ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1950 ตู้ม
ตอนที่ 1950 ตู้ม
………………..
ดิ้นรนอยู่ครึ่งค่อนวัน ความช่วยเหลือก็ไม่ได้ แต่ดันได้ศัตรูเพิ่มมาเสียอย่างนั้น!
แถมยังเป็นประเภทที่แข็งแกร่งเกินต้านอีกด้วย!
หนานอีฝานรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดนี้ เมื่อคนที่ชนด้วยเป็นฉู่หลิวเยว่ ทุกอย่างล้วนกลับตาลปัตรราวถูกผีหลอก!
เขาซ่อนไพ่ไม้ตายนี้มาหลายปีแล้ว แต่พอเขาเปิดมันขึ้นมา ท้ายที่สุดมันกลับถูกฉู่หลิวเยว่แทรกแซงจนยุ่งเหยิงด้วยคำพูดไม่กี่คำ!
ต่อให้คิดเช่นไร เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าฉู่หลิวเยว่สามารถผูกมิตรกับอสูรศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลสองเผ่านี้ในเวลาเดียวกันได้อย่างใด!
และไม่ใช่เพียงมิตรภาพธรรมดา หากแต่เป็นความสัมพันธ์ที่สามารถยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือได้ทุกที่ทุกเวลา!
ในใจของหนานอีฝานเจ็บปวดรวดร้าว
ถ้ารู้อย่างนี้ เขาไม่เชิญโหมวฝูซานออกมาหรอก!
แต่ตอนนี้มันสายเกินกว่าจะแก้ตัวแล้ว!
…
การปรากฏตัวและคำพูดของโหมวฝูซาน ทำให้สถานการณ์ในท้องที่แห่งนี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งหมดกล้าลงมือล่ะก็ ยามนี้หลายคนกลับเริ่มลังเลขึ้นมาเสียแล้ว
ไท่ซวีเฟิ่งหลงเป็นถึงอสูรศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ!
เดิมทีแค่สัญญาของฉู่หลิวเยว่กับนายน้อยเผ่าหงส์ทองคำนั้นก็ยุ่งยากมากพอแล้ว
ตอนนี้ดันมีไท่ซวีเฟิ่งหลงเข้ามาอีก…
สำหรับพวกของหนานอีฝาน นี่ถือเป็นการเหยียบย่ำซ้ำเติมกันอย่างไม่ต้องสงสัย!
ก็จริงที่ตระกูลอี้และตระกูลหนานมีฐานะสูงส่ง และแข็งแกร่งกว่าตระกูลชั้นหนึ่งอื่นๆ
แต่เมื่อเทียบกับอสูรศักดิ์สิทธิ์สองเผ่านี้ พวกเขายังด้อยกำลังกว่ามาก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยามที่สองเผ่านี้ร่วมมือกัน พวกเขายิ่งจะทรงพลังมากยิ่งขึ้น!
“ท่านประมุข ท่านว่า… พวกเราควรจะสู้ต่ออีกรึ?”
คนตระกูลอี้กระซิบเสียงแผ่ว
ดูๆ แล้ว… มีแต่วุ่นวายกว่าเดิมเสียกระมัง
โชคดีที่พวกเขายังไม่ได้ลงมือ หากรีบออกไปตอนนี้ ก็อาจจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ครั้งนี้ได้
อี้เหวินเทาหันกลับมามองผู้พูด คิ้วเข้มกระตุกยิกๆ แล้วพูดเสียงเรียบว่า
“เจ้าอยากหนีหรือ?”
เจ้าของประโยคเมื่อครู่ตัวสั่นงันงกทันที
“มะ มิใช่…”
แม้นสีหน้าของประมุขตระกูลจะไร้การเปลี่ยนแปลง แต่กลับมีไอเย็นแผ่ซานออกมาจนทำให้ผู้คนรอบด้านเย็นวาบไปทั้งกาย
เดิมทีผู้คนที่มุงอยู่คิดจะพูดเสนอแนะสักสองสามคำ แต่พอได้ยินอี้เหวินเทาถามเช่นนี้ ก็จำต้องหยุดความคิดนั้นทันที
“กว่าจะมาถึงที่นี่ จำต้องสูญเสียอันใดไปมากมาย หากกลับไปมือเปล่า แล้วตระกูลอี้ของข้าจักมีหน้ายืนหยัดอยู่ในอาณาจักรเสิ่นซวี่ได้อย่างใด?”
น้ำเสียงของอี้เหวินเทายังคงราบเรียบ แต่ทำให้ทุกคนฉุกคิดขึ้นได้
ใช่แล้ว!
มาถึงขนาดนี้แล้ว จะบอกให้กลับก็กลับง่ายๆ รึ?
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ในวันนี้จะแพร่กระจายไปทั่วอาณาจักรเสิ่นซวี่อย่างรวดเร็ว ราวกับมีปีก!
เมื่อถึงตอนนั้น คนเหล่านั้นจะมองตระกูลอี้เช่นไร?
