ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1964 เลวทราม
ตอนที่ 1964 เลวทราม
………………..
พลังปราณดั้งเดิมภายในร่างกายของฉู่หลิวเยว่กำลังถูกใช้ไปอย่างบ้าคลั่ง
ริมฝีปากของนางขาวซีดเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่ากว่าที่นางจะมาอยู่ในจุดนี้ได้นั้นไม่ง่ายเลย
ด้วยระดับพลังของอี้เหวินเทาสามารถกดทับนางได้อย่างอยู่หมัดจริงๆ
หากนางต้องการยึดครองอาณาเขตเทพเซียนของอี้เหวินเทา นางจำเป็นจะต้องใช้พลังที่มากกว่าอี้
เหวินเทา!
แต่ยังดีที่สิ่งที่นางไม่ขาดแคลนเลยก็คือ พลังปราณดั้งเดิม
ในตอนนั้นถวนจื่อก็พุ่งตัวไปด้านหน้าอีกครั้ง!
ครั้งนี้หมัดของนางมีประกายเพลิงสีทองคำชาดปกคลุมอยู่ด้วยหนึ่งชั้น!
อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น ทำให้อากาศที่อยู่บริเวณโดยรอบร้อนผ่าวขึ้นมาในทันที
อี้เหวินเทากัดฟันกรอด
โดยทั่วไปแล้ว เดิมทีผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงไม่มีทางอดทนต่ออาณาเขตเทพเซียนของเขาได้อย่างแน่นอน
บางครั้งเขายังไม่ทันได้ลงมือ แต่อีกฝ่ายก็ตกอยู่ในอาณาเขตเทพเซียนของเขาแล้ว
แต่คู่ต่อสู้ในครั้งนี้รับมือยากจริงๆ
ถวนจื่อกับจื่อเฉินมีพลังแห่งสายเลือดอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาล อีกทั้งฝีมือก็ไม่ได้อ่อนด้อย!
เดิมทีอาณาเขตเทพเซียนแห่งนี้ไม่สามารถจัดการเขาได้!
ส่วนฉู่หลิวเยว่คนนั้น…กลับเลวร้ายยิ่งกว่า!
หากมองไปทั่วอาณาจักรเสิ่นซวี่ คนที่จะสามารถเอาชนะอาณาเขตเทพเซียนของเขาได้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น!
แต่คาดไม่ถึงว่าฉู่หลิวเยว่จะสามารถทำได้!
อี้เหวินเทารู้สึกโกรธระคนอัปยศอดสู
เมื่อเห็นว่าหมัดของถวนจื่อที่กำลังพุ่งตัวเข้ามา อี้เหวินเทาก็สามารถสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น และเขาสามารถสัมผัสได้ถึงเปลวเพลิงบริเวณหน้าอกที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น จนเขาแทบจะระเบิดออกมา!
ในที่สุดเขาก็งอเข่าลงเล็กน้อย จากนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน พร้อมพุ่งตัวเข้าหาถวนจื่อราวธนูที่ถูกยิงออกจากแหล่ง!
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า หากต้องการจะจัดการฉู่หลิวเยว่ให้ได้ เขาจำเป็นจะต้องกำจัดผู้ช่วยทั้งสองคนนี้ให้ราบคาบเสียก่อน!
ด้วยความหวาดกลัวที่คนมีต่อเผ่าหงส์ทองคำและเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลง อี้เหวินเทาจึงตัดสินใจว่าจะไม่สังหารพวกเขาจนตาย
แต่อย่างน้อย…ก็ต้องทำให้พวกเขาสูญเสียพลังในการต่อสู้!
เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจะได้จัดการกับฉู่หลิวเยว่ได้!
อี้เหวินเทาตัดสินใจที่จะปล่อยหมัดโดยตรงโดยไม่ใช้ลูกไม้อันใดอีก!
“หมัดเทวะแปดทิศ!”
พลังในร่างกายของเขาพุ่งออกมาทางหมัดอย่างรวดเร็ว ก่อนปะทะกับหมัดของถวนจื่ออย่างรุนแรง!
เสียงสั่นสะเทือนเลือนลั่นกระจายออกไป!
