ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1942 ทุกท่าน เชิญเข้ามา / ตอนที่ 1943 ลงมือฉับไว
ตอนที่ 1942 ทุกท่าน เชิญเข้ามา / ตอนที่ 1943 ลงมือฉับไว
………………..
ตอนที่ 1942 ทุกท่าน เชิญเข้ามา
สุ้มเสียงดังกังวานแผ่ขยายก้องไกลไปทั่วพื้นที่ ลอยเข้าหูทุกคนอย่างชัดเจนหาสิ่งใดเปรียบ!
คนจำนวนมากต่างตกตะลึง
นี่ฉู่หลิวเยว่กำลังร่อนสารท้าทายอย่างโจ่งแจ้งอยู่หนา!?
อีกอย่าง คนที่นางเลือกสู้ด้วยก็คือตระกูลชั้นสูงจากทั่วอาณาจักรเสิ่นซวี่!
นางรู้จริงๆ ใช่หรือไม่ว่าตัวเองกำลังพูดอันใดออกมา!?
อย่างใดเสียท่าเรือดอกท้อก็เพิ่งจะถูกนางครอบครองไว้ได้ ต่อให้จะดีพร้อมในทุกด้าน แต่ภายในระยะเวลาสั้นเพียงนี้ก็ไม่มีทางเตรียมพร้อมทุกอย่างได้ทันการณ์
คนของท่าเรือดอกท้อมีไม่น้อย แต่คนหลากหลายผสมปนเป ต่างฝ่ายต่างก็มีกองกำลังของตัวเอง
ต่อให้ฉู่หลิวเยว่กลายเป็นนายหญิงของท่าเรือดอกท้อ ในช่วงเวลาไม่กี่วันนี้จะไปสร้างกำลังรบอันแข็งแกร่งของตัวเองขึ้นมาได้อย่างใด?
เทียบกับตระกูลชั้นสูงอื่นๆ ที่สืบทอดต่อกันมาหลายพันปี พลังอำนาจของฝ่ายนางก็คงพังครืนตั้งแต่การโจมตีแรกแล้ว!
เมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดนางยังกล้ากู่ร้องป้องปากตะโกนเช่นนั้นอีก?
…
ในไม่ช้าพวกเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดฉู่หลิวเยว่ถึงได้มีความกล้าขนาดนี้
เพราะพริบตาต่อมา นางก็ยกมือขึ้น
มือของแม่นางแรกรุ่นบางเรียวและขาวผ่อง ดูเปราะบางไร้กระดูก
ดูแล้วไม่ได้เป็นภัยคุกคามแม้แต่น้อย
จากนั้น นางก็ไกวมือของตนอย่างแผ่วเบา
ชั่วพริบตานั้นเอง
พรึ่บ…
เสียงกระแสน้ำพวยพุ่งแว่วดังขึ้นมา!
ได้ยินเสียงนี้ก็เดาได้ไม่ยากว่าด้านในกักเก็บไว้ซึ่งพลังอันสมบูรณ์พร้อมจนเรียกได้ว่าน่าหวาดผวาขนาดไหน!
หนานอีฝานพลันหน้าเปลี่ยนสี รู้สึกได้ทันทีว่าไม่ดีแน่!
ประสาทสัมผัสที่หกจากประสบการณ์สู้รบมายาวนานหลายปีบอกเขาว่าต้องรีบถอยห่างเดี๋ยวนี้!
ทว่าเขาเกิดลังเลขึ้นมาชั่วขณะ
เพิ่งจะลงมือต่อหน้าคนจำนวนมากปานนี้ไปหยกๆ ก็รีบเป็นฝ่ายถอยหนีไปก่อนมิออกจะน่าขายหน้าไปหน่อยหรือ?
แต่ในชั่วพริบตาที่ลังเลนี่เอง!
ตูม!
กระแสพลังอันน่าหวาดกลัวเข้าถาโถม! เริ่มการเกี่ยวรัดรอบใหม่ที่บ้าคลั่งยิ่งกว่าเก่า!
หนานอีฝานยังไม่ทันตอบสนอง ก็รู้สึกได้ถึงความตึงเครียดในมือ
เขารีบตวัดสายตาไปมอง ก่อนจะพบว่ากระแสพลังโปร่งใสสายหนึ่งที่ทอแสงเรืองรองจางๆ เข้าเกี่ยวพันหอกมังกรเงินกระชากวิญญาณของเขาเอาไว้แน่นหนา!
