ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1959 คงจะบ้าไปแล้ว
ตอนที่ 1959 คงจะบ้าไปแล้ว
………………..
ซั่งกวนเยว่แห่งท่าเรือดอกท้อ…ขอรับคำท้า!
เสียงกระจ่างใสดังขึ้นพร้อมแผ่กระจายออกไปกระทบเข้าโสตประสาทของทุกคน!
ความเงียบปกคลุมอยู่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เสียงสูดลมหายใจเย็นๆ ก็ดังขึ้นที่ข้างหู!
ฉู่หลิวเยว่บ้าไปแล้วใช่หรือไม่?
คาดไม่ถึงว่านางจะต่อสู้กับอี้เหวินเทาด้วยตนเอง?
นี่นางอยากตายหรือ?
แม้ว่าระดับของนางจะสูงกว่าระดับเทพขั้นสูงทั่วไป แต่ท้ายที่สุดแล้วนางก็ยังเป็นเพียงแค่ระดับเทพขั้นสูงคนหนึ่ง!
อี้เหวินเทา… เป็นสุดยอดในบรรดาผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์!
หากทั้งสองคนต้องสู้กัน นางแทบจะไม่มีโอกาสชนะได้เลย!
อี้เหวินเทาชะงักไปเล็กน้อย การตอบสนองของเขาก็ช้าไปหนึ่งจังหวะ
“เจ้า…มั่นใจหรือ?”
เขากวาดสายตามองไปรอบข้างของฉู่หลิวเยว่อย่างสงสัย
อาศัยเพียงแค่…นาง?
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“ข้าไม่รู้สึกเสียใจในสิ่งที่พูดออกไป เหตุใดหรือ ประมุขอี้คิดว่าไม่ดีหรืออย่างใด?”
เหตุใดจะไม่ดีล่ะ?
แบบนี้มันดีมากเลยต่างหาก!
อี้เหวินเทาไม่ได้คิดถึงความเป็นไปได้นี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้หวังเอาไว้
เขาสามารถมองออกว่า ฉู่หลิวเยว่ให้ความสำคัญกับท่าเรือดอกท้อแห่งนี้เป็นอย่างมาก
เฉินอีคนนั้นก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมมากไม่ใช่หรือ?
แต่สุดท้ายนางกลับเลือกตัวเอง?
อี้เหวินเทารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก แต่ก็อดสงสัยเล็กน้อยไม่ได้
ที่ฉู่หลิวเยว่มีความมั่นใจขนาดนี้ หรือว่านางยังจะมีไพ่ไม้ตายอันใดอื่นอีก?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาจึงเบนสายตาไปมองหรงซิวอย่างอดไม่ได้
สีหน้าของหรงซิวราบเรียบ ดูไม่ออกว่าเขากำลังคิดอันใดอยู่ เหมือนว่าริมฝีปากจะประดับด้วยรอยยิ้มจางๆ
คล้ายว่าเขาจะเห็นด้วยและชื่นชมกับการตัดสินใจของฉู่หลิวเยว่
แต่ความหมายที่มากกว่านี้ เขากลับมองไม่ออก
อี้เหวินเทาที่กำลังสับสน ในที่สุดเขาก็ต้องระงับความคิดนี้ลง
ต่อให้ฉู่หลิวเยว่มีเล่ห์เหลี่ยมอันใดจริงๆ เมื่อมาอยู่ต่อหน้าพลังที่แท้จริงมันก็จะไม่มีประโยชน์อันใดทั้งนั้น
เพียงแค่นางตัดสินใจลงต่อสู้ นางก็พ่ายแพ้แล้ว เรื่องมันก็มีอยู่เท่านี้!
ดังนั้นเขาจึงไม่ควรปล่อยโอกาสให้หลุดลอย
อี้เหวินเทาหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง
“ใจกล้ามาก ผู้น้อยแซ่อี้ขอนับถือ ถ้าเช่นนั้นก็ต้องขอให้พระชายาชี้แนะแล้ว!”
เมื่อพูดจบเขาก็กวาดสายตามองไปโดยรอบ
“ไม่ทราบว่าอยากจะเริ่มตรงที่ใด?”
คำถามนี้หมายถึง จะต่อสู้กันด้านนอกหรือด้านในม่านพลัง
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะขึ้นมา
“กว่าข้าจะเก็บกวาดทำความสะอาดท่าเรือดอกท้อแห่งนี้ได้ก็ยากลำบากมาก ข้าจึงไม่ต้องการมีปัญหาเช่นนั้นอีกแล้ว ถ้าอย่างนั้น…ก็ด้านนอกเถอะ!”
