ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1962 ล้อมโจมตี
ตอนที่ 1962 ล้อมโจมตี
………………..
ท้ายที่สุดแล้วอี้เหวินเทาก็อยู่ในระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเขายกมือขึ้น ลมปราณบนร่างกายก็เริ่มพุ่งสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!
หลังจากนั้นไม่นาน แรงกดดันรอบกายเขาก็กดทับฉู่หลิวเยว่อย่างรุนแรง!
ความเร็วของฉู่หลิวเยว่ลดต่ำลงจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
แต่ถวนจื่อที่มีสายเลือดสูงส่ง จึงไม่ได้รู้สึกถึงแรงกดทับนี้เลย
นางเหลือบสายตาไปมองจื่อเฉิน แล้วลูบจมูกตนเองก่อนเชิดหน้าแล้วพูดขึ้นว่า
“วันนี้พวกเรามาแข่งกัน ใครจัดการเขาได้ก่อนคนนั้นชนะ!”
จื่อเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย
ความจริงแล้วเขาไม่สนใจการแข่งขันประเภทนี้ แต่เมื่อเห็นถวนจื่อมีท่าทางคึกคักอย่างมาก ริมฝีปากของเขาก็ขยับขึ้น ในตอนที่คำปฏิเสธมาอยู่ที่ริมฝีปากแล้ว เขาก็ชะงักไปเล็กน้อย
ถวนจื่อไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งนี้ จึงคิดว่าจื่อเฉินนั้นตอบตกลงแล้ว เงาร่างของนางวูบไหวก่อนกลายร่างเป็นลำแสงสีทองคำชาด แล้วพุ่งตัวไปทางอี้เหวินเทาด้วยความเร็ว!
“ดูซิว่าวันนี้ข้าจะทุบตีเจ้าให้ตายได้หรือไม่!”
ถวนจื่อตะโกนขึ้นมาเสียงดัง ชั่วพริบตาเดียวนางก็มาอยู่ด้านหน้าของอี้เหวินเทาแล้ว!
หมัดหนึ่งพุ่งออกไป!
ฝ่ามือขาวและนุ่มนิ่มของนางกำแน่นจนกลายเป็นกำปั้นเล็กๆ ซึ่งคล้ายกับก้อนสำลีสีขาวก้อนหนึ่ง
หากมองจากระยะไกลแล้วเหมือนว่าจะไม่มีความร้ายกาจอันใดเลย
เดิมทีอี้เหวินเทาไม่ได้เห็นการโจมตีของถวนจื่ออยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
แต่เมื่อยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไร เขาก็ต้องตกใจที่พบว่า พลังภายในหมัดของเขารุนแรงกว่าที่จินตนาการเอาไว้มาก!
เขาขมวดคิ้วขึ้นจากนั้นก็เหวี่ยงขวานสุริยันมรกตออกไป!
ลำแสงสีเขียวเข้ารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว!
ลำแสงสีม่วงทองแสบตาระเบิดออกมาจากร่างของนางในทันที!
ตู้ม!
พลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรง!
การสั่นสะเทือนที่รุนแรงเหล่านี้ทำให้บนพื้นเกิดหลุมขนาดยักษ์!
จากนั้นเงาร่างของถวนจื่อก็ลอยกระเด็นออกไป
พลังโจมตีที่รุนแรงปกคลุมตัวนาง ร่างกายของนางลอยกระแทกพื้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้!
ถวนจื่อรู้สึกแน่นหน้าอก เมื่อกวาดสายตามองก็พบว่าตนเองนั้นได้จมอยู่ในพื้นแล้ว
นางเบิกตากว้างขึ้นในทันที…เป็นไปไม่ได้!
นางล้มต่อหน้าทุกคนแบบนี้มันน่าอายเกินไปแล้ว!
นางกัดฟันกรอดในตอนที่กำลังจะพยุงร่างกายลุกขึ้นมา ทันใดนั้นนางก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่อ่อนโยนช่วยพยุงร่างของนางไว้
พลังเหล่านี้พุ่งมาหานางอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งนางสามารถยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว พลังเหล่านั้นก็หายไปในทันที
ถวนจื่อหันกลับไปมอง และนางเห็นเพียงแค่เงาร่างสีดำที่พุ่งตัวเข้ามาด้วยความรวดเร็วเท่านั้น!
เมื่อครู่นี้…เป็นฝีมือของจื่อเฉินหรือ?
ถวนจื่อชะงักไปเล็กน้อยแล้วกะพริบตาปริบๆ
นี่พวกเขา…กำลังแข่งขันกันอยู่ไม่ใช่หรือ?
คาดไม่ถึงว่าจื่อเฉินจะช่วยเหลือนางด้วย?
เมื่อมองไปยังเงาร่างสูงใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ถวนจื่อก็กัดเล็บของตนเองอย่างครุ่นคิด
อื้ม…ที่เขาทำเช่นนี้ก็เพราะเห็นแก่หน้าของนายท่านใช่หรือไม่?
หากพูดให้ถูกต้องก็คือ จัดการตาแก่น่ารำคาญคนนั้นก่อน ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสินะ!