ในใจหนานอีฝานรู้สึกได้ว่าไม่ดีแน่ จึงรีบดึงมันกลับมาทันที
ทว่าในตอนนั้นเองเขากลับพบว่ามิอาจจะดึงหอกกลับคืนมาได้!
หนานอีฝานร้อนใจขึ้นมาทันควัน
ค่ายกลนี้มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!
ทว่าในตอนที่ใจเขาเปี่ยมไปด้วยความฉงนนั่นเอง…
แกร๊ก!
สุ้มเสียงแตกร้าวของอันใดบางอย่างดังแว่วให้ได้ยินอย่างแผ่วเบา
ใจของเขาเต้นระรัว
ทันใดนั้นเอง เขาก็เห็นว่าบนตัวหอกมีชิ้นส่วนเกล็ดแหลมอันคมกริบแตกร้าว!
ภายในก้นบึ้งจิตใจของหนานอีฝานพลันมีกระแสคลื่นแห่งความตื่นตะลึงสาดซัดขึ้นมา!
…กระแสพลังของค่ายกลนี้เหนือกว่าที่เขาคาดไว้มาก!
ในที่สุดเขาก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เมื่อเห็นว่ากระแสพลังโปร่งแสงยังคงแผ่ขยายไปตามด้ามหอกอย่างต่อเนื่องและพุ่งตรงมาที่เบื้องหน้าเขา หนานอีฝานจึงปล่อยมือทันที แล้วสะกิดฝ่าเท้าถอยหลังด้วยความรวดเร็ว!
แกร๊ก!
แทบจะทันทีที่เขาถอยหนี เสียงแตกร้าวก็เริ่มทยอยดังขึ้นมา!
สายตานับไม่ถ้วนต่างจับจ้องภาพฉากอันน่าตื่นตกใจนี้จากทั้งด้านในและด้านนอกค่ายกล
สิ่งที่ถูกนับว่าเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอดอย่างหอกมังกรเงินกระชากวิญญาณก็ถูกค่ายกลของท่าเรือดอกท้อค่อยๆ บดขยี้ทีละน้อย!
ด้วยการกระเพื่อมไหวของกระแสคลื่นบนค่ายกล หอกมังกรเงินกระชากวิญญาณก็แตกหักเป็นท่อนๆ ก่อนถูกทำลายจนสลายกลายเป็นเถ้า!
หากหนานอีฝานถอยช้ากว่านี้อีกนิด เกรงว่าเขาเองก็ต้องตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน!
“… เหตุใดค่ายกลของท่าเรือดอกท้อ… ถึงได้ทรงพลังเช่นนี้!?”
ในบรรดาฝูงชน มีใครคนหนึ่งเอ่ยพึมพำขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตื่นตะลึง
พวกเขากลับมิรู้ว่าหลังท่าเรือดอกท้อถูกทำลายแล้วบูรณะขึ้นมาใหม่ ค่ายกลในตอนนี้ปกคลุมด้วยพลังจากทัณฑ์ทลายเทพ ย่อมไม่มีค่ายกลธรรมดาใดเทียบเคียงได้!
ชึ่บ!
ฉู่หลิวเยว่ชูกระบี่ในมือขึ้นมา ก่อนชี้ไปทางเบื้องหน้า!
“ทุกท่าน เชิญเข้ามาเลย!”
ตอนที่ 1943 ลงมือฉับไว
คมกระบี่แหลมปลาบยามอยู่ใต้แสงอาทิตย์สาดส่องนั้นทอประกายเย็นเยียบหนักหน่วง!
จิตสังหารอันเข้มข้นแผ่ปะทุออกมาจากร่างของฉู่หลิวเยว่!
ท่าทีเช่นนี้เป็นสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงมีได้จริงๆ อย่างนั้นหรือ?
หนานอีฝานถอยหลังไปครึ่งก้าว พยายามทรงตัวให้อยู่ได้อย่างยากลำบาก
แม้เขาจะหลบหลีกไปได้ทันเวลา ทั้งมิได้รับบาดเจ็บ แต่จากการประจันหน้าเมื่อครู่ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเขาเป็นฝ่ายแพ้!
อีกทั้งยังมาแพ้ต่อหน้าคนจำนวนมากปานนี้ด้วย!
ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์กลับถูกผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงคนเดียวสกัดกั้นไว้อย่างง่ายดายเช่นนี้ กระทั่งอาวุธศักดิ์สิทธิ์ยังถูกแย่งไปด้วย!
