ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1966 อย่าก่อความวุ่นวายเพิ่ม
ตอนที่ 1966 อย่าก่อความวุ่นวายเพิ่ม
………………..
เดิมทีอาณาเขตเทพเซียนที่แข็งแกร่งและมั่นคงก็เริ่มทรุดตัวลงอย่างไม่สามารถควบคุมได้!
หลังจากผ่านไปสักพัก ค่ายกลเหล่านั้นเหมือนกับตาข่ายขนาดยักษ์ที่กำลังเข้ามาล้อมอี้เหวินเทา!
อี้เหวินเทาหน้าเปลี่ยนสี!
เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะรับมือกับค่ายกลจำนวนมากพร้อมกันเช่นนี้!
เขาโคจรพลังปราณดั้งเดิมภายในร่างกายอย่างรวดเร็ว กลางหน้าผากมีสัญลักษณ์ปรากฏขึ้น!
ทันใดนั้นเงาร่างที่เหมือนกับเขาแทบจะทุกประการก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหน้า!
หลังจากนั้นเงาร่างของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นด้วยความรวดเร็ว!
ภายในชั่วพริบตาเดียวก็มีอี้เหวินเทาที่มีส่วนสูงเท่ากับคนสามคนแล้ว!
ร่างศักดิ์สิทธิ์ตนนั้นมีดวงตาสีเขียวเข้ม!
ทั้งเย็นชาและดูหมิ่น!
“ร่างศักดิ์สิทธิ์แปดทิศ!”
หนานซู่ไหวพูดพึมพำสายตาจ้องเขม็ง
ร่างศักดิ์สิทธิ์ประเภทนี้ของอี้เหวินเทาหาได้ยากมาก อีกทั้งยังมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
ตามข่าวลือนั้นตระกูลอี้เป็นคนคิดค้นร่างศักดิ์สิทธิ์แปดทิศขึ้นมา ดังนั้นจึงมีเพียงแต่ตระกูลที่เท่านั้นที่สามารถฝึกได้
เขาว่าการฝึกวิชานี้ยากลำบากอย่างยิ่ง ดังนั้นคนที่สามารถฝึกสำเร็จจึงมีไม่มาก
คนตระกูลอี้ส่วนใหญ่หลังจากล้มเหลวในการฝึกวิชานี้ ก็เลือกที่จะฝึกร่างศักดิ์สิทธิ์ประเภทอื่นกันหมด
แต่หากเขาสามารถฝึกสำเร็จ ความแข็งแกร่งของผู้บำเพ็ญเพียรก็จะเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว!
นี่คือสาเหตุว่าเหตุใดอี้เหวินเทาถึงสามารถดำรงตำแหน่งประมุขตระกูลอี้ได้อย่างมั่นคง อีกทั้งเขายังมีอำนาจในการตัดสินใจเต็มเปี่ยม
ก่อนหน้านี้หนานซู่ไหวเคยได้ยินข่าวลือมาเท่านั้น แต่ไม่เคยเห็นด้วยตาตนเอง
เพียงแค่อี้เหวินเทานึกคิด หมัดวายุก็ถูกปล่อยออกไปแล้ว!
ตู้ม!
เสียงกึกก้องกัมปนาท!
หมัดของร่างศักดิ์สิทธิ์แปดทิศพุ่งตรงไปยังค่ายกลที่อยู่ด้านหน้าสุด!
ภายในชั่วพริบตาค่ายกลเหล่านั้นก็แตกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจำนวนนับไม่ถ้วน ประกายแสงจางๆ สว่างวาบแพร่กระจายออกไปทั่วทุกทิศ!
