ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1971 ประมุขอี้ช่างเย่อหยิ่งเสียจริง
ตอนที่ 1971 ประมุขอี้ช่างเย่อหยิ่งเสียจริง
………………..
ทันทีที่สิ้นเสียง เงาร่างของฉู่หลิวเยว่ก็หายไปจากที่เดิมแล้ว!
อี้เหวินเทาได้ยินดังนั้นก็รีบหันกลับไปมองทันที
เขาสัมผัสได้ถึงแสงสว่างวาบตรงหน้า จากนั้นความว่างเปล่าก็เริ่มสั่นสะเทือนทำให้เกิดระลอกคลื่น!
ผู้คนรู้สึกกดดันจนแทบจะหายใจไม่ออก เลือดภายในร่างกายเหมือนจะถูกแช่แข็งไปในทันที!
หลังจากนั้นก็มีมือหนึ่งแหวกอากาศเข้ามา!
มือนั้นขาวเรียว ด้านบนปกคลุมด้วยเกราะอ่อนที่งดงามหนึ่งชั้น ลำแสงสว่างระยิบระยับ เมื่อมองไปแล้วไม่เหมือนกับไข่มุกก็เหมือนกับหยก
อี้เหวินเทาชะงักไปแล้ว จากนั้นก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
นี่คือมือของฉู่หลิวเยว่!
วินาทีถัดมาเงาร่างของฉู่หลิวเยว่ก็แหวกความว่างเปล่าด้านหลังมาจริงๆ ด้วย!
อี้เหวินเทารีบถอยหลังทันทีโดยไม่ต้องคิด!
แต่ในตอนนี้ด้านหลังของเขามีทั้งถวนจื่อและจื่อเฉิน
แล้วเขาจะหนีไปได้อย่างใด?
จื่อเฉินสะบัดแขนเสื้อ พลังสายหนึ่งพุ่งผ่านก่อนก่อตัวเป็นม่านพลังโปร่งแสงจากการหลบหนีของอี้
เหวินเทา!
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงไอเย็นยะเยือก อี้เหวินเทาไม่จำเป็นต้องหันหลังกลับไปมอง เขาก็รู้แล้วว่าสถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างใด
ในตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เหงื่อเม็ดใหญ่เท่าเมล็ดถั่วผุดออกจากหน้าผากอี้เหวินเทา
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง แผ่นหลังของเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็นๆ
ใบหน้าของเขาซีดขาว ริมฝีปากสั่นระริก
ก่อนหน้านี้ไม่ว่าอย่างใดเขาก็คิดไม่ถึงเลยว่า ตัวเองจะถูกฉู่หลิวเยว่บีบบังคับจนถึงขั้นนี้!
ความจริงแล้วเขาไม่ได้ดูเบาฉู่หลิวเยว่เลยแม้แต่น้อย
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับนางก่อนหน้านี้เป็นบทพิสูจน์แล้วว่านางรับมือได้ยากกว่าผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงทั่วไป!
ดังนั้นนี่จึงเป็นสาเหตุที่เขาบังคับให้ฉู่หลิวเยว่มาสู้กับเขาที่เป็นระดับเทพศักดิ์สิทธิ์
เดิมทีเขาคิดว่าตนเองจะสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน แต่ใครจะรู้เล่าว่า…
ตู้ม!
หมัดของฉู่หลิวเยว่ถูกปล่อยออกมาและกระแทกที่หน้าอกของอี้เหวินเทาอย่างแรง!
ร่างกายของอี้เหวินเทาลอยกระเด็นออกไปกระแทกพื้นอย่างแรงในทันที!
ฟิ้ว…ตู้ม!
คราบเลือดจากร่างกายของเขานั้นไหลออกมาเป็นแนวยาว ทั้งยังกระเด็นเปรอะม่านพลังที่จื่อเฉินวางเอาไว้ก่อนหน้านี้ด้วย
พรึ่บ!
ร่างกายของอี้เหวินเทาสั่นสะท้าน ก่อนกระอักเลือดออกมาอย่างแรง ลมปราณของเขาก็อ่อนแรงลงในทันที!
“ประมุข!”
คนตระกูลอี้ได้เห็นดังนั้น ก็อุทานออกมาด้วยความตกใจอย่างอดไม่ได้
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ถวนจื่อและจื่อเฉินโจมตีต่อเนื่องกัน สุดท้ายก็ต่อด้วยฉู่หลิวเยว่!