นี่ช่างน่าอับอายขายขี้หน้าโดยแท้!
หนานอีฝานยืนอยู่ตรงนั้น รู้สึกได้ถึงแค่ความอับอายที่แล่นปราดขึ้นมา
เขาไม่เคยลิ้มรสความพ่ายแพ้จากคนที่มีระดับขั้นพลังปราณต่ำกว่าเขาเช่นนี้มาก่อน!
เขาทั้งโมโหและตกตะลึง อยากจะพุ่งเข้าไปบั่นคอฉู่หลิวเยว่อีกรอบใจจะขาดอยู่รอมร่อ!
แต่อย่างใดเสีย หนานอีฝานก็เป็นถึงประมุขตระกูลหนาน
ดำรงตำแหน่งสูงมาหลายปี หากไร้สมองไม่มีหัวคิดจริงๆ ก็คงถูกโค่นลงตั้งนานแล้ว
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามปรามตัวเองให้ใจเย็นลง
ก่อนหน้านี้เขาถูกการตายของหนานอีอีและหนานอวี่สิงเข้าจู่โจมต่อเนื่อง อารมณ์จึงแปรปรวนอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังขาดความเข้าใจในพลังของฉู่หลิวเยว่ จึงผลักดันเป็นแรงกระตุ้นให้เขาทำเรื่องโง่เง่าไปมากมายเพียงนี้
อีกทั้งตอนนี้ การที่ฉู่หลิวเยว่ทำลายหอกมังกรเงินกระชากวิญญาณจนแตกสลายเป็นชิ้นๆ แทบจะปัดป้องการโจมตีครั้งนั้นของเขาได้อย่างง่ายดายทำให้เขาตาสว่างในที่สุด!
หากเป็นแบบนี้ต่อไปย่อมไม่ดีแน่
พลังต่อสู้ของฉู่หลิวเยว่เกินกว่าที่เขาคาดไว้ก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด!
พูดอีกแบบก็คือ หากคิดจะชิงเอาท่าเรือดอกท้อมาต่อก็ต้องจ่ายราคาที่มากกว่านี้…
หนานอีฝานครุ่นคิดไปมา จากนั้นก็ค่อยๆ พรูลมหายใจออกมา
ไม่เป็นไรหรอกหน่า
ฉู่หลิวเยว่สามารถสกัดกั้นเขาคนเดียวไว้ได้ แล้วยังจะสกัดกั้นคนทั้งหมดนี้ไว้ข้างนอกได้อีกอย่างนั้นหรือ?
“ในเมื่อเจ้าพูดมาแบบนี้… เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าไม่เกรงใจแล้วกัน!”
หนานอีฝานเอ่ยจบ มือทั้งสองก็ประสานกันไว้ข้างหน้า
พลังปราณดั้งเดิมอันแข็งกร้าวพวยพุ่งออกมาจากภายในร่างของเขาไม่หยุดหย่อน!
ประกายแสงสีม่วงระยิบระยับสายหนึ่งเข้าปกคลุมทั่วทั้งร่างของเขาอย่างรวดเร็ว!
“เกราะเมฆาม่วง!”
ในไม่ช้า ทั่วทั้งร่างของเขาก็ถูกปกคลุมด้วยเกราะเกล็ดสีม่วง!
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงน้อยๆ
ลมปราณสายนี้… ชวนให้รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก…
จากนั้น สองเท้าของหนานอีฝานขยับแยกน้อยๆ มือขวากำเข้าหากันแน่นเป็นหมัด ก่อนจะต่อยออกไปอย่างรุนแรง!
“หมัดเมฆาม่วง… สลายไปซะ!”
คราก่อนเขาใช้พลังไปเจ็ดส่วน
หากแต่ครานี้ เขาใช้พลังเต็มที่โดยไม่ลังเล!
หมัดที่ถูกปกคลุมด้วยเกราะเมฆาม่วงพุ่งแหวกอากาศออกไป!
ความว่างเปล่าสั่นสะท้านก่อนจะทยอยพังทลายลง รอยแตกสีดำอันเป็นช่องว่างแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว!
ทว่าสำหรับคนภายในท่าเรือดอกท้อ ภาพฉากนี้กลับเป็นเรื่องปกติธรรมดา หาได้มีอันใดให้สนใจไม่
…ภาพฉากฟ้าถล่มดินทลายนั้นพวกเขาล้วนประสบด้วยตัวเองมาแล้ว นับประสาอันใดกับสิ่งนี้กัน?