ตกใจ สงสัย กังวล ไม่เข้าใจ…
ฉู่หลิวเยว่เมินเฉยต่อทุกอารมณ์ความรู้สึก
เพียงชั่วพริบตาเดียวนางก็ออกมาอยู่ด้านนอกและเผชิญหน้ากับอี้เหวินเทาแล้ว!
…
การเคลื่อนไหวของนางนั้นเร็วมาก ตอนที่นางปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า สีหน้าของคนทั้งหลายยังไม่เปลี่ยนสีไปเลย
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มออกมา แล้วพูดเสียงดังอย่างไม่ใส่ใจ
“รบกวนทุกท่านหลบทางให้ด้วย ที่แห่งนี้มีคนแออัดกันมากเกินไป”
ภายในน้ำเสียงของนางนั้นยังแฝงด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
นอกจากอี้เหวินเทาที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด คนของตระกูลอี้และตระกูลหนานนั้นอยู่ตรงนี้ด้วย
เมื่อได้ยินฉู่หลิวเยว่พูดเช่นนี้ พวกเขาก็แทบจะขยับตัวถอยห่างออกมาในทันที
แต่หลังจากที่พวกเขาเคลื่อนที่แล้ว พวกเขาถึงได้ตระหนักว่า ‘นี่ตนเองกำลังทำตามคำพูดของฉู่หลิวเยว่อย่างไม่รู้ตัวอยู่นี่นา?’
นางไม่ใช่คนของเขา เหตุใดพวกเขาจะต้องเชื่อฟังคำพูดของนางด้วย?
ในตอนนั้นคนจำนวนไม่น้อยก็เก้อกระดากขึ้นมา
แต่พวกเขาก็ถอยมาได้ครึ่งทางแล้ว…
“ไกลกว่านี้อีกหน่อย”
ฉู่หลิวเยว่พูด
“นี่คือการประลองระหว่างข้าและประมุขอี้ กระบี่ไม่มีตา หากทำให้พวกท่านบาดเจ็บมันคงไม่ดีแน่”
คำพูดนั้นทำให้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ได้แต่ถอยร่นลงไป!
จนสุดท้ายอี้เหวินเทาและฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ตรงกลางเป็นพื้นที่กว้างขนาดใหญ่
ด้านหลังของฉู่หลิวเยว่มีซั่งกวนจิ้ง จ้าวซงและคนอื่นๆ
แม้ว่าด้านหลังของอี้เหวินเทาจะมีคนตระกูลอี้และตระกูลหนานยืนอยู่ แต่ก็ทิ้งระยะห่างเอาไว้ไม่น้อย
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
ในตอนนี้มือซ้ายของนางถือโล่มือขวาถือดาบ ดูแล้วมีพลังอยู่ไม่น้อย
อี้เหวินเทากวาดสายตามองไปที่โล่ผสานนภา
มุมปากของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้นางสัมผัสได้ว่าอี้เหวินเทาคนนี้ผิดปกติเล็กน้อย เหมือนกับว่าเขาต้องการบีบบังคับให้นางลงมือ
แต่ตอนนี้เหมือนว่าเขามาที่นี่เพื่อโล่ผสานนภา…
“เชิญ”
อี้เหวินเทาตอบรับ
หลังจากพูดจบเขาก็ขยับปลายเท้าทั้งสองข้างเล็กน้อย ลมปราณบนร่างกายระเบิดออกมา!
ในตอนนั้นเอง เงาร่างของหรงซิวก็พุ่งตัวออกมาจากม่านพลัง
แต่ว่าเขาไม่ได้พุ่งตัวขึ้นไปด้านหน้า เพียงแค่มายืนอยู่ด้านข้างของซั่งกวนจิ้งและคนอื่นเท่านั้น
จากนั้นเขาก็ทำความเคารพซั่งกวนจิ้ง หนานซู่ไหว และคนอื่นๆ ตามลำดับ
จ้าวซงพูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ว่า
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ โอรสสวรรค์สง่างามกว่าที่เคยอีก และพระชายาเองก็ดูเป็นคนมีพรสวรรค์ไม่น้อย เพียงแต่…โอรสสวรรค์ไม่เป็นห่วงจริงหรือ?”