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้น นิ้วของนางเคลื่อนไหวอยู่เหนือภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยอย่างรวดเร็ว
ลำแสงเหล่านั้นก็เหมือนสามารถสัมผัสอันใดได้บางอย่าง มันจึงทยอยรวมตัวกันมาทางนี้ ราวกับน้ำฝนที่หยดลงในมหาสมุทร แล้วถูกทำลายลงไปอย่างไร้เสียง
สายตาฉู่หลิวเยว่หลุบตามอง
ค่ายกลเหล่านั้นที่อยู่ในพื้นที่ขนาดเล็ก เดิมทีมันมีสีสันงดงามสดใส แต่ตอนนี้มันกลับหม่นแสงลงไปไม่น้อย
เมื่อการโจมตีของอี้เหวินเทาส่งผลกระทบต่อค่ายกลเป็นอย่างมาก
ยังดีที่ หลังจากที่ค่ายกลเหล่านั้นถูกทำลายไปแล้ว แม้ว่าจะทำให้เกิดความเสียหายที่ยิ่งใหญ่ แต่พวกมันก็ยังคงดูดซับพลังแห่งสวรรค์และโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของตนเอง
เมื่อเห็นว่าสีสันเหล่านั้นกำลังฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า ฉู่หลิวเยว่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ค่ายกลที่อยู่บนภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยสามารถอัญเชิญออกมาได้หลายแบบ
ต่อให้มันถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น ขอเพียงมีพลังแห่งสวรรค์และโลกที่เพียงพอที่จะเติมเต็ม มันก็ยังสามารถกลับมาได้อีกครั้ง
เพียงแต่ว่าต้องใช้เวลานานสักหน่อย
…
อี้เหวินเทาใช้กำปั้นทำลายค่ายกลเหล่านี้โดยตรง ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องหน้าเปลี่ยนสีไป
“สมแล้วที่เป็นร่างศักดิ์สิทธิ์แปดทิศ สมคำร่ำลือจริงๆ …”
หนานซู่ไหวมองไปทางฉู่หลิวเยว่ด้วยความเป็นกังวลเล็กน้อย
ระยะห่างของทั้งสองคนนั้นเรียกได้ว่าราวฟ้ากับเหว ไม่ง่ายเลยที่นางจะสามารถเอาชนะได้
อี้เหวินเทา…ไม่สามารถต่อกรได้ง่ายดายเช่นนั้น…
ในตอนนี้ซั่งกวนจิ้งและคนอื่นๆ ล้วนจับตามองสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด
จ้าวซงพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า
“พี่ซั่งกวน ร่างศักดิ์สิทธิ์แปดทิศของอี้เหวินเทาผู้นี้เป็นร่างศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในระดับสูงที่สุดในใต้หล้านี้แล้ว ได้ยินมาว่าครั้งล่าสุดที่เขาอันเชิญร่างศักดิ์สิทธิ์แปดทิศออกมาคือเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว แต่หลานสาวของท่านกลับใช้เวลาอันสั้นบีบบังคับจนเขาต้องอัญเชิญร่างศักดิ์สิทธิ์นี้ออกมา นับว่าแข็งแกร่งมากจริงๆ แต่ในทางกลับกัน หากเขาโจมตีเต็มกำลัง เกรงว่าหลานสาวของตระกูลท่านจะต้องตกอยู่ในอันตรายแล้ว…”
อี้เหวินเทาเป็นคนที่โหดเหี้ยมมาก
ในเมื่อครั้งนี้เขากล้ามา นั่นหมายความว่าเขามีความมั่นใจอย่างมาก
ไม่ได้เจอกันหลายปี แต่ร่างศักดิ์สิทธิ์แปดทิศของเขากลับแข็งแกร่งขึ้นยิ่งกว่าเดิม
สถานที่ยอดเยี่ยมอย่างท่าเรือดอกท้อเช่นนี้ หากนางแพ้พนันจนจะต้องส่งต่อให้คนอื่นจริงๆ แม้ว่าจะเป็นเขาก็ยังอดที่จะเสียดายไม่ได้
ซั่งกวนจิ้งไพล่มือด้านหนึ่งไว้ข้างหลัง เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
“อี้เหวินเทาแข็งแกร่งมาก แต่เยว่เออร์ของพวกเราก็ไม่ใช่สัตว์กินพืช”
น้ำเสียงของเขาราบเรียบ ทั้งยังแฝงไปด้วยความมั่นใจในตนเอง
เขามีความมั่นใจอย่างมากว่าฉู่หลิวเยว่จะชนะในศึกครั้งนี้
จ้าวซงหันกลับมามอง ก่อนสบสายตากับคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
พวกเขาสามารถมองออกว่า ฉู่หลิวเยว่แข็งแกร่งมาก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับอี้เหวินเทาแล้ว เกรงว่าก็ยังคงด้อยกว่าเล็กน้อย?
ร่างศักดิ์สิทธิ์แปดทิศนี้…
โครม!