เหมือนกับหมอผีตัวกระจ้อยพบกับหมอผีชื่อดังก็มิปาน
กระบี่ในมือฉู่หลิวเยว่ตวัดฟันออกไปอย่างว่องไว!
ประกายกระบี่สีเงินเฉียบพุ่งทะยานออกไปอย่างว่องไว!
ฉู่หลิวเยว่คิดอันใดอยู่กันแน่หนอ?
นี่คิดจะทำลายค่ายกลของตัวเองเสียแล้วหรือ?
ทว่าพริบตาต่อมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่อหน้ากลับทำให้พวกเขาต่างตื่นตะลึงจนนิ่งอยู่กับที่
…หลังจากประกายกระบี่สายนั้นแตะเข้ากับค่ายกลก็หาได้บังเกิดเป็นรอยแยกไม่ กลับกันมันจมสลายไปอย่างรวดเร็วดุจผิวน้ำก็มิปาน!
จากนั้น ด้านบนค่ายกลบริเวณนั้นก็บังเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นมาเป็นรอยคลื่น
ฟุ่บ!
ภายใต้การจับจ้องจากทุกคน ประกายกระบี่สายนั้นก็พุ่งออกมาจากค่ายกล แล้วตรงไปทางหนานอีฝาน!
การปรากฏตัวของมันกะทันหันเกินไป!
ในบรรดาคนทั้งหลายต่างไม่มีใครคาดคิดทั้งนั้นว่าการโจมตีนี้ของฉู่หลิวเยว่จะใช้วิธีการปล่อยพลังเช่นนี้!
อีกอย่าง ลมปราณบนประกายกระบี่สายนั้นไม่เพียงไม่ลดลงไป แต่ยังแข็งแกร่งขึ้นมาอยู่หลายส่วนด้วย!
หนานอีฝานเองก็ตกใจเช่นกัน
เขาเองก็รับรู้ได้ถึงลมปราณอันน่าตกตะลึงที่บรรจุไว้ในนั้นเช่นกัน
ทว่าในตอนนี้ย่อมไม่มีเหตุผลให้ถอยหนีแล้ว!
เขาขบฟันกรอด เร่งพลังภายในร่างของตนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง แล้วถ่ายทอดพลังทุกส่วนลงไปในหมัด!
แกร๊ก!
เสียงเข้าปะทะดังก้องขึ้นอย่างชัดเจน!
ประกายกระบี่สายนั้นเข้าผ่าซีกหมัดของหนานอีฝานอย่างแม่นยำไร้สิ่งใดเปรียบ!
เพราะยังมีพลังจากเกราะเมฆาม่วงคอยคุ้มครอง หนานอีฝานจึงไม่ถูกประกายกระบี่สายนั้นเข้าทำร้ายแต่อย่างใด
ทว่าสถานการณ์ของเขากลับไม่ได้ดีไปกว่ากันเสียเท่าไร
พลังโจมตีของประกายกระบี่สายนั้นแข็งแกร่งเกินไป ทำให้หมัดของเขาทั้งกำปั้นสั่นสะท้านจนรู้สึกเหน็บชา!
ชั่วขณะต่อมา หนานอีฝานก็พลิกข้อมือ
ฉึบ…
เสียงกระทบสีอันชวนเสียดหูดังขึ้นมา เปลวเพลิงพลันกระจายไปทั่วสี่ทิศ!
หนานอีฝานก้าวเท้าไปด้านข้างก้าวหนึ่ง หลบเลี่ยงพลังสายนี้อย่างว่องไว ก่อนจะพุ่งไปข้างหน้าต่อ!
ความเร็วของเขาไวว่องอย่างมาก!
แทบในชั่วพริบตา ก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าค่ายกลได้อีกรอบหนึ่ง!
เขาเปลี่ยนจากหมัดเป็นกรงเล็บ
เกราะเกล็ดสีม่วงอันคมปลาบคลุมปลายนิ้วของเขาเอาไว้ แหลมคมหาสิ่งใดเปรียบ!
เขายื่นมือออกไป คิดจะใช้กำลังฉีกกระชากค่ายกลนี้ให้ขาดออกเสีย!
ทว่าในตอนนั้นเอง เขาพลันได้ยินเสียงเสียดแทงดังเข้ามาในหู!