หนึ่งใหญ่หนึ่งเล็ก หนึ่งแข็งหนึ่งอ่อน
ไม่ว่าจะมองอย่างใดผลลัพธ์ก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว
แต่วินาทีต่อมาทุกคนก็ต้องตกใจที่พบว่า ครั้งนี้ร่างของถวนจื่อไม่ได้ลอยกระเด็นออกไป!
นางปะทะกับหมัดของอี้เหวินเทากลางอากาศ
มุมปากของนางมีคราบเลือดไหลออกมาสายหนึ่ง แต่…นางไม่ได้ถอยร่นลงไปเลยแม้แต่ก้าวเดียว!
จากนั้นเปลวเพลิงสีทองคำชาดก็แผ่ขยายมายังร่างกายของอี้เหวินเทาอย่างรวดเร็ว!
ความเจ็บปวดลุกลามจากแขนขึ้นมาในทันที ใบหน้าของอี้เหวินเทาบิดเบี้ยว
แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง เขาก็ต้องตกใจที่พบว่าพลังแห่งสายเลือดของถวนจื่อนั้นบริสุทธิ์กว่าที่เขาคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้เสียอีก!
ไม่อย่างนั้นนางไม่มีทางต้านทานหมัดนี้ของเขาได้อย่างแน่นอน!
นางยังไม่โตเต็มวัยเลยด้วยซ้ำ แต่พลังกายเกือบจะเทียบเท่าเขาแล้ว หากให้เวลานางมากกว่านี้อีกสักระยะ…ไม่รู้ว่านางจะแข็งแกร่งถึงระดับไหน!
ถ้าไม่สังหาร ในอนาคตก็จะมีปัญหาตามมาไม่จบไม่สิ้น!
ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนหมัดเป็นฝ่ามือ เขาไม่สนใจเปลวเพลิงที่ลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง ก่อนคว้าข้อมือของถวนจื่อเอาไว้แน่น!
ถวนจื่อตกใจสะดุ้งเฮือก แต่ตอนที่กำลังจะเคลื่อนไหว นางก็สัมผัสได้ถึงไอความเย็นสายหนึ่ง!
นางมีลางสังหรณ์ไม่ดี ดังนั้นจึงรีบสะบัดมือของอี้เหวินเทาออกอย่างรวดเร็ว!
ความเจ็บปวดสายหนึ่งแผ่ซาน!
ถวนจื่อรีบก้มหน้ามอง จากนั้นก็พบว่าบนข้อมือของตนเองนั้นถูกอี้เหวินเทาใช้อันใดบางอย่างกรีดจนเป็นบาดแผล!
ยังดีที่นางสามารถหลบได้ทันเวลา บาดแผลนั้นจึงไม่ลึกมาก
ภายใต้เปลวเพลิงที่ลุกโชน คราบเลือดก็แห้งกรังอย่างรวดเร็ว เหลือทิ้งเอาไว้เพียงคราบสีดำเท่านั้น
ถวนจื่อขมวดคิ้วเป็นปม นางรู้สึกว่ามีอันใดบางอย่างไม่ถูกต้อง
พรึ่บ!
อี้เหวินเทาไม่ได้รามือ แต่กลับพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงขึ้น!
ถวนจื่อรีบยกมือตั้งใจจะโต้กลับทันที
แต่ในตอนนั้นเองนางก็ต้องตกใจที่พบว่า นางไม่สามารถรวบรวมพลังปราณภายในร่างกายได้อีกแล้ว!
ตอนนี้อี้เหวินเทาอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว
หัวใจของถวนจื่อเหมือนถูกอันใดบีบรัดจนแน่น!
แต่ทันใดนั้นเองเงาร่างสูงใหญ่สีดำก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของถวนจื่ออย่างกะทันหัน!
ผู้นั้นคือจื่อเฉินนั่นเอง!
เขาสะบัดชายเสื้อแท่งน้ำแข็งปลายแหลมจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมา!
นี่คือการบีบบังคับให้อี้เหวินเทาหยุดมือ
จื่อเฉินฉวยโอกาสเสี้ยววินาทีหันมามองถวนจื่อครู่หนึ่ง
ถวนจื่อที่สามารถสัมผัสได้ถึงสายตานั้นก็เงยหน้าขึ้นมามอง
เขาแทบจะไม่เคยเห็นนางทำสีหน้าแบบนี้มาก่อน
หัวใจของจื่อเฉินสั่นสะท้าน ก่อนจะก้มลงมองบาดแผลที่ข้อมือของนาง
จากนั้นเขาจึงพุ่งตัวเข้าไปอุ้มถวนจื่อกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ถวนจื่อเป็นอย่างใดบ้าง?”