ส่วนการแข่งขันอันใดนั่น ก็เป็นเพียงแค่เรื่องผลพลอยได้
แต่ว่า…หากได้รับความช่วยเหลือโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้หวังผลตอบแทน เช่นนี้ก็ถือนางด้อยกว่าหนึ่งขั้นไม่ใช่หรือ?
ถวนจื่อกำหมัดกรอด ในดวงตาทั้งคู่มีประกายเพลิงและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ลุกโชน!
นางสะกิดปลายเท้าแล้วพุ่งไปด้านหน้าด้วยความรวดเร็ว! ก่อนจะพุ่งโจมตีไปอีกด้าน!
จะแพ้ไม่ได้!
…
ถวนจื่อโดนโจมตีจนกระเด็นลอยไป ส่วนสถานการณ์ของอี้เหวินเทาก็ไม่ได้ดีนัก
ภายใต้พลังโจมตีอันรุนแรง เขาต้องถอยร่นลงไปครึ่งก้าว ฝ่าเท้าของเขาหยั่งลึกลงไปในดิน!
ในตอนนั้นร่างกายของเขาจึงสามารถหยุดยืนได้อย่างมั่นคง
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับถวนจื่อแล้ว เขาถือว่าเป็นฝ่ายได้เปรียบมากกว่า แต่ในใจของอี้เหวินเทาไม่ได้มีความยินดีเลยแม้แต่น้อย
เขาคือผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์!
แต่ถวนจื่อเป็นเพียงแค่หงส์ทองคำเด็กตัวหนึ่งเท่านั้น!
เดิมทีการโจมตีครั้งนี้จะสามารถจัดการถวนจื่อได้ในครั้งเดียว หรือไม่อย่างน้อยก็สามารถทำให้นางสูญเสียพลังในการโจมตี
แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม!
หลังจากจื่อเฉินรับตัวถวนจื่อแล้ว อี้เหวินเทาก็รีบหันกลับไปมองแล้วพบว่า ถวนจื่อไม่ได้รับบาดเจ็บอันใดเลย!
พลังกายแข็งแกร่งมาก…ซึ่งเหนือขั้นกว่าหงส์ทองคำที่โตเต็มวัยแล้วเสียอีก!
เป็นไปได้อย่างใด?
อี้เหวินเทาคิดไม่ออก ภายในใจก็ไม่เข้าใจ ซ้ำยังรู้สึกโมโห!
แต่เขาไม่มีเวลาคิดมากกับเรื่องเหล่านี้ เพราะหลังจากนั้นไม่นาน จื่อเฉินก็ไล่ตามมาแล้ว!
เขากับถวนจื่อเลือกที่จะโจมตีต่อหน้าเหมือนกัน!
ลมปราณเย็นยะเยือกแผ่ออกมาจากร่างกายของจื่อเฉิน
ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขึ้น หมอกสีดำที่เต็มไปด้วยความเย็นก็แผ่กระจายออกมาจากกลางฝ่ามือของเขา!
เมื่อได้รับผลกระทบจากไอความเย็นเหล่านั้น อี้เหวินเทาก็ต้องตกใจมากที่พบว่าเขาไม่สามารถถ่ายเทพลังปราณดั้งเดิมลงไปในขวานสุริยันมรกตได้อีกแล้ว!
“นี่มัน…”
เขาเบิกตากว้างมองขวานสุริยันมรกตอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนพยายามจะใช้พลังปราณดั้งเดิมภายในร่างกายควบคุมไอความเย็นเหล่านั้น แต่กลับพบว่าเขาสามารถควบคุมได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น
อี้เหวินเทารู้สึกหายใจไม่ออก
เหมือนกับโดนผีหลอกจริงๆ !
คาดไม่ถึงว่าอินทรีสามตาตัวหนึ่งจะสามารถควบคุมขวานสุริยันมรกตได้?
นี่คือหนึ่งในสิบสมบัติศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่เชียว!
แต่สิ่งที่อี้เหวินเทาไม่รู้ก็คือ ภายในร่างกายของมีกระดูกและเลือดของไท่ซวีเฟิ่งหลงสนับสนุน ดังนั้นมันจึงมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
กอปรกับมีพลังของโหมวเจินคอยเสริม…
ความแข็งแกร่งของเขาจึงเหนือกว่าอินทรีสามตาทั่วไป!
ด้วยขั้นตอนเหล่านี้ หากเขายืมพลังของโหมวเจิน เขาก็สามารถจัดการอี้เหวินเทาได้!
แต่สิ่งที่ทำให้อี้เหวินเทาตกตะลึงก็คือ ไอความเย็นเหล่านี้ยังแผ่เข้ามาหาเขาอย่างต่อเนื่อง!
ในตอนนั้นก็มีลำแสงสีเงินสว่างวาบขึ้นมา!
ฉู่หลิวเยว่ฟันกระบี่ลง!
ปลายกระบี่ที่แหลมคมเข้ามาอยู่ตรงหน้าของอี้เหวินเทาแล้ว!