เขาหันศีรษะกลับไปมอง พบว่าประกายกระบี่ที่เขาเพิ่งหลบเลี่ยงไปได้เมื่อครู่ มาบัดนี้กลับหันเปลี่ยนทิศทางเข้ามาโจมตีอย่างรวดเร็ว!
หนานอีฝานในใจตื่นตะลึงเป็นอันมาก
ทำเช่นนี้ก็ได้ด้วยหรือ!
เขาหาได้รู้เลยว่าภายในกระบี่ชื่อเซียวมีวิญญาณศาสตราที่ฉู่หลิวเยว่หลอมขึ้นมาด้วยตัวเองอยู่ จึงสามารถบังคับเคลื่อนไหวได้ตามใจนึก
โจมตีครานั้นไม่สำเร็จ ก็วกมาโจมตีอีกคราหนึ่งได้!
หนานอีฝานแทบไม่มีเวลาไปคิดเรื่องฉีกกระชากค่ายกล ต้องรีบร้อนหลบหลีกการโจมตีนั้นอย่างรวดเร็ว!
แม้ความเร็วของเขาจะคล่องตัวอย่างมาก หากแต่ประกายกระบี่ครานี้เข้ามาโจมตีกะทันหันเกินไป
เขาจึงมิอาจหลบหลีกได้โดยสมบูรณ์
ประกายกระบี่เคลื่อนผ่านไวว่อง ชั่วพริบตาก็ทิ้งรอยแผลเอาไว้บนไหล่ซ้ายของเขา!
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแล่นปราดขึ้นมาในทันที!
หนานอีฝานก้มมองบาดแผลบนไหล่ของตนเองโดยไม่รู้ตัว!
เลือดสดๆ รินทะลักออกมา ไม่ช้าเสื้อผ้าของเขาก็เปรอะเปื้อนด้วยสีแดงเป็นวงกว้าง
หนานอีฝานรีบกดแผลไว้แน่น ท้ายที่สุดก็แผดเสียงตะโกนออกไปอย่างเหลืออด
“พวกเจ้ามัวแต่ยืนอึ้งอันใดกันอยู่!?”
คนตระกูลหนานถึงเพิ่งตื่นจากภวังค์กันได้ ทยอยลงมือกันฉับพลัน!
“ฉึบ ฉึบ ฉึบ”!
เสียงแหวกผ่าอากาศพลันดังขึ้นมา!
ผู้แข็งแกร่งหลายสิบคนของตระกูลหนานทยอยลอยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ หยุดประจันหน้ากับฉู่หลิวเยว่หน้าประตูใหญ่พอดิบพอดี!
ในตอนที่พวกเขาคิดจะตั้งรับและโจมตีสวนไปนั้นเอง ประกายกระบี่สายนั้นก็บินวกกลับมา แล้วสลายตัวเข้าไปในค่ายกลอย่างเงียบเชียบ
คนตระกูลหนานต่างพากันเสียหลัก
สีหน้าของหนานอีฝานพลันไม่น่าดูยิ่งกว่าเก่า!
นี่ฉู่หลิวเยว่กำลังหยอกล้อพวกเขาเล่นกันอยู่ชัดๆ!
…
คนตระกูลอี้คอยยืนดูอยู่ด้านข้าง
อี้เหวินเทาเอามือหนึ่งไพล่หลังด้วยสีหน้าเรียบนิ่งราวกับไม่คิดจะลงมือแต่อย่างใด
คนตระกูลอี้จำนวนไม่น้อยต่างพากันสบสายตาอย่างตกตะลึง
พวกเขาใช่ว่าจะไร้หัวคิด
การที่ท่านประมุขมาครั้งนี้เพราะท่าเรือดอกท้อจริง เพียงแต่มันก็เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลหนานด้วย
เมื่อคิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่หนานอีฝานมาเยือนตระกูลอี้กะทันหัน ตอนนั้นคนทั้งสองพูดคุยสิ่งใดกัน บัดนี้มาดูแล้วไม่ต้องบอกก็รู้
เพียงแต่ฝั่งของตระกูลหนานต่างก็ลงมือแล้ว หรือว่าพวกเขาต้องรอดูไปอย่างนี้อย่างนั้นหรือ?
จวินจิ่วชิงพลันรุดหน้าขึ้นมาครึ่งก้าว เอ่ยว่า
“ท่านประมุข ข้าคิดว่าครั้งนี้พวกเรารีบลงมือให้ฉับไวจะเป็นการดีที่สุด”