ฉู่หลิวเยว่สามารถสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ดังนั้นจึงขมวดคิ้วแล้วสาวเท้าก้าวเข้ามา
ความเร็วในการเคลื่อนที่ของจื่อเฉินสูงมาก เขาอุ้มถวนจื่อกลับมาที่ด้านข้างของฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่เพิ่งจะเห็นว่าใบหน้าของถวนจื่อซีดเผือดไร้สี
ความจริงแล้วหากดูเพียงผิวเผินก็จะเห็นว่าไม่มีอันใดผิดปกติ
แต่ดูจากท่าทางของนางแล้ว มันผิดปกติอย่างยิ่ง
“ถวนจื่อ?”
หัวใจของฉู่หลิวเยว่ดำดิ่ง แล้วรีบแตะไปที่ข้อมือของนางในทันที
จากนั้นนางก็ขมวดคิ้วมุ่น
เหมือนว่าพลังภายในร่างกายของถวนจื่อจะสูญเสียการควบคุมไปอย่างสิ้นเชิง พวกมันมีพลังโจมตีกระจัดกระจายไม่สามารถหลอมรวมอยู่ด้วยกันได้
แต่พลังโจมตีนั้นไม่ได้รุนแรงมากนัก เหมือนกับหมอกที่ล่องลอยไปมาอย่างอิสระ ดังนั้นหากดูผ่านๆ ก็จะไม่เห็นความผิดปกติใดๆ
แต่ความโกรธภายในใจของฉู่หลิวเยว่กลับปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง!
เห็นได้ชัดว่าอี้เหวินเทาตั้งใจถ่ายเทพลังของตนเองเข้าไปในร่างกายของถวนจื่อ ทำให้การโคจรลมปราณภายในร่างกายของนางนั้นสับสน!
นางเงยหน้าขึ้นพร้อมมองไปที่อี้เหวินเทาตาเขม็ง
“อี้เหวินเทา! เจ้านี่เลวทรามยิ่งนัก! วิธีการต่ำช้าเช่นนี้เจ้าก็ยังกล้าใช้มัน!”
อี้เหวินเทาไม่รู้สึกประหลาดใจเลยที่ฉู่หลิวเยว่สามารถจับสังเกตมันได้
เขาหัวเราะขึ้นเสียงเรียบ แววตาเย็นยะเยือก
“เจ้า…”
ฉู่หลิวเยว่กำลังจะพุ่งตัวขึ้นไป แต่กลับถูกถวนจื่อเรียกเอาไว้เสียก่อน
“อา…อาเยว่”
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมอง ในแววตาเต็มไปด้วยความกังวล
“ถวนจื่อ เจ้าวางใจเถอะ เรื่องนี้ไม่จบแค่นี้แน่!”
ถวนจื่อส่ายหน้า
“ข้า…ข้าไม่เป็นไร…อาเยว่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ อีกเดี๋ยวข้าก็ดีขึ้นแล้วล่ะ…”
ถวนจื่อสดใสร่าเริงมาโดยตลอด ฉู่หลิวเยว่ไม่เคยเห็นนางมีท่าทางอ่อนแรงเช่นนี้มาก่อน โทสะของนางพวยพุ่งขึ้นมาในทันที
แต่นางยังคงลูบศีรษะของถวนจื่ออย่างอ่อนโยน
“ได้ ถ้าอย่างนั้นถวนจื่อรอข้าอยู่ที่นี่นะ แล้วข้าจะรีบกลับมา”
เมื่อพูดจบ นางก็หันกลับไปมองจื่อเฉิน
“จื่อเฉิน เจ้าอยู่ดูแลถวนจื่อที่นี่”
จื่อเฉินคาดเดาได้ว่านางจะทำอันใด เขาจึงพูดขึ้นมาอย่างลังเลเล็กน้อย
“นี่มัน…”
เกรงว่านางเพียงคนเดียวอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอี้เหวินเทา
แต่ฉู่หลิวเยว่หันหน้ากลับไปมองทางอี้เหวินเทาแล้ว
ตึง!
ทันใดนั้นโล่ผสานนภาของนางก็หล่นลงพื้นอย่างแรง!