หรงซิวยิ้มออกมาเบาๆ แล้วพูดเสียงเรียบว่า
“ท่าเรือดอกท้อคือฐานที่มั่นของเยว่เออร์ นางอยากจะทำอย่างใดก็ให้นางทำเช่นนั้นไป ในเมื่อนางตัดสินใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่านางมีเหตุผลของตัวเอง”
สิ่งที่เขาต้องทำก็คือเคารพและสนับสนุนทุกการตัดสินใจของนาง
จ้าวซงและคนอื่นๆ สบสายตากัน ในแววตามีความตกตะลึงเล็กน้อย
เขาเคยได้ยินมาก่อนแล้วว่า หรงซิวนั้นรักพระชายาองค์นี้มาก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมากขนาดนี้
แต่ ระดับเทพขั้นสูงกับระดับเทพศักดิ์สิทธิ์…
ไม่ว่าจะมองอย่างใดนางก็ไม่มีทางชนะ!
ในตอนแรกพวกเขายังคิดว่า ฉู่หลิวเยว่จะตั้งเงื่อนไขบางอย่าง แต่ใครจะรู้แล้วว่านางกลับไม่ได้ตั้งเงื่อนไขอันใดเลย แล้วเริ่มขึ้นมาโดยตรงเช่นนี้
หากนางแพ้ล่ะ…
แต่มีหรงซิว ซั่งกวนจิ้ง และคนอื่นๆ อยู่ อี้เหวินเทาไม่มีทางสังหารนางได้แน่นอน
แต่หากยังไม่ถึงเวลาสำคัญ พวกเขาก็ไม่สามารถลงมือได้ ฉู่หลิวเยว่คงจะไม่พ่ายแพ้แล้วสูญเสียท่าเรือดอกท้อไปเช่นนี้ใช่หรือไม่?
หรงซิวรู้ความคิดของพวกเขาเป็นอย่างดี แต่เขาก็ไม่ได้อธิบาย เขาเพียงแค่ไพล่มือไปด้านหลัง แล้วมองไปด้านหน้า
…
ท้ายที่สุดแล้วอี้เหวินเทาก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์และตอนนี้เขาตั้งใจจะลงมือเต็มกำลัง บนร่างกายมีลมปราณที่แข็งแกร่งแผ่กระจายออกมา!
ด้านหลังมีคนจำนวนไม่น้อยที่กระซิบกระซาบกัน
“ไม่รู้จริงๆ ว่าซั่งกวนเยว่ผู้นั้นคิดอันใดอยู่ถึงได้ตอบตกลงเช่นนี้ อีกทั้งนางยังจะเป็นฝ่ายประลองด้วยตนเอง! ผลแพ้ชนะเป็นอย่างใดนี่ยังชัดเจนไม่พออีกหรือ?”
“หึ! นางยังเด็ก เด็กมักเลือดร้อนหุนหันพลันแล่น! มีเสียงและความแข็งแกร่งเพียงเล็กน้อย ก็ไม่รู้จักว่าตนเองเป็นใคร…เดี๋ยวนางต้องได้ร้องไห้แน่นอน!”
“พวกเจ้าว่าท่านประมุขต้องใช้เวลานานเท่าใดถึงจะล้มนางลงได้? สามกระบวนท่า? เมื่อถึงตอนนั้นหากนางไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เล่า?”
“นั่นจะเป็นไปได้อย่างใด? ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้! แม้ว่าจะไม่อยากยินยอม ถ้ากล้าพนันก็ต้องกล้ายอมรับผลที่ตามมาสิ! แต่น่าจะใช้เวลาไม่นาน…นางก็ต้องรู้สึกเสียใจภายหลังแล้ว! แต่น่าเสียดายที่บนโลกนี้ ไม่มียาแก้โรคเสียใจภายหลัง!”
คนกลุ่มนั้นหัวเราะกันเสียงทุ้มต่ำ
เห็นได้ชัดว่า ในสายตาของพวกเขาอี้เหวินเทาจะต้องเป็นฝ่ายชนะแน่นอน
ดังนั้นจึงมีเพียงคำถามเดียวเท่านั้นคือ อี้เหวินเทาจะต้องใช้เวลานานเท่าใดถึงจะสามารถสิ้นสุดการประลองนี้ได้
ฉู่หลิวเยว่มีสีหน้าราบเรียบ ท่าทางไม่ได้เห็นด้วย
พรึ่บ!
เปลวเพลิงสีทองคำชาดพวยพุ่งออกมาจากในร่างกายของนางอย่างกะทันหัน!