ทุกคนรู้สึกเพียงว่าภาพเหตุการณ์ตรงหน้านี้สับสนวุ่นวาย แต่เมื่อมองไปอีกครั้ง ก็เห็นว่าอี้เหวินเทา
อยู่ในสภาพนี้แล้ว!
ไม่มีแขนสองข้าง ร่างศักดิ์สิทธิ์แปดทิศถูกโจมตีอย่างรุนแรง สำหรับอี้เหวินเทาแล้วเรื่องเหล่านี้อันตรายถึงชีวิต
เขานอนอยู่บนพื้น ลมหายใจโรยระริน กระอักเลือดออกมาไม่หยุด ท่าทางจนตรอกอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่เดินเข้ามาตรงหน้าเขา
เมื่ออี้เหวินเทาได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว เขาก็พยายามดิ้นรนจะลุกขึ้น
แต่ในตอนนี้ เพียงแค่การเคลื่อนไหวที่ง่ายดาย แต่สำหรับเขาแล้วมันยากลำบากอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่หยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา ก่อนจะก้มลงมอง
“ประมุขอี้ ดูเหมือนว่า…ท่านจะไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่ข้าจินตนาการเลยนะ?”
คำพูดประโยคนี้ เหมือนเป็นการตบหน้าอี้เหวินเทาอย่างแรงโดยไม่ต้องสงสัย!
อี้เหวินเทาเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก แววตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
“เจ้า! เจ้า!”
ฉู่หลิวเยว่หันหน้ามองคนตระกูลอี้และตระกูลหนาน ใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“กล้าแย่งท่าเรือดอกท้อของข้าต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ข้าคิดว่าประมุขตระกูลอี้น่าจะมีความสามารถเทียมฟ้าเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่า…ข้านั้นประเมินท่านสูงเกินไป?”
ทุกคนรู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม ใบหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาว
ในที่สุดอี้เหวินจั๋วก็ตะโกนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ซั่งกวนเยว่! เจ้าอย่ากำเริบเสิบสานเกินไปนัก! เจ้า…”
เขายังพูดไม่ทันจบ ฉู่หลิวเยว่ก็ยกเท้าขึ้นแล้วเหยียบลงที่หน้าอกของอี้เหวินเทาอย่างกะทันหัน!
กร๊อบ!
เสียงกระดูกหักดังขึ้นอย่างชัดเจน!
ใบหน้าของอี้เหวินเทาแดงก่ำ หน้าอกยุบลง
…ลูกเตะนั้นของฉู่หลิวเยว่ทำให้กระดูกซี่โครงของเขาหักไปหลายส่วน!
“อี้เหวินจั๋ว ตอนนี้พี่ใหญ่ของเจ้ามีสภาพเป็นเช่นนี้แล้ว หากข้าไม่กำเริบเสิบสาน…หรือว่าจะให้เขากำเริบเสิบสาน? เจ้าก็ลองถามพี่ใหญ่ของเจ้าดูสิว่าตอนนี้เขายังจะลุกขึ้นมากำเริบเสิบสานได้หรือไม่? หื้ม?”
ลูกเตะของฉู่หลิวเยว่รุนแรงเป็นอย่างมาก พลังภายในร่างกายของอี้เหวินเทาไหลวนอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เขาพูดอันใดไม่ออกแม้แต่คำเดียว เมื่ออ้าปากเขาก็กระอักเลือดออกมาในทันที
ใบหน้าของอี้เหวินจั๋วมืดครึ้ม
ฉู่หลิวเยว่เหยียบบนร่างกายของอี้เหวินเทาเช่นนั้น เท่ากับเหยียบบนศีรษะของคนตระกูลอี้ทุกคน!
แล้วพวกเขาจะอดทนได้อย่างใด?
แต่ว่า…ทนไม่ได้ก็ต้องทน
พวกเขาไม่อยากเห็นเรื่องมันย่ำแย่ลงไปมากกว่านี้
ในขณะนั้นเองจวินจิ่วชิงก็สาวเท้าก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว แล้วพูดว่า
“การประลองครั้งนี้ เจ้าชนะแล้ว พวกเราตระกูลอี้ ขอยอมรับความพ่ายแพ้!”