อีกอย่าง การที่พวกเขามาที่นี่ในครานี้ ก็เพื่อยึดท่าเรือดอกท้อมาเป็นของตัวเอง
หากพลาดพลั้งไป หลังจากนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้พบกับสถานที่ที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้อีกเมื่อไร
ไม่ว่าจะอย่างใด พวกเขาทำได้เพียงเลือกเดินต่อไปเท่านั้น!
…
หนานอีฝานดึงสติสัมปชัญญะกลับมาได้ในพลัน แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัว ก็มีลำแสงสีเขียวแวบผ่านเข้ามาในดวงตาของเขา!
รู้ดีว่าไม่ได้การแล้ว หากแต่ไม่มีเวลาหลบหนี!
ความรู้สึกเย็นเฉียบแผ่ซานไปทั่วช่องท้องส่วนล่าง!
ร่างกายของเขาแข็งทื่อ ก่อนจะค่อยๆ หลุบตาลงมอง
รูโบ๋ขนาดใหญ่ปรากฏบนกายของเขา โลหิตสีชาดพลันไหลทะลักออกมา
อาภรณ์บนกายโชกไปด้วยเลือด โลหิตจำนวนมากพุ่งทะลักออกมา จนอาบไปทั้งกายาอย่างรวดเร็ว ทั่วทั้งกายเต็มไปด้วยเลือด โลหิตหยดแล้วหยดเล่าหลั่งไหล พุ่งกระจาย น่าสยดสยองเกินจะมอง
ความเจ็บแปลบพุ่งพรวดขึ้นมาทันควัน!
ขณะเดียวกัน พลังปราณดั้งเดิมมากมายก็พุ่งออกมาจากร่างกายของเขา ราวควบคุมไม่ได้!
สมองของหนานอีฝานขาวโพลนไปชั่วขณะ
หยวนตันของเขา…
หยวนตันของเขาแตกแล้ว!
เขากุมบาดแผลไว้แล้วหันกลับไปมอง!
ไม่รู้ตัวเลยว่าเฉินอีมาอยู่ด้านหลังเขาตั้งแต่เมื่อใด
ด้านหน้าเขา มีแหวนหยกโปร่งใสลอยอยู่เงียบๆ
มันคือแหวนวงนั้น วงเดียวกับที่เขาเคยใช้ป้องกันมีดสั้นของหนานอีฝาน
แต่ตอนนี้ บนแหวนหยกวงนั้นมีคราบเลือดปะปนอยู่สองสามจุด ก่อนที่มันจะค่อยๆ ไหลหยดไปตามส่วนโค้งของแหวน
เห็นได้ว่าบาดแผลบนกายของหนานอีฝานนั้น เกิดจากเจ้าสิ่งนี้!
ดวงตาของหนานอีฝานเบิกกว้าง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อและความขุ่นเคืองใจสุดขีด
เป็นเช่นนี้ได้อย่างใด?
ตอนที่เฉินอีลงมือ เหตุใดเขาถึงไม่สังเกตเห็นเลยล่ะ?
แม้จะไม่ได้พูดอันใด แต่หนานอีฝานสัมผัสได้ว่าเฉินอีกำลังดูถูกตนอยู่
ในใจของหนานอีฝานเต็มไปด้วยโทสะ แต่ขณะเดียวกันก็มีมวลความกลัวก้อนใหญ่ผุดขึ้นในใจ
ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทักษะของเฉินอีนั้น เหนือกว่าเขาเสียอีก!
ก่อนหน้านี้พวกเขาปะทะกันสองสามกระบวนท่าเท่านั้น!
แต่เฉินอีกลับทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เสียได้!
ถึงส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะว่าหนานอีฝานไม่ระวังตัว แต่หากเฉินอีไม่แข็งแกร่งพอ เขาก็ไม่มีวันทำสำเร็จ!
และสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ คนที่ทรงพลังเช่นนี้ คือผู้ใต้บังคับบัญชาของฉู่หลิวเยว่!
เหตุใดเขาจึงเต็มใจติดตามและเคารพในตัวนางกันนะ?
หนานอีฝานไม่เข้าใจเลย
แต่เขาไม่ยอมหรอก!
สุดท้ายแล้วร่างกายของเขาก็ไม่อาจยืนหยัดได้อีกต่อไป พลันล้มลงกับพื้น
โครม!
สองเข่ากระแทกพื้นดังลั่น
การล้มในครานี้ สะเทือนใจคนตระกูลหนานยิ่งนัก
เกิดความเงียบขึ้นรอบด้าน
ก่อนจะมีภาพใบหน้าหนึ่ง ปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของหนานอีฝาน
อี้เหวินเทา
ดวงตาของเขาทั้งสองจ้องมองกันครู่หนึ่ง
อี้เหวินเทาหรี่ตาลงเล็กน้อย
ทันใดนั้นหนานอีฝานก็สัมผัสได้ถึงบางอย่าง สายตาพลันเปลี่ยนเป็นดุดันอย่างร้ายกาจ
เปรี้ยง!
ลูกเพลิงก้อนหนึ่งระเบิดออกมาจากร่างของเขา!