เสียงสั่นสะเทือนอันกึกก้องดังลั่นขึ้นอีกครั้ง
ค่ายกลส่วนที่สองถูกร่างศักดิ์สิทธิ์แปดทิศของอี้เหวินเทาทำลายไปอีกครั้งแล้ว!
นางมองไปด้านหน้าด้วยความเงียบงัน ใบหน้างดงามมีเพียงความสงบ
ดวงตาดำขลับคู่นั้นไร้คลื่นอารมณ์ เหมือนกับกำลังครุ่นคิดอันใดบางอย่าง
อี้เหวินเทาบุกจนราบเป็นหน้ากอง คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกร้อนรนมากยิ่งขึ้น
นี่ฉู่หลิวเยว่ต้องการจะทำอันใดกันแน่?
นี่นางไม่ได้จะเตรียมตัวยอมแพ้ใช่หรือไม่?
อี้เหวินเทามองมาด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มประชดประชัน
ภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยแข็งแกร่งจริง ที่ฉู่หลิวเยว่สามารถครอบครองและตระหนักรู้ถึงความลับของมันได้ก็ถือว่าเป็นความสามารถของนาง!
เมื่อมีของสิ่งนี้แล้ว ผู้บำเพ็ญเพียรเพียงแค่โคจรพลังเล็กน้อย ก็สามารถอัญเชิญค่ายกลออกมาได้ อีกทั้งยังสามารถแสดงความแข็งแกร่งออกมาได้หลายเท่าตัว!
ความจริงแล้วนี่เป็นสมบัติที่หาได้ยากยิ่ง!
แต่อย่างใดก็ตามคนจำนวนมากได้มองข้ามเรื่องหนึ่งไป ‘ต่อให้แต่ละค่ายกลใช้พลังเพียงเล็กน้อยในการโคจร แต่การใช้ค่ายกลหลายสิบค่ายกลในเวลาเดียวกัน นั่นนับว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลย!’
ฉู่หลิวเยว่ไม่สามารถยืนหยัดเช่นนี้ได้ตลอดไป
ดังนั้นขอเพียงเขาทำลายค่ายกลเหล่านี้ ฉู่หลิวเยว่ก็จะไม่มีพลังในการต่อสู้อีกต่อไปแล้ว
เมื่ออี้เหวินเทาคิดเช่นนั้น เขาก็โคจรพลังอย่างบ้าคลั่งมากขึ้น!
เปรี้ยงๆ !
เสียงการโจมตีทุกชนิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง! จนแทบจะทำให้คนหูดับไป!
พลังระเบิดกระจายออกสี่ทิศอย่างรุนแรง คนจำนวนไม่น้อยเริ่มวางม่านพลังไว้ตรงหน้าของตนเอง เพื่อสกัดกลั้นพลังลูกหลงเอาไว้ด้านนอกอย่างยากลำบาก
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ก็ยังมีบางคนที่ฝีมืออ่อนแอ ไม่สามารถรับแรงกดดันเหล่านั้นได้ เขาจึงกระอักเลือดแล้วถอยหลังลงไป
ม่านพลังของท่าเรือดอกท้อเกิดการสั่นสะเทือนอีกครั้ง!
…
“อาเยว่…”
ถวนจื่อเบิกตากว้างและอยากจะพุ่งตัวไปด้านหน้า
จื่อเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมยื่นมือไปจับตัวนางกลับมา
ถวนจื่อเป็นเพียงเด็กตัวเล็กนุ่มนิ่ม นางจึงติดอยู่ในอ้อมกอดของจื่อเฉินอย่างง่ายดาย และไม่สามารถสลัดออกได้
“หากเข้าไปในตอนนี้ ก็มีแต่จะเพิ่มความวุ่นวาย”
จื่อเฉินพูดขึ้นเสียงเรียบ
ถวนจื่อได้ยินดังนั้น ในที่สุดนางก็เลิกขัดขืน หมัดทั้งสองข้างกำแน่นขึ้น พร้อมจดจ้องเหตุการณ์ด้านหน้าตาเขม็ง
นางจะสร้างปัญหาไม่ได้…
นางจะต้องช่วยอาเยว่!
พรึ่บ!
ในแววตาของนางมีประกายเพลิงสีทองคำชาดสายหนึ่งลุกโชนขึ้น!
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง ท้องฟ้าก็มืดลงอย่างรวดเร็ว!
จื่อเฉินตกใจอย่างมากแล้วรีบเงยหน้าขึ้นไปมอง!
…