นไปได้หน่อยกระมัง?”
“ลั่วเหยี่ยนเอ๋ยลั่วเหยี่ยน… เหตุใดเจ้าถึงเป็นเช่นนี้ไปได้?”
…
บรรดาคนตระกูลหนานต่างทำราวกับคำพูดลั่วเหยี่ยนเป็นเรื่องขำขันเหลือคณา ทยอยเอ่ยคำวิพากษ์วิจารณ์ออกมาไม่ขาดสาย
ลั่วเหยี่ยนกลับแค่นหัวเราะเย็นเยียบคราหนึ่งแล้วจ้องหนานอีฝานตาเขม็ง
“นั่นสิ! ใช่ว่าข้าจะไม่อยากเดาว่าเป็นผู้อื่นหรอก! แต่น่าเสียดาย ท่านประมุขของพวกเจ้าไม่ให้โอกาสนี้แก่ข้าเลย! หนานอีฝาน ข้าว่ามิสู้เจ้าพูดด้วยตัวเองดีกว่าว่าจริงหรือเท็จ? พูดไปสิว่าเพื่อช่วยฟื้นฟูชีพจรดั้งเดิมให้ลูกชายแสนดีของเจ้า เจ้าลงมือฆ่าอีอี แล้วแย่งเอาชีพจรดั้งเดิมของนางไปยังไง!?”
ในน้ำเสียงของลั่วเหยี่ยนเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดและชิงชัง!
อีกทั้งคำพูดเช่นนี้ยังทำให้เสียงโหวกเหวกโวยวายทั้งหมดสลายหายไปในที่สุด!
ในลานกว้างพลันตกสู่ความเงียบงันอีกครั้ง
สีหน้าของคนตระกูลหนานเหล่านั้นล้วนเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ
คนอื่นนั้นไม่รู้ แต่พวกเขากลับแจ้งแก่ใจดี
ระยะเวลาก่อนนี้ ร่างกายของหนานอวี่สิงมีปัญหาขึ้นมาจริงๆ
หนานอีฝานบอกเพียงแค่ว่าเขาได้รับบาดเจ็บ ต้องรักษาตัวอยู่ช่วงหนึ่ง
เพราะเรือนหมอหลังนั้นมีการเฝ้ายามที่เข้มงวด หนานอีฝานอนุญาตให้แค่เซียนหมอและคนสนิทที่ตนไว้ใจที่สุดเข้าไปได้ ส่วนผู้อื่นห้ามเข้าสถานเดียว
ต่อมา หนานอีอีก็สิ้นลมหายใจ
ผ่านไปได้ไม่นานหลังจากนั้น ร่างกายของหนานอวี่สิงก็หายเป็นปลิดทิ้ง ทั้งยังบุกทะลวงได้ด้วย!
ตอนแรกพวกเขาเพียงรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้คิดอันใดมาก
ทว่าคำพูดเช่นนี้ของลั่วเหยี่ยนกลับเผยส่วนที่เก็บงำซ่อนไว้ เปิดเปลือยความจริงไว้ ณ เบื้องหน้าของพวกเขาในชั่วพริบตา!
หลังใคร่ครวญจนเข้าใจถึงความนัยของประโยคนั้น ก็มีเสียงสูดลมหายใจเย็นเฉียบดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
นี่มิใช่กำลังจะบอกว่า…หนานอีอีตายภายในเงื้อมือของหนานอวี่สิงจริงๆ หรอกหรือ!?
“…ท่านประมุขรักใคร่คุณหนูรองมากปานนั้น จะเป็นไปได้ยังไง…”
ใครบางคนเอ่ยพึมพำเสียงเบาด้วยไม่อยากจะเชื่อ
ยังมีบางคนแสดงสีหน้าแฝงความนัยลึกล้ำ
“ไม่ว่าคุณหนูรองจะดีขนาดไหน จะไปมีความสำคัญเท่าคุณชายใหญ่ได้ยังไง? เขาน่ะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขที่เหมาะสมที่สุดในวงศ์สายเลือดนี้แล้ว…”
สุ้มเสียงวิพากษ์วิจารณ์หลากหลายรูปแบบพลันดังกระหึ่มขึ้นมา
สายตาที่บรรดาฝูงชนใช้มองหนานอีฝานเองก็เต็มไปด้วยความเคลือบแคลง!
หนานอีฝานไม่ได้หันศีรษะกลับไป แต่กลับรู้สึกได้ว่าแผ่นหลังเหมือนถูกหนามทิ่มแทง!
แขนขาของเขาพลันรู้สึกเหน็บชา ไม่รับรู้ถึงความรู้สึกใดอีกต่อไป
มีเพียงไอเย็นเยียบที่เสียดแทงลึกถึงกระดูกแล่นปราดออกมาจากส่วนลึกสุดของร่างกายเข้ากลืนกินตัวเขา!
“เจ้า… เจ้า…”
เขาอยากจะเอ่ยปากปฏิเสธคำพูดของลั่วเหยี่ยน
ทว่าทันทีที่หลุดพูดออกไป เขาถึงเพิ่งพบว่าเสียงของเขากำลังสั่น
ลั่วเหยี่ยนเกลียดชังเขา!
เขาทำเช่นนี้ก็เพียงฉุดรั้งเขาลงนรก! ไม่ให้เขาได้กลับตัวได้อีกตลอดกาล!
ใช่แล้ว
เขารักและทะนุถนอมหนานอีอีมาแต่ไหนแต่ไร พอรู้เรื่องพวกนี้เข้า ย่อมไม่มีทางปล่อยผ่านมันไปได้ง่ายๆ อยู่แล้ว!
ชั่วพริบตานั้นเอง ในหัวของหนานอีฝานมีความคิดนับไม่ถ้วนเคลื่อนผ่านจนดูเหมือนกับความว่างเปล่า
เสียงตบมือดังกังวานพลันแว่วขึ้นมา
ทุกคนเบนสายตากลับไปมอง พบว่าคนที่ตบมือก็คือฉู่หลิวเยว่นั่นเอง
นางกำลังยิ้ม หากแต่รอยยิ้มนั้นไปไม่ถึงแววตา
“ประมุขหนาน ดูไม่ออกเลยจริงๆ ว่าท่านจะมีนิสัยและความสามารถในการทำเรื่องพวกนี้ด้วย เห็นได้ชัดว่าท่านเป็นคนทำร้ายลูกๆ ในไส้ของตัวเองแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับมีหน้ามากล่าวหาผู้อื่นผิดๆ แล้วยังพาคนตระกูลหนานจำนวนมากปานนี้ติดสอยห้อยตามท่านมาด้วย… น่านับถือ ช่างน่านับถือจริงๆ! เพียงแต่หากหนานอีอีและหนานอวี่สิงในปรโลกรู้เข้าคงต้องโกรธแค้นมากเป็นแน่กระมัง ว่าเหตุใดพวกเขาถึงได้มีบิดาเช่นท่าน?”
พรวด!
ในอกของหนานอีฝานสั่นสะท้าน พลันกระอักเลือดออกมากองหนึ่ง!