คนตระกูลอี้ทุกคนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่าจวินจิ่วชิงจะเป็นคนเอ่ยปากพูดออกมาเช่นนี้
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งขมวดคิ้วมุ่น
“นายน้อย ท่านประมุขยังไม่ได้ยอมแพ้ หากท่านทำแบบนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะสมละมั้ง?”
จวินจิ่วชิงหรี่ตาลงเล็กน้อย ในแววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา
ฉู่หลิวเยว่ก็หัวเราะขึ้นมา
“ใช่แล้ว ในการประลองครั้งนี้ข้าต่อสู้กับท่านประมุขของเจ้า ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ประโยคนี้ต้องให้ประมุขอี้เป็นคนพูดออกมาด้วยตัวเองสิถึงจะถูก”
ขณะที่พูดนางก็หันไปมองทางอี้เหวินเทา
“ประมุขอี้ เจ้ามีความเห็นว่าอย่างใด?”
อี้เหวินเทารู้สึกเคียดแค้นชิงชัง!
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ แน่นอนว่าเขาไม่อยากจะยอมรับความพ่ายแพ้นี้
หากไม่ยอมแพ้ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้…เขาก็แทบจะไม่มีโอกาสได้ฟื้นตัวเลย
เขาหลับตาลงแล้วพูดอย่างยากลำบาก
“ข้า…”
เขาเพิ่งพูดได้หนึ่งคำ ฉู่หลิวเยว่ก็ออกแรงที่ปลายเท้า ทำให้อี้เหวินเทาต้องกลืนคำพูดที่เหลือลงคอไป!
ความเจ็บปวดอันแสนสาหัสแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะทรวงอกที่เหมือนถูกกดทับอย่างแรง ทำให้เขาหายใจลำบาก พูดอันใดไม่ออกสักคำ!
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น
“หา? ดูเหมือนว่าประมุขอี้จะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้สินะ?”
ดวงตาคู่นั้นแทบจะกลอกไปด้านหลัง!
ตอนนี้คนตระกูลอี้ทุกคนก็สามารถมองออก ใช่ว่าประมุขอี้จะไม่อยากยอมแพ้ แต่เห็นได้ชัดว่าฉู่หลิวเยว่ไม่ต้องการให้เขาพูด!
“ในเมื่อประมุขอี้แข็งกร้าวเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้น…ข้าก็ต้องโน้มน้าวด้วยพลังที่แข็งแกร่งกว่า”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้าอย่างรู้สึกเสียดาย จากนั้นก็จะเริ่มลงมืออีกครั้ง
เหมือนว่านางต้องการเอาชีวิตของอี้เหวินเทา!
“หยุดก่อน!”
อี้เหวินจั๋วรีบพูดขึ้นมาทันที เขาทั้งรู้สึกโกรธและตกใจ
มีใครมองไม่ออกบ้างว่าฉู่หลิวเยว่เจตนาทำเช่นนี้?
เห็นได้ชัดว่านางต้องการจะเอาชีวิตของอี้เหวินเทา!
การกระทำของฉู่หลิวเยว่ไม่ได้หยุด เดิมทีนางไม่เห็นอี้เหวินจั๋วอยู่ในสายตาเลย
นางยกเท้าขึ้นแล้วเบี่ยงตัวไปด้านข้าง ก่อนเหยียบลงที่ข้อเท้าของอี้เหวินเทา!
กร๊อบ!
เสียงกระดูกหักดังลั่น เมื่อได้ยินดังนั้น หนังศีรษะของทุกคนก็รู้สึกชาหนึบไป!
อี้เหวินเทาแทบจะไม่มีกำลังตอบโต้เลย เขาเจ็บจนร่างกายสั่นสะท้าน ปากก็กระอักเลือดออกมาไม่หยุด จนแทบจะสลบลงไป
สภาพของเขาเช่นนี้ช่างน่าอนาถจริงๆ
จวินจิ่วชิงหันกลับไปมองผู้อาวุโสที่เพิ่งจะห้ามปรามเขา พร้อมส่งรอยยิ้มเย็นยะเยือก
“ตอนนี้ พวกเจ้าคิดว่าสิ่งที่ข้าเพิ่งกระทำไปนั้นเป็นเรื่องที่สมควรหรือไม่?”